20 ก.ย. 2023 เวลา 01:55 • ท่องเที่ยว

เทวสถาน อุทยานพระพิฒคเนศ .. คลองเขื่อน ฉะเชิงเทรา

พระพิฆเนศ มีต้นกำเนิดจากคติความเชื่อของศาสนาฮินดู เมื่อกว่า 4,000 ปีมาแล้ว .. ส่วนในประเทศไทยพระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง ที่ชาวไทยรู้จักและเลื่อมใส ศรัทธามาก
.. เพราะเชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จในทุกสรรพศาสตร์ เมื่อคนใดได้สักการะบูชาจะนำมาซึ่งความสำเร็จทั้งปวงโดยเฉพาะผู้มีอาชีพการงานด้านศิลปิน นักแสดง และวิชาชีพทุกสาขา
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ซึ่งตรงกับ วันคเณศจตุรถี หรือวันเกิดพระพิฒคเณศ .. เรามีโอกาสไปสักการะ พระพิฒคเณศ ที่คลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
วันคเณศจตุรถี
.. เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองพระพิฆเนศที่สำคัญ มีความเชื่อว่าพระองค์ท่าน เทพแห่งความสำเร็จทั้งปวงจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์เพื่อประทานพร ประทานความโชคดี ช่วยเหลือมนุษย์
.. และเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาเราจะได้ใกล้ชิดกับองค์พระคเณศมากที่สุด โดยเทศกาลนี้ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียว ซึ่งในปีนี้ 2566 เทศกาลนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 19 - 28 กันยายน 2566
การบูชาพระพิฆเนศในเทศกาลคเณศจตุรถี ตลอดเวลาช่วง 10 วันของเทศกาล ในแต่ละวันจะมีการสวดมนต์ ทำพิธี ถวายสิ่งของต่างๆ ทั้งผลไม้ ขนมหวาน ได้แก่ ลาดู และโมทกะ หญ้าแพรก
.. เมื่อสิ้นสุดการบูชาแล้ว จะทำการส่งเสด็จพระองค์กลับสู่สวรรค์ ด้วยการนำเทวรูปที่ทำการบูชาไปทำพิธีวิสารชัน (การนำไปลอยน้ำ คืนพลังสู่องค์ท่าน) ดังนั้นเราจะไม่นำองค์ทานมาบูชาอีก และไม่ควรนำพระพิฆเนศที่บูชาทุกวันมาประกอบพิธีนั่นเอง
.. แต่หากเรานำมาประกอบพิธี เมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็สามารถอัญเชิญองค์ท่านกลับขึ้นไปบูชาต่อได้ดังเดิม
สิ่งของที่นำมาทำพิธี .. เคล็ดลับขอพรให้ปัง ทำด้วยการบูชาไฟ และจุดกำยาน เป็นการไหว้บูชาแบบกึ่งพุทธและพราหมณ์ ผู้ที่จะไหว้ขอพรท่านช่วงนี้ควรมีกระแสจิตแน่วแน่ เพื่อให้การขอพรสำเร็จตามเป้าหมายต้องการ
ส่วนรูปแบบการไหว้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่มีการไหว้แตกต่างกัน เช่นเครื่องไหว้สักการะ มีเครื่องคาวหวาน ผลไม้ นม ส่วนถั่วเม็ดงา แต่ละสถานที่มีการไหว้แตกต่างกัน และขั้นตอนต่อมาเป็นพิธีบวงสรวงอัญเชิญ
อีกพิธีสำคัญคือ การจุดไฟถวายพระพิฆเนศ หรือเรียกว่า "อารตี ถวายไฟ" ช่วงค่ำคืนท้ายๆ ซึ่งใช้สำลีชุบน้ำมัน แต่ถ้าไม่สะดวก สามารถถวายไฟ โดยใช้เทียน การบูร ให้นำใส่ถาดแล้วจุดไฟ ยกขึ้นหมุนวนเป็นวงกลม ตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ ต่อหน้าองค์เทวรูป
จากนั้นจึงใช้ฝ่ามืออังไฟ แล้วมาแตะที่หน้าผาก เพื่อให้เกิดความสว่างแก่ดวงจิตและปัญญา แตะบริเวณหู ตา ปาก เพื่อเปิดหูให้รับฟังในสิ่งที่ดี เปิดตาให้เห็นโอกาส และเปิดปากให้พูดในสิ่งที่ดี พูดแล้วมีแต่คนเชื่อถือ หรือแตะบริเวณอื่นที่เจ็บไข้
ผู้รู้บางคนกล่าวแนะนำว่า .. “การบูชาพระพิฆเนศ ที่บ้านสามารถทำได้ ด้วยการถวายน้ำและนม ส่วนของไหว้ ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็น สิ่งสำคัญคือการจุดไฟถวายท่าน เพราะไฟเป็นการเปิดแสงสว่างให้มองเห็น การขอโชคลาภกับท่านต้องสวด โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา พร้อมกับนำดวงไฟวนบริเวณใบหน้าท่านสามรอบ สามารถจุดกำยานประกอบในพิธีได้ แล้วแต่ความสะดวก”
ถ้าต้องไปในสถานที่ลำบาก ไม่สามารถหาเครื่องมาบูชาได้ ให้ใช้การไหว้และท่องบทสวด สิ่งสำคัญคือการน้อมจิตเพื่อถวายแก่ท่านเป็นสำคัญ
คเณศจตุรถี.. จึง เป็นโอกาสอันดีที่จะสักการะ และทำพิธี "อารตี ถวายไฟ" พร้อมกับเจิมหน้าผากให้เป็นสิริมงคล และพราหมณ์จะมีการประพรมน้ำมนต์ให้ผู้ที่มาเข้าร่วมพิธีได้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิต
พระพิฆเนศยืน ปางสำริด สำเร็จ สมปรารถณา ที่คลองเขื่อน ฉะเชิงเทรา .. ประดิษฐานอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ณ อุทยานพระพิฆเนศ บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่
องค์พระพิฆเนศ สร้างด้วยโลหะบรอนซ์นอก (สำริด) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูงรวมแท่นฐาน 39 เมตร ประกอบด้วยชิ้นส่วน 854 ชิ้น .. การจัดสร้างเริ่มขึ้นในปี 2551 และองค์พระเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555
จุดประสงค์ในการก่อสร้าง .. เพื่อให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งในจังหวัดฉะเชิงเทราและประเทศไทย และสร้างความเจริญที่ยั่งยืนให้กับชุมชน รวมถึงเป็นการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวของแม่น้ำบางประกงซึ่งมีธรรมชาติที่งดงาม และอุดมสมบูรณ์
พระพิฒคเณศองค์ยืนที่มีความสูงโดดเด่น ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนมาแต่ไกล ไม่ว่าจะมาทางน้ำ หรือทางบกก็เห็น .. พระหัตถ์ทั้งสี่ถือพืชผลทางการเกษตร คือ อ้อย กล้วย ขนุน มะม่วง ซึ่งเป็นพันธุ์พืชในภาคเกษตรกรรม ของประเทศไทย และเป็นตัวแทนของเกษตรกร อันเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ .. โดยเฉพาะมะม่วงซึ่งเป็นผลไม้ของเมืองแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา
ดอกบัวมา เป็นมงกุฎ .. เป็นการแสดงถึงปัญญา ดอกบัวถูกใช้ในเครื่องทรง กำไรข้อมือ ข้อเท้า โดยดอกบัวนั้นถูกประยุกต์ให้ดู เรียบง่าย ไม่ได้ดูหรูหรา
ด้านบนรัศมีขององค์ท่านประดับด้วยตัวหนังสือโอม ..ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระพิฆเนศ
เท้าด้านหนึ่งกำลังก้าวไปด้านหน้า .. เป็นการแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าทั้งของประเทศเราและผู้มาสักการะบูชา
พิธีพราหมณ์เพื่อเสริมสิริมงคล .. พิธีมีในเวลา 9.00-18.00 น.และในส่วนของพิธีสวดอธิษฐานขอพร "พระพิฆเนศ" ทางอุทยานจะมีพิธีด้วยกัน 3 รอบได้แกรอบเวลา 11.00 น. 14.00 น. และ 16.00 น. ค่ะ ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมพิธีได้
พระพิฆเนศประจำวันเกิด ทั้ง 7 วัน ตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันเสาร์ .. ทำการสวดและบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งตนได้
รูปเคารพของพระศิวะ แบะพระนางปาราวตี .. อยู่ในบติเวณลานเดียวกัน
หนูมุสิกะกอดลูกขนุน .. น่ารักมาก ตั้งอยู่ตรงบริเวณทางเข้ากลางลานก่อนถึงองค์พระพิฆเนศ
หนูอีกหลายๆลักษณะ ณ พื้นที่ในลานก้านหน้า องค์พระพิฒคเนศ
องค์พระพิฆเนศองค์ อีกอบค์ในศาลาด้านล่าง ถีเลงมา … สำหรับให้คนที่เลื่อมใส ศรัทธา ได้สักการะ ขอพร และปิดทองกัน
หากเรายืนอยู่ตรงจุดกลางลาน .. ด้านหน้าของเรา คือองค์พระพิฆเนศ ส่วนด้านหลังจะเป็นแม่น้ำบางปะกง ซึ่ง ณ จุดนี้ เชื่อกันว่า จะเป็นจุดที่เราจะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด
ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง .. ทัศนียภาพ และบรรยากาศสวยงาม รื่นรมย์ เป็นที่ที่เราสามารถสูดอากาศที่สดชื่นได้เต็มปอด รวมถึงผ่อนพัก เติมพลังดีๆร่างกาย
ร้านกาแฟ .. ระเบียงทางเดินสีสันสดใส ชอบใจน้องหนูที่ยืนเรียงรายต้อนรับทุกคนที่นี่มากค่ะ
โฆษณา