Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Ghost Radio
•
ติดตาม
30 ก.ย. 2023 เวลา 03:13 • บันเทิง
#เรื่องจากเมล #TheGhostRadio
เรื่อง ผีอีนุ้ย โดย คุณวิภาดา
คลิกลิงก์
https://www.youtube.com/watch?v=oARzPTLBhpc&t=45s
ผีอีนุ้ย” ตำนานผีพื้นบ้านนครศรีธรรมราช
จากความเชื่อของคนสมัยก่อน บ้านในย่านชนบทนอกตัวเมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช มักมีลักษณะเป็นบ้านสวน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนผลไม้ มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น ถึงแม้ว่าไฟถนนยังเข้าไม่ถึง แต่ก็มีไฟฟ้าใช้งานบ้างแล้ว แต่ในสมัยที่คุณพ่อเด็ก ๆ ตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้กันเลย ทำให้พอตกเย็นบรรยากาศรอบบ้านจะมืดสนิท มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด ฟ้าจะสว่างก็ช่วงที่พระจันทร์เต็มดวง หรือมีดวงดาวเต็มท้องฟ้า ไม่เกินหนึ่งทุ่มทุกบ้านจะเริ่มปิดไฟและเข้านอน
ตอนเด็ก ๆ เรามักจะได้ยินคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า คนสมัยก่อนมีที่มีทางค่อนข้างเยอะ มีการทำนา ทำสวน ทำไร่ การที่จะเดินทางไปเฝ้าสวนของตัวเองได้ครบทั้งหมดนั้นเป็นไปได้ยาก ส่วนใหญ่ก็จะไปดูแลเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น การป้องกันโจรมาลักขโมยพืชไร่ก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน
ด้วยความที่คนสมัยก่อนมีการเรียนวิชาคาถาอาคม พวกไสยศาสตร์ วิชาครูหมอโนราห์ หรือศาสตร์อื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้มีการเลี้ยงผีเกิดขึ้น แต่สมัยนี้ต้องยอมรับว่าก็ยังมีศาสตร์พวกนี้อยู่ เช่น การเลี้ยงผีไว้เพื่อเฝ้าทรัพย์สิน เฝ้าเรือน เฝ้าสวน หรือเลี้ยงผีเอาไว้ป้องกันขโมย ผีที่นิยมเลี้ยงคนแถวนี้เรียกว่า “ผีอีนุ้ย” ไม่มั่นใจว่าคล้าย ๆ ผีโพง ผีกระสือ เหมือนภาคอีสานหรือเปล่า
1
แต่คนที่เลี้ยงผีอีนุ้ย ส่วนใหญ่จะเลี้ยงเอาไว้เฝ้าสวน เฝ้านา ป้องกันโจรที่จะเข้ามาในที่ตนเอง เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อพบเห็นคำว่า “ผี” ก็จะตกใจหนี ขวัญกระเจิงกันหมด แต่เท่าที่ได้ยินมาจากคุณย่าที่เสียไปแล้ว จากคุณอา และจากคุณพ่อ ส่วนใหญ่ผีอีนุ้ยจะออกหากินในเวลากลางคืน หาพวกของสกปรกกิน แต่ไม่ได้ทำร้ายมนุษย์ ส่วนเวลากลางวันผีอีนุ้ยจะอยู่ในร่างของเจ้าของที่เลี้ยงมัน
สิ่งที่น่าแปลกคือ ผีอีนุ้ยมักจะฝากร่องรอยความสกปรกจากการหาของกิน ไว้บนเสื้อผ้าของคนที่ตากเอาไว้ในเวลากลางคืน แต่ต้องเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิง และมีสีขาวเท่านั้น รอยเปรอะบนเสื้อผ้าจะเป็นรอยสีน้ำตาลแห้งเกรอะ คลายรอยเลือดแห้ง คนโบราณบอกว่าคือรอยเลอะที่ผีอีนุ้ยเช็ดปากตัวเองที่เลอะจากการหาของสกปรกกิน บางคนอาจจะสังเกตเห็น
แต่คิดว่าเป็นรอยคราบสกปรกที่ซักไม่สะอาด คนที่ทราบว่าเป็นรอยอะไร เขาจะนำผ้าที่มีรอยคราบเลือดนี้ ไปฟาดลงบนพื้น หรือใช้พริกสดตำให้ละเอียดแล้วป้ายไว้บนคราบ เพราะเชื่อกันว่าใครที่เลี้ยงผีตนนี้เอาไว้ พอเช้าวันต่อมาคนนั้นจะมีปากที่บวม ลักษณะคล้ายโดนทำร้ายมา แต่เรื่องนี้ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่คุณย่าและคุณอาเล่ามาเท่านั้น คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า
ผีอีนุ้ยจะมีลักษณะเป็นดวงไฟกลม ๆ ใหญ่ ๆ และแสงของมันกะพริบได้ ท่านบอกว่าเคยเจอมันหลายครั้ง แต่ด้วยความกลัวก็ต้องวิ่งหนีก่อนทุกครั้ง ซึ่งมันจะชอบหาพวกกบเขียดกินตามสวนผลไม้
ส่วนตัวเคยฟังคนนู้นคนนี้เล่ามาบ้าง แต่ยังไม่เคยพบเจอด้วยตัวเอง ปกติเราจะเข้านอนไม่เกินสองทุ่มครึ่ง และที่บ้านจะปิดไฟมืดสนิท หากต้องการเข้าห้องน้ำก็ต้องใช้ไฟฉายส่องเดินไป จำได้ว่าครั้งนึง เราซักเสื้อนักเรียนตอนเย็น และตากลมไว้นอกบ้านในตอนกลางคืน พอเก็บผ้าในตอนเช้า
พบว่าบนเสื้อมีคราบสกปรกเต็มไปหมด ตอนแรกคิดว่ามีใครทำเสื้อนักเรียนหล่นหรือเปล่า ? เราก็ไปโวยวายกับคุณพ่อคุณแม่พอคุณพ่อท่านเห็น ก็ให้เรารีบเอาไปซักใหม่ จนมาสังเกตดี ๆ มันคือคราบเลือดที่แห้ง แล้วเป็นรอยสีน้ำตาล คุณพ่อท่านบอกว่า น่าจะเป็น ”ผีอีนุ้ย” ที่ทำให้เสื้อนักเรียนของเราเลอะ และสั่งห้ามไม่ให้ตากผ้าไว้ด้านนอกบ้านอีกเด็ดขาด
บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านชั้นเดียว ล้อมด้วยรั้วลวดหนาม และมีต้นยางขนาดใหญ่อยู่หลังบ้าน ทำให้พอตกดึก รอบตัวบ้านจะมีบรรยากาศที่น่ากลัวกว่าปกติ ในช่วงมัธยมต้นเราแยกห้องนอนกับพี่สาว ห้องนอนของเราจะอยู่โซนด้านหน้าบ้าน เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จะสามารถเห็นบริเวณหน้าบ้านได้ หน้าต่างของห้องนอนจะติดมุ้งลวดเอาไว้ เพราะในเวลากลางคืน เรามักจะเปิดหน้าต่างนอน แต่ทุกคืนที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเจอแต่ความมืด
คืนนั้นเรากำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ขณะที่กำลังจะลืมตาลุกไปเข้าห้องน้ำ อยู่ดี ๆ กลับรู้สึกว่ามีใครเอาแสงไฟฉายมาส่องที่หน้า ตอนนั้นเราแสบตามาก แต่คิดว่ามันคือความฝัน เลยตัดสินใจลืมตาขึ้นมาดู เห็นดวงไฟที่ส่องแสงผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง ดวงไฟนั้นมีขนาดใหญ่มาก (ใหญ่ประมาณลูกบอลสำหรับเล่นโยคะ)
และดวงไฟนั้นกะพริบได้ มันจะค่อย ๆ สว่าง จากนั้นก็จะมืดลง แสงของมันมีสีเหลืองผสมสีส้มอ่อนและสีเขียวอ่อน ๆ ได้ยินได้ฟังมา่นานแต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เรานอนสั่นอยู่แบบนั้นทั้งคืน จนกระทั่งได้ยินเสียงไก่ขัน ตอนนั้นเวลาประมาณตีสี่ เราตัดสินใจลุกมาเข้าห้องน้ำ และเล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อฟัง
ไม่นานหลังจากคืนนั้น เราตื่นขึ้นมาเพราะอยากจะเข้าห้องน้ำ พอลืมตาก็เห็นมันอยู่ตรงหน้าต่างทางปลายเท้า ลักษณะเป็นแสงสีส้มอ่อน ๆ ตอนนั้นเรากลัวมากไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร เพราะกลัวว่ามันจะได้ยิน เช้ามาเรารีบบอกคุณพ่อว่านี่ไม่ใช่ฝันแน่นอน เพราะเราเจอมาสองครั้งแล้ว คุณพ่อเลยบอกว่า “ถ้าเห็นอีกให้รีบลุกขึ้นมาเคาะประตูห้องนอนพ่อ” คืนต่อมาเราก็เจออีก มันมาที่หน้าต่างบานเดิม รอบนี้เรารีบลุกไปเคาะประตูห้องคุณพ่อ พ่อเราก็ลุกขึ้นมาเปิดประตูบ้านดู แต่พบกับความว่างเปล่าและความมืดเท่านั้น
1
ตั้งแต่วันนั้นคุณพ่อจึงติดไฟหน้าบ้านให้สว่าง แล้วเราก็ไม่เคยพบเห็นผีอีนุ้ยอีกเลย..
จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในระแวกนั้น ว่ากันว่าถ้าเห็นผีอีนุ้ยแล้วใช้หินปามันจะหนีไป โดยไม่ได้ทำร้ายใคร ส่วนผีอีนุ้ยที่อาศัยอยู่ในตัวของคนเลี้ยงในตอนกลางวัน หากร่างนั้นใกล้หมดอายุขัย ต้องหาคนมาสืบทอดเพื่อนำผีไปเลี้ยงต่อ เจ้าของร่างนั้นถึงจะสามารถตายได้ ไม่งั้นเจ้าของร่างจะทรมานอยู่แบบนั้นเพราะตายไม่ได้ แต่คนโบราณเชื่อว่า เจ้าของร่างนั้นได้ตายไปแล้ว เพราะผีจะค่อย ๆ กัดกินอวัยวะภายในจนหมด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีคนมารับช่วงต่อ ร่างนั้นก็จะตายจากไปทันที..
วันที่ 2 กรกฎาคม 2566
บันเทิง
เรื่องเล่า
เรื่องผีtheghost
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย