9 ก.ย. 2023 เวลา 20:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🔷GFC หุ้น IPO น้องใหม่ กับปัญหามีบุตรยาก..จะไม่ยากอีกต่อไป ☺️

โมเดลธุรกิจ "คลีนิคให้บริการผู้มีบุตรยากครบวงจร"
🔷 ประวัติย่อๆ ของ GFC
ปี 2559 ก่อตั้งโดย รศ.นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชและเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และ นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ สูตินรีแพทย์ ร่วมกับแพทย์และผู้ชำนาญการชั้นนำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ได้ร่วมกันก่อตั้งคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ภายใต้ชื่อ “Genesis Fertility Center” ในย่านพระราม 3 (มีจำนวนห้องตรวจ 4 ห้อง)
🔷 ลักษณะธุรกิจ 5 กลุ่ม
1. การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา
2. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI (ฉีดน้ำอสุจิเข้าโพรงมดลูก)
3. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI (เด็กหลอดแก้ว)
4. การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน
5. การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่
🔷 โดยที่รายได้หลักๆ 90% มาจากค่าตรวจและการรักษาผู้มีบุตรยาก และการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (ICSI + NGS)
การเติบโตของรายได้ GFC นั้นจะสอดคล้องกับ "จำนวนผู้มีบุตรยาก" ที่มาเข้ารับบริการ โดยรายได้หลักคือ การรักษาด้วยวิธี ICSI (เด็กหลอดแก้ว)
🔷 มีจำนวนคนไข้มาใช้บริการต่อปี
ปี 63 : 717 คน
ปี 64 : 760 คน
ปี 65 : 985 คน
🔷 รายได้ของกิจการ
ปี 61 รายได้ 130.9 ลบ. / กำไรขั้นต้น 60.7 ลบ. / กำไรสุทธิ 35.7 ลบ.
ปี 62 รายได้ 240.9 ลบ. / กำไรขั้นต้น 120.8 ลบ. / กำไรสุทธิ 81.9 ลบ.
ปี 63 รายได้ 214.4 ลบ. / กำไรขั้นต้น 106.9 ลบ. / กำไรสุทธิ 66.5 ลบ.
ปี 64 รายได้ 242.1 ลบ. / กำไรขั้นต้น 119.2 ลบ. / กำไรสุทธิ 69.6 ลบ.
ปี 65 รายได้ 275.9 ลบ. / กำไรขั้นต้น 129.8 ลบ. / กำไรสุทธิ 65.6 ลบ.
🔷 จะเห็นว่ารายได้และกำไรขั้นต้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรสุทธิของ GFC ใน 3 ปีที่ผ่านมาทรงๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายพิเศษในช่วง Covid ประเด็นที่กดดันกำไร
🔷 สาเหตุที่ทำให้การเติบโตไม่เด่นใน 3 ปีที่ผ่านมา
1. ในด้าน "ต้นทุน" มีเหตุการพิเศษที่กระทบจากวิกฤตเรือบรรทุกสินค้า Ever Given ที่ขวางคลองสุเอซ ทำให้ค่ายาและเวชภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ (จาก 22.3% ของรายได้ เป็น 25.5% ของรายได้ในปี 65)
2. มีการเพิ่มแพทย์ พยาบาล รวมถึงฝ่ายห้องปฏิบัติการ ***โดยเฉพาะในปี 65 ที่เพิ่มจาก 49 ท่าน เป็น 63 ท่าน เพื่อรองรับการเติบโตในสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม9 (ที่เมื่อเปิดเต็มพื้นที่ จะมีห้องตรวจทั้งหมด 12 ห้องตรวจ เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากสาขาพระราม 3 )
3. SG&A ปี 64 มีค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษา IPO 3.5 ล้านบาท , ปี 65 มีเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มจำนวนเป็นปีแรก 3.68 ล้านบาท (เฉพาะคลินิก พระราม 3) และค่าใช้จ่ายพนักงานและผู้บริหารเพิ่มขึ้น 3.66 ล้านบาท จากการมีจำนวนผู้บริหารและพนักงานเพิ่มขึ้น + ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท
🔷 มาดูงบการเงินล่าสุดรอบ​ 6 เดือน 2566
- รายได้ 167 ลบ. +38% yoy
- กำไรสุทธิ 34 ลบ. +25% yoy
🔷 โอกาสในการเติบโต
1. การเติบโตจากลูกค้าชาวต่างชาติ : ปัจจุบัน GFC มีกลุ่มลูกค้าหลัก เป็นคู่สมรสคนไทย 70% และ คู่สมรสชาวไทยกับชาวต่างชาติ 10% , ในอนาคต คลีนิคสาขาสุวรณณภูมิ-พระราม9 จะมี 2 ชั้น ชั้นละ 6 ห้องตรวจ โดยแบ่งเป็น 1 ชั้นสำหรับลูกค้าขาวไทย และอีก 1 ชั้น สำหรับลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
2. เป็นคลีนิคที่มีชื่อเสียง และมี Success rate ที่ส
3. มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง และมีค่าใช้จ่ายในการขยายกิจการเข้ามาล่วงหน้าเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
4. บริษัทมีการประชาสัมพันธ์จากลูกค้าผู้มีชื่อเสียง Influencer เช่นดารา นักร้อง ทำให้ ปี 65 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการสูงขึ้นถึง 14% (สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมในไทยเฉลี่ย 2 เท่า)
🔷 รายละเอียดหุ้น IPO : GFC
- เสนอขาย 60 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญ
- ราคาเสนอขาย 7 บาท
- วันที่เสนอขาย 4-6 กันยายน
- วันเข้าเทรด 13 กันยายน
- PE 21.2 เท่า
โดยรวมแล้วเป็นหุ้น "คลีนิคเฉพาะทางด้าน IVF" ที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง แต่ส่วนค่าใช้จ่ายมีเข้ามาล่วงหน้าเพื่อรองรับการเติบโต และรายการพิเศษ onetime ทำให้กำไรยังไม่ได้แสดงศักยภาพเท่าที่ควร หลังจากนี้น่าติดตามเรื่องการเปิดคลีนิคใหม่ที่พระราม9 ที่มีห้องตรวจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวครับ จะสามารถเพิ่มรายได้ จากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้มากแค่ไหน น่าติดตามครับ 👍
.
หากเพื่อนๆ สนใจ ลองอ่าน filling เพิ่มเติม แล้วไปทำการบ้านต่อนะครับ 😊
โฆษณา