14 ก.ย. 2023 เวลา 23:46 • ท่องเที่ยว

วัดบรมราชกาญจนาภิเษกอนุสรณ์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) นนทบุรี

“วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์” หรือ “วัดเล่งเน่ยยี่ 2” เป็นสาขาของวัดเล่งเน่ยยี่ ที่เยาวราช .. ตั้งอยู่ที่ บางบัวทอง นนทบุรี เป็นวัดจีนนิกายมหายานในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย
วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ.2539 .. และแสดงความจงรักภักดี กตัญญูกตเวทิตาถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ที่คณะสงฆ์จีนนิกาย ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
.. และเพื่อตั้งเป็นพุทธสถานให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติธรรมและประกอบพิธีกรรมพร้อมทั้งเป็นที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจีนนิกาย อีกทั้งยังตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไทย-จีนเป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณรและสร้างศาสนทายาทของพระพุทธศาสนาสืบไปด้วย
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้เสด็จเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชานุญาติให้สร้างวัด และพระราชทานนามว่า "วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์".. และใช้เวลาในการสร้างกว่า 12 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์
ความใหญ่โตโอฬาร ความสวยงาม ความอลังการ ความรู้สึกทุกอย่างนั้นบังเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นวัดแห่งนี้แค่ข้ามผ่านประตูทางเข้าของวัดที่ใหญ่โต โอ่อ่า .. เหมือนกับตอนนี้เราอยู่เมืองจีน
สถาปัตยกรรมโดยรวมของวัด เป็นพุทธศิลป์แบบสไตล์วัดจีนคลาสสิกในช่วงราชวงค์หมิงและชิง ที่สวยงามมากๆ มีความคล้ายกับ “พระราชวังต้องห้าม” ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนมากเลยทีเดียว
ว่ากันว่า .. ทางวัดได้วางผังตามแบบวัดพุทธศาสนานิกายฌาน แล้วเชิญช่างฝีมือชั้นครูจากประเทศจีน มาดำเนินการก่อสร้าง ผลงานที่ออกมาเป็นที่ประจักษ์จึงมีลวดลาย ความประณีต และใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างมาก
แค่เข้ามาถึงบริเวณภายในพื้นที่วัด จะรู้สึกได้ถึงความร่มรื่นสวยงามด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เป็นจุดที่ผู้มาเยือนได้ผ่อนพัก ซาบซึ้งถึงความสงบ ร่มเย็น ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ภายในพระอารามแห่งนี้ ประกอบด้วยวิหารต่างๆ ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันงดงาม ... วิหารแต่ละหลังประดับด้วยลวดลายภาพเขียนสีพุทธศิลป์แบบจีน ก่อสร้างตามแนวปรัชญาและคติธรรมทางศาสนาพุทธจีนนิกายฝ่ายมหายาน แบ่งเป็นสัดส่วนตามแบบวัดหลวง โดยลักษณะตัวอาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น คือชั้นแรกเป็นหอฉันและกุฏิของสงฆ์
บริเวณใต้อาคารชั้นล่าง .. เป็นจุดให้บริการซื้อชุดไหว้ โดยจะแบ่งขายเป็น 2 ชุด คือชุดพิธีฝากดวงปีชง และ ชุดพิธีสวดเสริมสิริมงคล จะซื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง หรือซื้อทั้งสองอย่างก็ได้ค่ะ เมื่อได้มาแล้ว ก็จะมีวิธีการในการทำพิธีต่าง ๆ อย่างละเอียดให้อ่าน
.. รวมถึงจุดให้เช่าบูชาวัตถุมงคล
องค์เทพสำคัญอื่นๆ ของนิกายมหายานเกือบทุกพระองค์ .. จึงทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมใจของคนไทยเชื้อสายจีน รวมถึงคนไทยที่มีความเชื่อ ความศรัทธา นิยมมาสักการะ ทำบุญ กราบขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลและให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง
ทำบุญ ไหว้พระเสริมดวงแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ และแปลกตาให้ได้ถ่ายกันหลายมุม .. เรามีนางแบบไปด้วยกันหลายคน เดินและกดชัตเตอร์กันจนเหนื่อยเลยค่ะ
บันไดวน .. สีสันสดใสของภาพบนพื้นผิวของผนัง ณ จุดต่างๆ ในลวดลายสไตล์พุทธศิลป์แบบจีน เป็นความโดดเด่นมากๆ ที่ดึงดูดให้เกือบทุกคนที่มาถึงที่นี่ ต้องเก็บภาพแบบไม่ต้องยั้งมือ
บริเวณนี้ คือ หอเล็กๆ 2 หลัง ขนาบทั้งทางด้านซ้ายคือ หอกลอง ภายในมีกลองใบใหญ่สีแดง ด้านข้างประดับด้วยลวดลายมังกรมองดูแล้วน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
ทางด้านขวาของวิหารได้แก่ หอระฆัง ภายในมีระฆังสำริดขนาด 195 เซนติเมตร ถือเป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทั้งกลองและระฆังนี้นำมาจากเมืองซัวเถา ประเทศจีน
เรากำลังอยู่เบื้องหน้า "วิหารจตุโลกบาล" ที่ตั้งอยู่ที่ชั้นที่สอง ด้านหน้าสุดอย่างโดดเด่นแลเห็นตั้งแต่หน้าประตูวัด ด้านหน้าพระวิหารมีรูปประติมากรรมสลักหินจากประเทศจีน แสดงเรื่องราวพุทธประวัติตอนต่างๆ
ภายในวิหารจตุโลกบาลเป็นที่ประดิษฐานผู้ปกปักษ์รักษาพระพุทธสาสนา หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "ฮูฮวบ" อันได้แก่ พระศรีอริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ และธรรมบาลทั้งหลายคือ ..
.. ท้าววิรุฬหกมหาราช ถือร่มหมายถึงฝน ปกครองทางทิศทักษิณ เจ้าแห่งกุมภัณฑ์
.. ท้าวธตรัฐมหาราช ถือพิณหมายถึงความถูกต้อง ปกครองทิศบูรพา เจ้าแห่งพวกคนธรรพ์
.. ท้าวกุเวรมหาราช (เวชสุวรรณ) ถือเจดีย์หมายถึงความราบรื่น ปกครองทิศอุดร เจ้าแห่งพวกยักษ์
.. ท้าววิรูปักษ์มหาราช ถือดาบและงูหมายถึง ลม ปกครองทิศปัจฉิม เจ้าแห่งนาค
.. และเทพต่างๆอีก 8 องค์
ด้านหน้าวิหารฯ มีกระถางธูป
บนชั้นเดียวกันนี้ หากมองขึ้นไปด้านบน .. จะเห็นแผ่นหินสลักเหมือนกับที่พระราชวังกู้กง ตั้งตรงกลางของบันไดที่ทอดตัวสู่ชั้นที่สามของพระอาราม
ชั้นที่ 3 เป็นที่ตั้งของ "พระอุโบสถ" ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในพระอารามแห่งนี้ ... ด้านหน้าพระอุโบสถมีแผ่นไม้สักขนาดใหญ่สลักอักษรจีน 4 ตัวมีความหมายว่า บัลลังก์พระพุทธเจ้า หรือที่ประดิษฐานแห่งองค์พระประธานนั้นเอง
พระอุโบสถดูยิ่งใหญ่โอฬารมาก .. ตรงกลางประดิษฐานพระประธานคือพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ด้วยกัน ได้แก่ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า และด้านข้างทั้งสองพระองค์ได้แก่ พระอมิตาภพุทธเจ้า และ พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าในอดีต
สำหรับองค์พระประธานแต่ละองค์ ความสูงจากวัชรบัลลังก์ถึงยอดพระเกศา 4 เมตร 30 เซนติเมตร กว้าง 3 เมตร 4 เซนติเมตร จำลองมาจากพระประธานในพระอุโบสถวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่
เป็นพุทธศิลป์จีนที่มีพุทธลักษณ์งดงาม พระพักตร์มีลักษณะมหาเมตตา มหากรุณา องค์พระมีพุทธลักษณะที่เด่นเป็นสง่าและงดงาม และเป็นพระประธานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
ด้านข้างของพระประธานมีพระอัครสาวกของมหายาน เบื้องซ้ายได้แก่พระอานนท์มหาเถระ เบื้องขวาได้แก่พระมหากัสสปมหาเถระ ซึ่งเป็นผู้มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาในเรื่องการทำสังคายนาพระธรรมวิยันครั้งแรกของโลก
รอบๆ ผนังด้านข้างมีแผ่นไม้แกะสลักเป็นรูป อรหันต์ พระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ 8 มหาโพธิสัตว์ 500 พระอรหันต์ 24 ธรรมบาล และจตุมหาบรรพต แห่งประเทศจีน ซึ่งแผ่นไม้สักเหล่านี้นำมาจากประเทศจีน แกะสลักจากช่างที่มีฝีมือดีเยี่ยมของจีน
"วิหารอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์" ตั้งอยู่ด้านหลังของพระอุโบสถ
ภายในประดิษฐานพระอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ หรือพระกวนอิมมหาโพธิสัตว์ปางพันมือพันตา
.. แกะสลักจากไม้สักขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพระเนตรพันดวงเปรียบเสมือนผู้ตรวจดูความทุกข์สุขของเหล่าสรรพสัตว์ทั่วโลก
.. และพร้อมจะใช้พระหัตถ์พันกรช่วยเหลือผู้ทุกข์เข็ญ นับเป็นจริยานุเคราะห์แบบอย่างของพระมหาโพธิสัตว์ผู้มีมหาเมตตามหากรุณา
บันไดด้านข้างไปยังชั้นที่ 4 ได้แก่ "วิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ" สามารถเข้าถึงได้ด้วยการขึ้นบันไดด้านข้าง
ตรงกลางวิหารประดิษฐานองค์พระอมิตตาภพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวร และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ สีทองอร่ามตา
ผนังของวิหารแห่งนี้ รายล้อมด้วยพระพุทธรูปองค์เล็กๆ หนึ่งหมื่นพระองค์สีทองอร่ามดูสวยงามมาก
จากชั้นวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ .. เราสามารถมองเห็นวิวในมุมสูงด้านหลังของพระอุโบสถได้อย่างชัดเจนเต็มตา
อาคารของพระอารามแห่งนี้ ... ใช้สีที่โดดเด่นมาก ประกอบไปด้วย สีน้ำเงิน สีแดง และสีทอง เป็นหลัก
หลังคากระเบื้องเผาแบบจีนสีเหลืองเข้ม มีสัตว์เล็กๆ 9 ตัวเรียงอยู่ปลายมุมหลังคา เมื่อได้ถามผู้รู้ก็ได้ความมาว่า สัตว์ที่อยู่ตรงมุมหลังคาทั้ง 4 มุม เป็นสัตว์มงคล หรือที่คนจีนเรียกว่า "กิ๊กเสี่ยงสิ่ว" อันได้แก่ เทวดาขี่หงส์ มังกร สิงโต ม้าน้ำ ม้าเทวดา แพะเทวดาเขาเดียว กระทิงเทวดา ปลาเทวดา และนกเค้าแมว
สัตว์แต่ละตัวที่ถูกเลือก มีความหมายอันลึกซึ้งแฝงไว้ด้วย .. มังกรและหงส์ เป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข .. สิงโตแสดงถึง ความกล้าหาญ .. ม้าน้ำและม้าเทวดา แสดงถึงความโชคดี .. กระทิง ปลาเทวดา และนกเค้าแมว เป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันอัคคีภัย .. แพะเทวดาเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นธรรม นั่นเอง
"วัดบรมราชากาญจนาภิเษกฯ" .. มีความสวย งาม สง่า อลังการ มากจริงๆ และอยู่ใกล้มากๆ แค่นนทบุรีนี่เอง หากมีโอกาส ก็มาไหว้พระขอพร และเดินชมความโอ่อ่า อลังการของพระอารามแห่งนี้กันนะคะ
โฆษณา