Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
9 ก.ย. 2023 เวลา 04:26 • นิยาย เรื่องสั้น
ผจญภัยมิติพิศวง 11 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์
.
บทที่ 14 การเดินทางวันที่ 10 และ ล่องไพรลำดับที่ 9
.
บทประพันธ์ของ น้อย อินทนนท์
.
3. ชัยชนะของตาเกิ้น
.
ขณะนั้นเองชายชรารุ่นราวคราวเดียวกับตาเกิ้นก็ก้าวออกมาข้างหน้า หนังเสือดาวที่แกนุ่ง ถุงย่ามหนังลิงแขวนอยู่กับที่คาดเอว ศีรษะคาดด้วยหนังงูเหลือม
นี่คือบรูโยหมอผีประจำเผ่าซึ่งจำได้ว่าซามอเกิ้นคือซามอร่าที่ถูกโรเบอร์โตฆ่าตาย แต่ประเพณีของที่นี่ประหลาดมากเพราะเชื่อว่าวิญญาณอาจกลับมาในร่างคนอื่นได้ ยิ่งหน้าตาเหมือนกันยิ่งเชื่อใหญ่
.
เจ้าหมอผีประจำเผ่าไม่ได้สนใจตาเกิ้นเลย แกเดินตรงมาที่โรเบอร์โตพิจารณาตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า แล้วจู่ ๆ ก็ถ่มน้ำลายรดหัวโรเบอร์โตโดยไม่ทันรู้ตัว คำรามด้วยเสียงดุดัน "อ๊อตซิตี้ อาวิโร นาคะ โมเยริ เฮ้"
.
โรเบอร์โตผงะด้วยความตกใจหันมากระซิบกับศักดิ์ให้บอกซามอเกิ้นว่าไอ้หมอผีนี่จะฆ่าเขา ขอให้ซามอเกิ้นเป็นซามอราหัวหน้าเผ่าโอกา มีอำนาจเหนือบรูโย พยายามใช้ปัญญาอย่าใช้กำลัง
.
ศักดิ์จึงหันไปบอกตาเกิ้นว่าหมอผีคนนั้นไม่เชื่อว่าตาเกิ้นคือ ซามอร่า ความยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้น ทุกคนต้องถูกฆ่าตายหมด หากซามอเกิ้นไม่เป็นซามอร่า แล้วหมอผีก็หันไปสั่งบรรดานักรบที่นั่งรอบ ๆ ว่า "โมเยริ โมเยริ"
.
ศักดิ์สั่งให้ตาเกิ้นยิงปืนขึ้นฟ้าทันทีที่พวกนั้นเฮกันเข้ามา ทั้งที่ตาเกิ้นต้องการยิงพุงกะทิไอ้ย่ามลิงนั่น แต่ไมราร้องห้ามเสียงหลงเพราะคนพวกนี้เชื่อฟังบรูโย
.
ตาเกิ้นยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดพวกคนป่าจึงชะงัก เจ้าหมอผียังคงร้องลั่น "โมเยริ โมเยริ อ๊อตซิตี้"
โรเบอร์โตจึงบอกบรูโยว่า ซามอเกิ้นขอท้า ด้วยการแสดงอภินิหารแข่ง โดยการเสกน้ำเป็นไฟ กินน้ำร้อนที่กำลังเดือด และยิงไม่เข้า
.
ไมราเข้าใจแผนการของโรเบอร์โตได้ทันทีจึงส่งขวดแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ให้ตาเกิ้นเทใส่ปากอม จุดไม้ขีดไฟแล้วพ่นออกไป (การแสดงเสกน้ำเป็นไฟ) ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของนักรบและชายหญิงทั้งหลาย
.
ไมราส่งถ้วยพลาสติกใสให้ตาเกิ้นพร้อมด้วยแอลกาเซ็ลต์เซอร์เม็ดหนึ่งติดอยู่ก้นถ้วย ตาเกิ้นรินน้ำจากกระติกลงไป ขณะที่มันเป็นฟองเดือดพล่านอยู่นั้น แกก็ชูให้ทุกคนดูแล้วเทใส่ปากจนเกลี้ยง(กินน้ำร้อนที่กำลังเดือด) เสียงเฮดังมาจากรอบบริเวณลาน >>>แอลกาเซ็ลต์เซอร์(Alka Seltzer) เป็นเม็ดฟู่เมื่อใส่น้ำ แก้เมาค้างได้ดี
.
ตาเกิ้นคว้าปืนคู่มือแกยิงไปที่ต้นไม้ใหญ่โดยไม่ต้องเล็ง แล้วจึงชวนบรูโยให้ไปดูรอยกระสุนที่ทะลุต้นไม้อธิบายด้วยภาษาใบ้ซึ่งบรูโยก็เข้าใจ จากนั้นตาเกิ้นก็เข้า
ไปยืนตรงรูกระสุน ส่งปืนให้ศักดิ์แล้วกระซิบบอกให้เอาหัวกระสุนออกนะ
ศักดิ์หยิบกระสุนที่เอาหัวออกแล้วใส่เข้าไปในรังเพลิงแล้วลั่นไก สิ้นเสียงปืนตาเกิ้น
ก็หัวเราะก๊ากแล้ววิ่งมายืนกลางลาน หันไปหาหมอผีผู้นั้นพลางยกมือชี้หน้าร้องว่า
.
"ตาเกิ้นซามอรา โมเยริ โมเยริ" ทันทีที่ขาดเสียง เหล่านักรบก็หันไปหาหมอผีผู้นั้นพลางยกหอกสั้นชี้ใส่หน้าร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า "โมเยริ บรูโย โมเยริ" (ฆ่าหมอผีเสีย)
.
ขณะนั้นหน้าตาของบรูโยหมอผีประจำเผ่าเต็มไปด้วยความตกใจ นัยน์ตาเบิกโพลง เหงื่อไหลโซมกาย จ้องดูตาเกิ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง เขายกมือทั้ง 2 ขึ้นเหนือศีรษะพลางร้อง "ซามอรา...กามารี...ซามอรา...กามารี"
.
แล้ววิ่งหนีเข้าป่ารกไป โรเบอร์โตหัวเราะลั่นที่บรูโยเชื่อว่าซามอเกิ้นเป็นวิญญาณของซามอรากลับชาติมาเกิด ศักดิ์งงที่พวกนี้กลับไปกลับมา เดี๋ยวนับถือ เดี๋ยวฆ่า โรเบอร์โตตอบว่า
.
ที่นี่อภินิหารเป็นใหญ่ ใครมีอภินิหารมากกว่าจึงปกครองพวกนี้ได้ บรูโยไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่นอน เขาคืดว่าเวลานี้เวทมนต์เขาสู้ซามอเกิ้นไม่ได้จึงไปทรงเจ้าเข้าผีที่ไหนสักแห่งปลุกใจให้กล้าแล้วกลับมาใหม่
.
แต่พวกเขาก็ไม่อยู่ช้าหรอกให้ซามอเกิ้นอยู่กับลูกเมียสักวัน-2วันก็เดินทาง พอตาเกิ้นรู้เท่านั้นแกก็ยกมือทั้ง 2 ขึ้นเหนือศีรษะพลางอุทานว่า
"ยายที่กินคน เทวดาช่วยด้วย ตาเกิ้นขอตัวที ยกให้นายโต(โรเบอร์โต) ยกให้ใคร ๆ
ก็ได้ ตาเกิ้นไม่รับประทาน"
.
การเลี้ยงฉลองต้อนรับโดยชาวโอกาคืนนี้แม้จะเพิ่งเสร็จสิ้นลง แต่ภายในกระท่อมหลังใหญ่ที่จัดให้คณะของศักดิ์พักก็เงียบสงัด เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางรวมทั้งเมามายด้วย
.
ศักดิ์ยังตื่นอยู่ตอนได้ยินเสียงไมราที่นอนข้างสามีคนละฟากกองไฟกับเขาถามว่าใครกรน ศักดิ์จึงว่าตาเกิ้นล่อมานิออก(กระแช่)เข้าไปมากจึงหลับเป็นตาย
ไมรากล่าวขอบใจที่แกแสดงเป็นซามอร่าได้ดีเหลือเกิน หล่อนนั่งข้างกองไฟต่อสักพัก ใบหน้าสวยคมและเข้มแข็งมองไปที่ประตูเล็กของกระท่อมที่เปิดไว้แล้วหล่อนก็ล้มลงนอนต่อไป
.
ลมหนาวอันเย็นเฉียบจากข้างนอกพัดวูบเข้ามาทางประตูนั้น ไมราผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกระทันหันใบหน้าเคร่งเครียด ครั้นศักดิ์ถามว่ามีอะไรไมราก็ตอบว่าได้ยินเสียงคนเดินมาที่กระท่อมพักจากฝั่งลำธาร จะว่าชาวบ้านก็เป็นไปไม่ได้ เพราะชาวป่าจะไม่ออกจากกระท่อมไปไหนเวลากลางคืน
.
ตาเกิ้นผวาตื่นถามว่าพวกโอกาจะมาจับไปย่างกินหรือ ศักดิ์จึงบอกให้รู้ว่าไมราได้ยินเสียงคนเดินมาทางนี้ ตาเกิ้นบอกไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงถอนใจของนายโตที่ดังเหมือนวัวเหมือนควาย แล้วไมราก็กระซิบด้วยความตื่นเต้นว่าเสียงมันดังอีกแล้วใกล้เข้ามาๆ
.
ตาเกิ้นคว้าฟืนดุ้นหนึ่งเป่าจนลุกแล้วเดินออกจากประตูกระท่อมหายไปทางฝั่งลำธาร ไมรายังคงยืนยันว่าเธอได้ยินเสียงคนขึ้นจากน้ำแล้วเดินมาทางนี้อย่างช้า ๆ
.
เสียงตาเกิ้นร้องเหมือนวัวเหมือนควายดังมาจากความมืดข้างนอก เสียงซึ่งแสดงถึงความตกอกตกใจอย่างถึงขนาดของแก บอกให้รู้ว่าแกกำลังตกอยู่ในอันตราย
.
ศักดิ์คว้าปืนได้ก็วิ่งออกจากกระท่อมโดยมีไมราวิ่งตามมาติด ๆ และไม่ได้หยิบไฟฉายติดมือมาด้วย ที่ชายฝั่งลำธารห่างจากกระท่อมราว 300 ก้าว ตาเกิ้นกวัด
แกว่งดุ้นฟืนอยู่ในมือ
.
4.อะนาคอนดาพยายาท
.
ท่ามกลางความมืดแลเห็นประกายดำมะเมื่อม ท่ามกลางกระแสน้ำเป็นระรอก และเสียงไม้ไร่หักโครมครามรอบกาย ศักดิ์และไมราวิ่งยังไม่ถึงจุดที่ตาเกิ้นอยู่ ไมราถึงกับร้องลั่นเมื่อแลเห็น "ไมก็อดคุณสาก ระวังตัวให้ดี นี่มันอะนาคอนดาอย่าให้มันรัดได้"
.
เสียงตาเกิ้นดังลั่นมาในท่ามกลางความมืดว่าแกกำลังถูกมันกอด จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แหม่มจ๋า ศักดิ์จึงร้องบอกให้แกใช้ดุ้นฟืนนั่นแหละทิ่มตามันเข้า
ไปอย่ามัวแกว่งอยู่ แต่เวลานนี้ตาเกิ้นรู้เสียเมื่อไหร่ล่ะว่าทางไหนหัวทางไหนหาง
.
ตอนนั้นคนทั้งหมู่บ้านพากันตื่น ชาวโอกาทั้งชายหญิงต่างถือคบเพลิงแห่กันมาที่
ท่าน้ำ และเป็นเวลาที่ร้อยเอกเรือง ดร.สมิธ รวมทั้งโรเบอร์โตมาถึง
.
เจ้าลูกครึ่งถึงกับร้องลั่นเมื่อเห็นนายร้อยเอกเตรียมยิง "คารัมบา อย่ายิง กัปปิตันยุทธนา การเกร็งของอะนาคอนด้า จะทำให้กระดูกซามอเกิ้นแหลกเป็นผง"
.
ไมราร้องเตือนให้โรเบอร์โตทำอะไรสักอย่างก่อนที่เธอและศักดิ์จะไปอยู่ขดเดียวกับซามอเกิ้น
โรเบอร์โต ร้อยเอกเรือง และดร.สมิธ จึงวิ่งไปคว้าคบเพลิงของชาวบ้านที่ยืนตัวสั่นอยู่จี้ที่หางและตามลำตัวของงู มันจึงคลายตัวจากตาเกิ้นจะเลื้อยลงน้ำ
.
.375 แม็กนั่มในมือของร้อยเอกเรืองก็ลั่นเข้าที่หัวและก้านคอ 2 นัดติด ๆ กัน โรเบอร์โตกระโดดไปอุ้มตาเกิ้นที่สิ้นสติพาดไหล่ แล้วร้องบอกให้ทุกคนหลบให้พ้นจากต้นไม้เหล่านั้น
.
ขณะที่ลำตัวและหางของเจ้างูยักษ์เกิดสปัสซั่มเมื่อมันใกล้ตาย พลิกฟาดกวาดเอาต้นไม้ใหญ่น้อยในบริเวณนั้นล้มระเนระนาดอยู่เป็นนาน ความเคลื่อนไหวจึงช้าลงและหยุดแน่นิ่ง
.
ชาวโอกาต่างพากันคุกเข่าลงแหงนหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าเปล่งเสียงพร้อมกันว่า "ปาวา...ปาวา...ปาวา" โรเบอร์โตอธิบายว่า "คนเหล่านี้เชื่อว่าอะนาคอนดาเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเชื่อว่าซามอเกิ้นกำลังจะเป็นพระเจ้าของเขาต่อไป"
.
ท่ามกลางแสงคบไฟของชาวบ้าน งูยักษ์ตัวนั้นมีลักษณะเหมือนงูเหลือมทุกอย่าง ความยาวของมันกว่า 120 ฟิต แต่โรเบอร์โตก็ยืนยันว่า 100-120 ฟิต เป็นขนาดความยาวทั่วๆไป มีบันทึกไว้เป็นสถิติคืออะนาคอนดาที่มีความยาวมากกว่า150ฟิต
.
ไมราขออย่าพบมันอีกเลยเธอกลัวมากแต่โรเบอร์โตบอกว่าจะต้องพบมันอีก ตามความเชื่อของพวกโอกาอะนาคอนดามีคู่ของมัน ตัวหนึ่งตายอีกตัวต้องตามมาแก้แค้น
.
ไมราบอกให้โรเบอร์โตสั่งพวกโอกาเผาซากงูทิ้งเสียแต่คนเหล่านั้นไม่ยอมเพราะเชื่อว่าเมื่อคู่ของมันมาแล้วไม่เห็นซาก พวกเขาจะพากันตายหมด และยังเชื่อด้วยว่านี่เป็นฝีมือของบรูโยที่หนีไป
.
ในที่สุดคณะของศักดิ์ก็จำต้องทิ้งซากงูยักษ์ไว้ก่อนแล้วกลับไปนอนพักแต่ก็ไม่มีใครหลับลง กองไฟที่ลานบ้านถูกก่อให้สว่างอีกครั้ง เสียงกลองดังก้องเป็นจังหวะเยือกเย็น
.
ศักดิ์นอนตาแข็งจนเกือบใกล้สว่างเสียงไก่ขันเพรียกมาจากราวป่า ไมราผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกระทันหัน หล่อนได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว หรือคู่ของมันกำลังมา แต่คราวนี้มิใช่เสียงเลื้อยคลานเพียงอย่างเดียวมีเสียงอื่นด้วย เป็นเสียงโหยหวนครวญครางเหมือนคนถนัดชัดเจนและใกล้เข้ามาจนศักดิ์ขนลุกเกรียวทั้งร่าง เสียงกลองรัวถี่ขึ้นเหมือนทั้งหมู่บ้านยังตื่นและได้ยินเช่นกัน
.
ศักดิ์คว้าปืนและไฟฉายออกไปที่ประตูกระท่อมส่องกราดไปที่ท่าน้ำและรอบ ๆ ก็ไม่พบความผิดปกติ ซากงูยักษ์ยังอยู่ที่เก่าทั้งหมู่บ้านว่างเปล่า กองไฟสว่าง เสียงกลองดังจากที่ใดที่หนึ่งราวจะขับไล่เสียงอันชวนสยองนั้นออกไป
.
ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มสว่างเสียงลิง ค่าง ร้องขรมมาจากเนินเขาข้างหน้า แล้วเสียงประหลาดนั้นก็เงียบหายไปพร้อมเสียงกลอง ศักดิ์บอกไมราให้นอนพักตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรรบกวนเธอได้อีก
.
ไมราเสนอให้เดินทางวันนี้เพราะถ้าอยู่ต่อไปอีกคืนเธอคงบ้าตายเพราะเสียงนั้น แต่แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถเดินทางได้ตามแผนเพราะซากงูยักษ์หายไป ทำให้พวกโอกาแสดงกิริยาไม่เป็นมิตรเพราะความเชื่อที่ว่าบรูโยสั่งงูมาทำร้ายซามอเกิ้น เมื่องูตายแสดงว่าอำนาจบรูโยสู้ซามอเกิ้นไม่ได้ แต่เมื่องูหายแสดงว่าอำนาจบรูโยเหนือกว่าซามอเกิ้น
.
หากทุกคนรีบเดินทางตอนนี้พวกโอกาก็จะคิดว่าซามอเกิ้นกลัวอำนาจบรูโย และซามอเกิ้นไม่ใช่ซามอราตัวจริง โอกาจะพลอยผสมโรงตามทำร้าย ทางที่ดีก็คืออยู่ต่ออีกวันให้เห็นว่าไม่มีใครกลัวบรูโยแล้วพรุ่งนี้จึงค่อยเดินทาง มาถึงตอนนี้โรเบอร์โตยืนยันว่าเขาจำทางได้แล้ว
.
ตลอดวันนั้นทั้งวันทุกคนอยู่ด้วยความไม่สบายใจ และรู้สึกถึงความเป็นศัตรูของพวกโอกา ศักดิ์ต้องให้ตาเกิ้นและร้อยเอกเรืองไปหาอาหารในป่าจึงได้มาเพียงประทังไป 1 มื้อ
.
พวกนักรบต่างจับกลุ่มเป็นหมู่คอยสังเกตท่าทีว่าพวกของศักดิ์จะทำอย่างไรต่อไป ในขณะที่ฝั่งของศักดิ์ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ และเช็ดปืนผาหน้าไม้เพื่อเดินทางในวันรุ่งขึ้น ก็เพราะปืนนี้เองทำให้พวกนักรบไม่กล้าลงมือหรือย่างกรายเข้ามาใกล้ที่พัก
.
ในที่สุดเวลากลางคืนที่ทุกคนหวาดกลัวก็มาถึง เพื่อความไม่ประมาทจึงมีการจัดเวรยามผลัดละ 2 ชั่วโมงจนกว่าจะรุ่งสว่าง โรเบอร์โตที่แขนยังเจ็บอยู่ตอนหัวค่ำ ถัดไปเป็นดร.สมิธ ร้อยเอกเรือง ตาเกิ้น และศักดิ์เป็นลำดับ
.
ส่วนไมราก็ปล่อยให้หลับตามสบายเพื่อชดเชยกับความอ่อนเพลียที่ได้รับในคืนก่อน ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น นอกจากเสียงกลองที่ดังเป็นจังหวะเหมือนคืนก่อนจนกระทั่งถึงเวรของตาเกิ้นเมื่อเที่ยงคืนล่วงไปแล้ว
.
ศักดิ์ตื่นขึ้นมาพบตาเกิ้นสูบยามานใบตองแดงวาบในความมืดข้างประตู แกบอกว่า เหตุการณ์ในนี้เรียบร้อย แหม่มไมราละเมอออกมาหนหนึ่ง แต่เรื่องภายนอกแกไม่รู้ ตาเกิ้นรำคาญเสียงไอ้กลองบ้าบอนั่น ไม่รู้มันจะตีไปหาตวักตะบวยอะไรกัน ฟังๆ ไปมันชวนให้ง่วงนอน"
.
ศักดิ์บอกให้ตาเกิ้นปลุกเขาเมื่อแกง่วง แล้วเอนกายลงพื้นกระท่อมใหม่แต่ยังไม่ทันจะหลับไมราก็ลุกพรวดร้องหาสามี แล้วจึงบอกกับศักดิ์ว่าเธอได้ยินเสียงเหมือนคืนก่อนมันกำลังมา ตาเกิ้นคิดว่าแหม่มละเมออีก
.
ขณะนั้นเองทั้งโรเบอร์โตและร้อยเอกเรืองก็ผวาตื่นแล้วกระโดดไปคุกเข่าข้างตาเกิ้นที่ประตูเงี่ยหูฟังแล้วหันมากระซิบเสียงสั่น ๆ "อะนาคอนดาหลายตัวเสียด้วย"
.
เมื่อศักดิ์ค้านว่าเป็นเสียงคน โรเบอร์โตตอบว่า "อะนาคอนดา อะมีโก...อะนาคอนดาซึ่งร้องได้เหมือนคน" แต่ตาเกิ้นว่า "งูฝรั่งมังค่าทางนี้ชอบกล ร้องเสียงเหมือนเปรตวันทอง"
.
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกคราวนี้ดังกว่าคราวแรก พร้อมกับเสียงหัวเราะก้องของบรูโยระคนมาด้วย เสียงกลองที่ดังอยู่ในหมู่บ้านหยุดทันที
ทันใดนั้นโรเบอร์โตก็ร้องออกมาจนสุดเสียงเบี่ยงศีรษะหลบสิ่งหนึ่งซึ่งพุ่งเข้าใส่เขาเต็มแรง กระท่อมทั้งหลังสั่นสะเทือนไป
.
ท่ามกลางความชุลมุลวุ่นวายแสงไฟฉายจากมือของร้อยเอกเรือง และ ดร.สมิธ ส่องให้เห็นศีรษะขนาดเท่าลูกมะพร้าว ลำตัวอันเลื่อมเป็นมันของเจ้างูยักษ์ขนาดไม่ย่อมไปกว่าเมื่อคืนวานส่ายไปมาอยู่กับพื้นกระท่อม
.
ปืนในมือของตาเกิ้นก็ลั่นขึ้นก่อนที่มันจะฉกใคร นัดหนึ่งเข้าที่หัวอีกนัดหนึ่งเข้าที่ก้านคอ แรงดิ้นและฟาดหางไปมาของมันทำให้ไม้ค้ำยันกระท่อมทั้งหลังหักพังลงทันที เสียงโรเบอร์โตร้องตะโกนลั่น "ทุกคนมาทางนี้ อะมีโก....ทุกคนมาทางนี้"
.
โปรดติดตามตอนต่อไป อวสานหมอผี ภาพปก งูอนาคอนดายักษ์(Giant Anaconda)เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เชื่อกันว่าว่ามีอยู่ในป่าดิบชื้น ทวีปอเมริกาใต้ โดยเป็นงูอนาคอนดาขนาดใหญ่ที่ใหญ่กว่างูอนาคอนดาธรรมดามาก
.
หมายเหตุ! คุณพนมเทียนเคยเขียนไว้ในเพชรพระอุมาว่า>>>จงอางส่งเสียงร้อง กะต๊าก ได้เหมือนไก่
.
>>>ราวเกือบ 20 ปีก่อน ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งอายุราว 84 ปี ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ท่านไปซื้อตึกแถวสร้างใหม่ 2 ชั้นที่เป็นสวนยางเก่า คืนวันหนึ่งฝนตกหนักมาก ท่านได้ยินเสียงคนส่งเสียงร้องมาในความมืด
.
จึงส่องไฟฉายจากหน้าต่างชั้น 2 ลงมาแต่ไม่พบใคร เมื่อส่องดูบริเวณคูน้ำหน้าบ้านที่ยังไม่ได้ทำฝาปิด จึงพบงูเห่าตัวดำมะเมื่อมขนาดใหญ่ ชูคอส่งเสียงร้อง
.
ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า งูสามารถส่งเสียงอื่นได้มากกว่าการส่งเสียงฟ่อ ๆ แต่จาก Pantip งูไม่สามารถส่งเสียงเป็นระดับสูงต่ำได้แบบสัตว์ปีกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะงูไม่มีกล่องเสียงหรืออวัยวะที่ใช้ในการส่งเสียงได้เหมือนแมลง
.
แต่งูหลายชนิดสามารถทำเสียงคล้ายเสียงยางรถรั่วได้ด้วยการหายใจเข้าออกแรงๆเช่น งูแมวเซา งูเห่า งูจงอาง ฯลฯ และนักวิจัยยังไม่เจออวัยวะที่ใช้ส่งเสียงหรือสร้างเสียง ปัจจุบันงูจึงยังเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถส่งเสียงได้
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย