ปัจจุบัน ถ้าเราเดินไปตามท้องถนนในประเทศจีน คนหนุ่มสาวที่เจอ จำนวน 1 ใน 5 คน จะไม่มีงานทำ
1
จากข้อมูลล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2023 อัตราการว่างงานของคนจีน ที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ระดับ 21.3% เลยทีเดียว
ปัญหาเรื่องนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การล็อกดาวน์ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก
แต่หนึ่งในประเทศ ที่ประสบปัญหายาวนานกว่าคนอื่น คงหนีไม่พ้นประเทศจีน จากการดำเนินนโยบายที่เคร่งครัด ต้องควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์
เหล่าบริษัทและโรงงานต่าง ๆ จำเป็นต้องชะลอหรือหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว
จนทำให้ GDP ของจีนในปี 2022 เติบโตเฉลี่ยเพียงแค่ 3% เท่านั้น
ถึงแม้จีนจะกลับมาเปิดเมืองอีกครั้งในปีนี้ แต่ GDP ครึ่งปีแรก ก็เติบโตเฉลี่ย 5.4% ซึ่งยังต่ำกว่าตัวเลขที่คาดหวังกันเอาไว้
นอกจากนั้น ก็ยังมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติม คือ ปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ นำโดยกรณีของบริษัท Evergrande ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่มีหนี้สะสมสูงกว่า 12 ล้านล้านบาท จนผิดนัดชำระหนี้ และต้องขอยื่นล้มละลายในที่สุด
ด้วยสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ และธุรกิจที่ไม่สดใส แทบทุกบริษัทจึงต้องรัดเข็มขัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นำไปสู่การลดหรือระงับการจ้างงานใหม่
1
หากเจาะลึกไปในตลาดแรงงานของจีน จะพบปัญหาเชิงโครงสร้างที่น่าเป็นห่วงอีก
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้ประชาชนมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถส่งเสียลูกหลาน ให้เข้าถึงการศึกษาที่ดีตามไปด้วย
1
ผ่านมาถึงปัจจุบัน เด็กรุ่นใหม่ของจีนจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยกันมากขึ้น จึงมีความคาดหวังที่จะได้เข้าทำงานในบริษัทชื่อดัง ได้รับเงินเดือนที่น่าพึงพอใจ และไม่อยากทำงานในโรงงานเหมือนคนรุ่นก่อน ๆ
 
แต่อย่างที่ทราบกันว่า ประเทศจีน ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเสมือนโรงงานของโลก จากข้อได้เปรียบเรื่องแรงงาน และค่าแรงงานที่ค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น
2
นั่นจึงส่งผลให้ตลาดแรงงานจีน เริ่มเกิดภาวะไม่สอดคล้องกันระหว่าง ตำแหน่งงาน กับวุฒิการศึกษาของกลุ่มเด็กจบใหม่
อีกทั้งบริษัทที่เด็กจีนสมัยนี้ ใฝ่ฝันที่จะเข้าไปทำงานด้วย คือ บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งก็มีหลายคนเลือกเรียนในสาขานี้โดยเฉพาะ
แต่ปรากฏว่าในระยะหลัง รัฐบาลจีนได้มีนโยบายกำกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่
- ชะลอการ IPO เข้าตลาดหุ้นของ Ant Group บริษัทในเครือ Alibaba
- การจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Tencent
รวมไปถึงการออกหลักเกณฑ์ควบคุมอื่น ๆ มากมาย ทำให้บริษัทเทคโนโลยี ต้องปรับแผนการดำเนินงานใหม่ และชะลอการจ้างงานลง ซึ่งยิ่งทำให้เด็กจบใหม่หางานที่ตรงตามความคาดหวังของตนเองได้ยากขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ คนหนุ่มสาวชาวจีนบางส่วน จึงเริ่มหมดหวังในการหางาน และหันไปเป็น “Full-time Children” หรือลูกเต็มเวลา ที่อยู่บ้าน และรับเงินเดือนจากพ่อแม่แทน..
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่จีนจะมองข้ามไม่ได้เลย
แม้ว่าในปัจจุบัน อัตราการว่างงานเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นจีนที่ 21.3% จะคิดเป็นประชากรแค่ประมาณ 6 ล้านคน
 
แต่ต้องอย่าลืมว่าในปีถัด ๆ ไป เด็กจบใหม่ก็จะเข้ามาสู่ตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งประมาณการว่า มีจำนวนถึงราว 11 ล้านคนต่อปี เลยทีเดียว
1
ซึ่งเราอาจไม่ได้เห็นตัวเลขอัตราการว่างงาน ของวัยรุ่นจีนไปอีกสักพัก เพราะรัฐบาลจีนจะหยุดประกาศข้อมูลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2023 โดยให้เหตุผลว่า ขอไปปรับวิธีการคำนวณให้สะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น
4
พอเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจจีนอาจสูญเสียความได้เปรียบ ที่เคยผลิตสินค้าด้วยต้นทุนต่ำกว่าประเทศอื่น
เพราะแรงงานในภาคการผลิตกลุ่มเดิม จะค่อย ๆ แก่ตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มใหม่ที่เข้ามาทดแทน ก็มีไม่เพียงพอ
2
โดยคาดการณ์ว่า จะมีตำแหน่งว่างในโรงงานสูงถึง 30 ล้านอัตรา ภายในปี 2025
หรือในกรณีที่เด็กจบใหม่ ได้งานไม่ตรงสาย หรือออกจากตลาดแรงงานไปเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้จีนเสียโอกาสในการนำองค์ความรู้ที่เด็ก ๆ ได้เล่าเรียน มาใช้สร้างประโยชน์ รวมถึงขาดความต่อเนื่องในการพัฒนา และถ่ายทอดทักษะระหว่างรุ่นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว รวมถึงอาจทำให้คุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ย่ำแย่ลง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางสังคมอื่น ๆ ได้เช่นกัน
 
ก็น่าติดตามต่อไปว่า ประเทศจีนจะแก้ไขปัญหาคนหนุ่มสาวตกงานได้อย่างไร หรือจะมีวิธีนำเอาความสามารถของคนรุ่นใหม่ มาช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตเหมือนในอดีต ได้หรือไม่..
57 ถูกใจ
17 แชร์
10.2K รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 57
    โฆษณา