ถอดรหัสความสำเร็จ One Piece 2023 การเดินทางของราชาโจรสลัดสู่ Real World
เหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของคุณคืออะไร ? สำหรับเรา คงเป็นการได้เห็นการ์ตูนเรื่องโปรดในดวงใจ ได้ออกมาโลดแล่นในโลกแห่งความจริง เปลี่ยนภาพขาวดำในมังงะ ให้กลายเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยสีสันตระการตา ~
ดูเหมือนว่าคำปรารถนาของใครหลายคนเป็นจริง เมื่อ Netflix ประกาศจะสร้าง Live Action ของ One Piece ราชาโจรสลัดที่ครองใจแฟน ๆ ทั่วโลก เรื่องราวของ มังกี้ ดี ลูฟี่ เด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากเป็นราชาโจรสลัด กับการเดินทางไปหาชิ้นส่วนวันพีซ พร้อมกับแก๊งเพื่อนที่เต็มไปด้วยมิตรภาพอันสวยงาม
แม้จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ถึงการนำการ์ตูนในตำนานเรื่องนี้ มาสร้างในเวอร์ชันคนแสดง แต่เมื่อถึงเวลาลงฉายจริง ๆ กลับได้รับเสียงตอบรับมาในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นคะแนนที่สูงลิบลิ่วบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes หรือมะเขือเน่าที่เราคุ้นเคย การพูดถึงในโลกโซเชียล และติดอันดับ 1 บน Netflix กว่า 84 ประเทศทั่วโลก และกลายเป็นสถิติใหม่ในปี 2023 นี้เลยทีเดียว
“นี่คือ Live Action ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา” หนึ่งจากหลาย ๆ คำชื่นชมของสาวกการ์ตูนที่ตอกย้ำให้เราเห็นว่า การกลับมาของราชาโจรสลัดครั้งนี้ พร้อมจะสั่นสะเทือนปี 2023 ให้ลุกเป็นไฟ ! ซึ่งอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จที่น่าชื่มชมเหล่านี้นั้น ตามไปออกเรือแล้วหาคำตอบไปด้วยกัน ~
คงเสน่ห์แฟนตาซีของต้นฉบับ เพราะควบคุมการสร้างโดย อ.โอดะ
ใครที่เคยดูวันพีซ น่าจะพอรู้กันดีว่าเสน่ห์ของการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ที่ เนื้อเรื่องสุดแฟนตาซี ที่ตัวละครจะมี “พลังวิเศษ” ที่ได้จากผลไม้ปีศาจ, ฉากแอ็กชันสุดสร้างสรรค์ ไปจนถึงการดำเนินเรื่องที่น่าตื่นเต้น และบางครั้งก็ทำให้เราเสียน้ำตาไปกับมิตรภาพของผองเพื่อน
ทั้งหมดคือเสน่ห์ที่ถูกบรรจงสร้างมาอย่างพิถีพิถันของ “อาจารย์เออิจิโร โอดะ” ผู้แต่ง One Piece แบบออริจินัล และทำให้มันโด่งดังมาตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปัจจุบัน !
แน่นอนว่าพอนำความสนุกของมังงะ มาสร้างเป็น Live Action ทีมผู้สร้างต้องพยายามทำการบ้านอย่างหนักในการเก็บเสน่ห์เหล่านั้นให้คงอยู่ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด ก็การขอความช่วยเหลือจากผู้ที่รู้จักวันพีซมากที่สุดนั่นเอง
โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้ อ.โอดะ มาดูแลในตำแหน่งเอ็กซ์คลูซีฟโปรดิวเซอร์ เพื่อตรวจเช็กความถูกต้อง และดัดแปลงเนื้อเรื่องให้กระทบกับต้นฉบับน้อยที่สุด เพื่อให้แฟน ๆ วันพีซ และคนดูหน้าใหม่ ได้สนุกไปกับ One Piece 2023 นี้อย่างเต็มที่
นอกจากควบคุมงานโดย อ.โอดะแล้ว ในส่วนของการกำกับซีรีส์ ยังได้ สตีเวน มาเอดะ (Steven Maeda) จากซีรีส์ Lost (2004) และแมตต์ โอเวนส์ (Matt Owens) จากซีรีส์ Agents of S.H.I.E.L.D. (2013) มาดูแลในตำแหน่งผู้สร้างอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการรวมทีมของยอดฝีมือที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
แคสนักแสดงตรงบทบาท ถ่ายทอดมิตรภาพหลายสัญชาติ
แม้วันพีซ จะมีตัวเอกคือ “ลูฟี่” แต่แฟน ๆ ทุกคนรู้ดีว่า เรือโจรสลัดจะออกเดินทางไม่ได้ หากปราศจากลูกเรือ ซึ่งแก๊งเพื่อนของลูฟี่เอง ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันที่สำคัญที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้โด่งดังจับใจใครหลายคน
ไม่ว่าจะเป็น นามิ เด็กสาวผมส้มที่เก่งเรือการเดินเรือ, โซโร ซามูไรหนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์, อุซป หนุ่มอารมณ์ดีที่ยิงปืนแม่นที่หนึ่ง, ซันจิ เชฟผมทองผู้มีขาเป็นอาวุธ นี่ยังไม่รวมถึงตัวละครอื่น ๆ ที่ยังไม่ปรากฎมาในภาคแรก
ถือเป็นความหินอย่างหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อต้องหานักแสดงที่มีคาแรกเตอร์ตรงกับบทสุดยูนีคเหล่านี้ แต่ทีมผู้สร้างก็พยายามกันอย่างเต็มที่ แคสนักแสดงสมาชิกกลุ่มหมวกฟาง 5 คนออกมาได้เป๊ะ เหมือนหลุดมาจากการ์ตูน
1. มังกี้ ดี ลูฟี่ รับบทโดย Iñaki Godoy นักแสดงชาวเม็กซิกัน
2. โรโรโนอา โซโร รับบทโดย Mackenyu Maeda นักแสดงชาวญี่ปุ่น
3. นามิ - Emily Rudd นักแสดงชาวอเมริกัน
4. อุซป - Jacob Romero Gibson นักแสดงชาวอเมริกัน
5. ซันจิ - Taz Skylar นักแสดงลูกครึ่งอาหรับ-อังกฤษ
จะเห็นได้ว่าเป็นทีมนักแสดงที่มีหลากหลายสัญชาติ เช่นเดียวกันกับเนื้อเรื่องในมังงะที่เราคุ้นเคย แถมพวกเขาแต่ละคนก็เป็นแฟน ๆ การ์ตูนเรื่องนี้กันอยู่แล้ว ทำให้สามารถเข้าถึงบทบาทที่ตัวเองได้รับเป็นอย่างดี !
ย่อเนื้อเรื่องกว่า 11 เล่ม สู่ซีรีส์ 8 ตอนได้อย่างไม่ติดขัด
วันพีซ เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่ขึ้นชื่อเรื่องความยาวของเนื้อเรื่อง โดยปัจจุบันมีจำนวนตอนกว่า 1075 ตอน และยังไม่มีท่าทีว่าจะจบ ถือเป็นอีกหนึ่งมังงะปราบเซียนที่ทำนักอ่านหลายคนท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
เมื่อจำนวนตอนที่มหาศาล และเส้นเรื่องที่ละเอียดยิบย่อย ต้องถูกย่อส่วนลงมาใน Live Action 8 ตอนใน Season ที่ 1 จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานปราบเซียนเลยทีเดียว
แต่ทางทีมผู้สร้างก็มีการทำการบ้านมากับอ.โอดะเป็นอย่างดี โดยมีการดัดแปลงตัวร้ายในภาคแรกให้เหมาะสมกับจำนวนตอน เปลี่ยนจากดอนครีก ให้เป็น อาลอง มนุษย์เงือกผู้เกลียดชังมนุษย์แทน ซึ่งแม้จะน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของวันพีซลดน้อยลงแต่อย่างใด
ยังไม่รวมถึงฉากเล่าอดีตของแต่ละสมาชิก ที่ถือเป็นไฮไลต์ของภาคแรกนั้น ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี มีการร้อยเรียงเนื้อหาตัดสลับระหว่างอดีตและปัจจุบันได้กลมกลืนไม่ต่างจากในมังงะเลยทีเดียว
องค์ประกอบศิลป์สุดอลังการ ที่ถอดแบบมาจากในมังงะ
องค์ประกอบศิลป์ คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ One Piece แบบ Live Action ได้คำชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับทุก ๆ ส่วนของซีรีส์ เริ่มตั้งแต่การออกแบบเสื้อผ้าของกลุ่มหมวกฟาง โดยเฉพาะลูฟี่ ที่ถอดแบบออกมาจากในมังงะได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยทีมงานได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขามีการปรับเครื่องแต่งกายให้ดูโทรมและเก่า ตามสภาพของเรือโจรสลัด และหลีกเลี่ยงอะไรที่แวววาว เพราะมันจะทำให้ดูเหมือนใส่ชุดคอสเพลย์ มากกว่าเป็น Live Action
ยังไม่รวมถึงการออกแบตัวละครอย่างอุซปและซันจิ ที่มีการปรับจากมังงะ ที่อุซปจะมีจมูกที่ยาว และซันจิ มีคิ้วขมวดเป็นปม ให้เป็นจมูกและคิ้วของคนปกติมากขึ้น เพื่อความสมจริงนั่นเอง
หรืออีกหนึ่งส่วนประกอบที่สำคัญอย่าง “เรือโกอิ้ง แมรี่” เรือโจรสลัดลำแรกของกลุ่มหมวกฟาง ทางทีมก็สร้างขึ้นมาได้อย่างเป๊ะทุกส่วนจริง ๆ เชื่อว่าแฟนคลับที่ดู น่าจะมีแอบน้ำตาซึมเพราะคิดถึงน้องกันอย่างแน่นอน
สุดท้ายที่ต้องยกนิ้วให้ ก็คือการถ่ายทอดฉากแอ็กชั่นออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะพลังวิเศษของลูฟี่ ที่กินผลโกมุโกมุ ทำให้ตัวเค้ากลายเป็นยางยืด ซึ่งถ้าทำได้ไม่ดี ฉากแขนยืด อาจจะกลายเป็นฉากที่น่ากลัว เหมือนแม่นาคตอนเก็บมะนาวก็เป็นได้
ทั้งหมดคือส่วนผสมที่ลงตัวที่ทำให้ One Piece Live Action กลายเป็นอีกหนึ่งตำนาน ที่แฟน ๆ การ์ตูนหลายคนให้การยอมรับ เพื่อน ๆ สามารถไปรับชมความสนุกสุดตื่นเต้นนี้ได้ที่ Netflix โดยภาคแรกมีทั้งหมด 8 ตอนด้วยกัน ว่าแล้วก็ไปตามล่าวันพีซกันเลย !
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
