18 ก.ย. 2023 เวลา 11:17 • ท่องเที่ยว

วัดหงษ์ทอง .. Amazing วัดในทะเล ฉะเชิงเทรา

“วัดหงษ์ทอง” เดิมเป็นที่ตั้งของ “สำนักสงฆ์หลวงปู่ปาน” (เจ้าอาวาสวัดคงคาราม) มาก่อน ต่อมาในปี 2522 ได้ขออนุญาตกรมศาสนาตั้งเป็น “วัดหงษ์ทอง” ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2527 มีพระอาจารย์โพธิ์เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก
วัดหงษ์ทอง ตั้งอยู่ที่ ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา .. พื้นที่ของวัดตั้งอยู่ริมทะเล เป็นเหตุให้ประสบกับปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะตลิ่งมาอย่างต่อเนื่อง จนสิ่งก่อสร้างส่วนหนึ่งที่เคยตั้งอยู่ริมทะเล กลายเป็นสิ่งก่อสร้างในทะเลไปในปัจจุบัน
ในช่วงแรกที่มีปัญหา ท่านเจ้าอาวาส ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านต่างช่วยกันนำไม้ไผ่มาปักทำแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งต้องว่ายน้ำ ดำน้ำ ไปปักแนวรั้วไม้ไผ่ด้วยความเพียรอย่างสูง .. และต่อมาผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันบริจาคทำบุญเพื่อสร้างเขื่อนกันน้ำกัดเซาะให้กับทางวัด
.. รวมถึงได้ทำการบูรณะก่อสร้างถาวรวัตถุเดิมที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะขึ้นมาใหม่ ให้มีความแข็งแรง คงทน และสวยงาม
เราเดินทางมาถึง วัดหง์ทอง ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส .. แวะเข้าไปสักการะ “ท้าวเวสสุวรรณ”
สะพานประดับด้วยรูปปั้นพญานาค นำเราเข้าสู่สะพาน ซึ่งเป็นทางเดินต่อไปยังศาสนสถานของวัด
วัดหงส์ทอง สร้างถาวรวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ทั้งบนฝั่ง (บนบก) และในทะเลหลายแห่ง
โบสถ์สีทองอร่าม และพระอุโบสถ .. เป็นศาสนสถานที่งดงามกลุ่มแรกที่เรามองเห็น
“วิหารหลวงปู่ปาน” หรือ “กุฏิหลวงปู่” ที่ตั้งอยู่หลังโบสก์หลังเก่า ด้านบนกุฏิสร้างเป็นเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม ด้านในประดิษฐาน “หลวงพ่อโสธร” องค์จำลอง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลากหลายให้สักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
สะพานนรำทางเราไปสู่ “โบสถ์ในทะเล” หรือ “โบสถ์กลางทะเล” กับ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” หรือ “เจดีย์ในทะเล” ที่ตั้งอยู่ติด ๆ กัน
“พระธาตุคงคามหาเจดีย์” มีด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น .. ชั้นแรกประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” พระพุทธรูปต่าง ๆ และรูปหล่อของเกจิอาจารย์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงมีพระประจำวันเกิดและรอยพระพุทธบาทให้ได้ปิดทองกันด้วย
ชั้นสองมีไฮไลท์คือ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” องค์จำลอง และหุ่นขี้ผึ้ง “หลวงปู่สด” วัดปากน้ำภาษีเจริญ ให้กราบสักการะกัน ซึ่งในชั้นสองนี้สามารถเดินออกไปรับลมชมวิวทะเลด้านนอกได้เช่นกัน
ส่วนชั้น 3 ชั้นบนสุด
.. มีทางเดินลานระเบียงชมวิวแบบ 360 องศา อยู่รอบองค์พระธาตุเจดีย์สีทองในทะเลที่ ตั้งเด่นสง่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของวัดแห่งนี้
ภายในองค์พระธาตุมีแท่นบรรจุ “พระบรมสารีริกธาตุ” ให้ได้กราบไหว้บูชาขอพรกัน
รวมถึงมีจิตรกรรมฝาผนังและเพดานอันสวยงามให้ได้ชมกันอีกด้วย
ความงามของพระธาตุเจดีย์ ในวันฟัาใส
หลังจากดื่มด่ำกับความสวยงามรอบๆระเบียงชมวิวของพรธาตุเจดีย์ พร้อมเก็บภาพความประทับใจกันจนอิ่มอก อิ่มใจกันแล้ว เราเดินลงมายังชั้นแรกอีกครั้ง
ขอบคุณาพจอบพระมหาธาตุเจดีย์ มองจากพระอุโ่บสถ
“โบสถ์กลางทะเล” ที่อยู่ทางขวาพระธาตุคงคามหาเจดีย์ ..
ภายในโบสถ์ในทะเลมีพระประธานสีทองอร่ามดูขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา และภาพมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติอันงดงามประณีต
ขณะที่ริมระเบียงรอบข้างโบสถ์ (และองค์พระธาตุ” จะมีเจดีย์สีทองเล็ก ๆ ตั้งอยู่เรียงราย ด้านหลังโบสถ์มีรูปเคารพ “พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” หรือ “เสด็จเตี่ย” ประทับอยู่บนเรือรบจำลอง พร้อมด้วยของที่นำมาแก้บน
หลังจากที่เราเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โบสถ์ และกุฏิหลวงปู่ปานแล้ว .. เราจะไปเดินชมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ที่ต้องไม่พลาดในการมาถ่ายรูป เช็คอินกัน รวมถึงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ลานวรรณคดีไทย” (ในน้ำ) .. ตั้งอยู่ตรงทางแยกซ้ายทือ ก่อนทางขี้น ซีวอล์ก มีประติมากรรมจากวรรณคดีเรื่อง “พระอภัยมณี” ที่มีความเก๋ตรงที่รูปปั้นตัวละครเด่น ๆ ของเรื่อง อย่าง พระอภัยมณี นางเงือก สุดสาคร พระเจ้าตา และนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรที่น่าตาขึงขังกำลังออกตามหาสามีนั้น ล้วนต่างตั้งอยู่ทะเล ดูมีเอกลักษณ์ไม่น้อย
“สะพานบุญ” ทอดยาวออกไปในทะเล .. เป็นพื้นที่ในทะเล ซึ่งไฮไลท์สำหรับท่องเที่ยว ถ่ายภาพ และกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทางวัด
“ซีวอล์ค” (Sea Walk) ทางเดินพื้นพระจกใสยื่นไปในทะเลแห่งแรกของเมืองไทย ตั้งอยู่ตรงจัดปลายสุดของ สะพานบุญ .. มีความกว้าง 3 เมตร ยาว 40 เมตร ใช้กระจก 240 แผ่น พื้นกระจกหนา 3 ชั้น ชั้นล่างสุดจะกันกรดกันด่าง
ชั้นที่ 2 เป็นกระจกที่มีความยืดหยุ่น ส่วนชั้นที่ 3 เป็นกระจกนิรภัยโดยแต่ละแผ่นจะมีความหนา 10 มม. สามารถรองรับน้ำหนักคนได้ประมาณ 200 คน .. เวลาเดินตอนน้ำขึ้นสูงจะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนน้ำทะเลยังไงยังงั้น
“สมเด็จองค์ปฐม” พระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 2.50 เมตร สูง 4.70 เมตร .. ประดิษฐานที่ช่วงปลายสุดของซีวอล์คระเบียงชมวิว
บริเวณนี้ … สามารถมองเห็นโบสถ์และเจดีย์ในทะเลของวัดหงส์ทองได้อย่างใกล้ชิดแล้ว..
เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ท้องทะเลและป่าชายเลนอันสวยงามท่ามกลางสายลมพัดเย็น ๆได้อย่างสวยงาม และเป็นอีกหนึ่งที่ชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างน่ารื่นรมย์ ประทับใจ
ซีวอล์ควัดหงษ์ทอง .. ถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่แห่งเมืองแปดริ้ว หากมีโอกาสก็ควรมาเดินชม สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่คุณอาจจะประทับใจไปอีกนาน
โฆษณา