20 ก.ย. 2023 เวลา 06:43 • ท่องเที่ยว

วัดปากน้ำโจ้โล้ .. วัดสีทอง ของฉะเชิงเทรา

วัดปากน้ำโจ้โล้ .. เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ในตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
วัดปากน้ำโจ้โล้ เดิมเป็นสำนักสงฆ์อยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย อายุราวกว่า200 ปีมาแล้ว .. หน้าวัดมีคลองไหลผ่านมารวมกับแม่น้ำบางปะกง
พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งมีทั้งทัพบกและทัพเรือ ได้ต่อสู้และพ่ายแพ้ทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ (แต่ต่อมาเจดีย์นี้ถูกน้ำกัดเซาะพังทลายลงไปหมด กรมศิลปากรจึงได้สร้างขึ้นมาใหม่ในบริเวณเดิม)
“โจ้โล้” .. เป็นคำที่มาจากการที่พระเจ้าตากสินวางแผนรบเข้าโจมตีทหารเมียนม่า โดยการโล้เรือมาตามลำน้ำให้ทหารเมียนม่าตายใจว่ามาลำพัง แล้วก็ให้ทหารซุ้มล้อมโจมตีอีกที จนได้รับชัยชนะ .. เลยเรียกกันว่า เจ้าโล้ แต่ต่อมาเพี้ยนเสียงมาเป็น โจ้โล้ .. และเนื่องจากวัดตั้งอยู่ในบริเวณปากน้ำ เลยกลายมาเป็นที่มาของชื่อ “วัดปากน้ำโจ้โล้”
เราได้ยินชื่อเสียงของวัดแห่งนี้มานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสวยงามของพระอุโบสถ ..ในวันที่ท้อแงฟ้าแจ่มใส กลางเดือนกันยายน เราจึงเดินทางเพื่อไปชม และเก็บภาพกันค่ะ
“พระอุโบสถสีทอง” .. เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัดนี้ สีทองอร่ามเรืองทั้งภายในและภายนอกตัวอุโบสถ ปรากฏเป็นภาพงดงาม อลังการตระการตามากๆที่เราเห็น
.. หลังคาของอุโบสถ จะประดับด้วยพญานาคและธรรมจักร ตรงกลางก็จะมีบุษบกยอดฉัตร ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้
เราเริ่มต้นการเดินชมจากภายนอกพระอุโบสถ .. ภายในลานรอบพื้นที่พระอุโบสถ ออกแบบมาให้คล้ายกับการจำลองภาพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เอามาไว้ที่นี่ ผู้พบเห็นเกิดความปีติสุข และเลื่อมใสศรัทธาต่อพุทธศาสนา
กำแพงแก้วชั้นนอกนั้น .. ตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักรสลับกับโคมไฟรูปช้างสามเศียร และโดดเด่นที่สุดในสายตาเรา คือ ซุ้มประตูทางเข้า ที่ด้านบนเป็นลวดลายโปร่งๆ มีพระพุทธรูปในซุ้ม ด้านข้างเป็นรูปเทวดานั่งบนหลังช้าง ประดับอยู่ทางด้านซ้ายและขวา
เสมาสีทองในซุ้ม .. กำหนดขอบเขตขัณฑสีมาของพื้นที่พระอุโบสถ
รูปปั้นสัตว์หิมพานต์ที่ “คชปักษา” ซึ่งมีร่างกายพื้นฐานเป็นนก ส่วนหัวเป็นช้าง ท่อนล่างเป็นหงส์ ส่วนลำตัวและแขนคล้ายเป็นครุฑ .. ขนาบบันไดทางขึ้นพระอุโบสถ มีความงดงามแปลกตากว่าวัดอื่นๆที่มักจะเป็นบันไดนาค หรือตัวมอม
พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร .. ประดิษฐานอยู่ตรงกลางระหว่างช่องประตู 2 ช่องบนผนังด้านหลังพระอุโบสถ .. งดงามด้วยลวดลายประกอบ ทั้งด้านล่าง และลวดลายที่ขนาบทั้งสองข้าง
ภายในพระอุโบสถ .. มีพระประธาน คือ หลวงพ่อโต ซึ่งจำลองมาจากพุทธลักษณะของ พระพุทธชินราช และมีพระพุทธรูปอื่นๆอีกหลายองค์ให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้ สักการะ ..
ลวดลายฐานองค์พระ มีลายละเอียดที่สวยงาม ชั้นล่างสุดเป็นเทพพนม 9 องค์ ชั้นกลาง เทพพนม 3 องค์บนพญานาค 3 เศียรหันหลังเข้าหากัน แล้วยังมีชั้นบนขึ้นไปอีกสวยงามมาก
ภายในอุโบสถมีการนำลวดลายปูนปั้นจำหลัก หรือใช้แม่พิมพ์สร้างงานขึ้นมาประดับตกแต่งภายในอุโบสถซึ่งใช้สีทองทั้งหมดเหมือนกับภายนอก แทนการใช้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ว่ากันว่า .. ไฮไลท์ของการมาไหว้พระที้วัดนี้อีกอย่าง ก็คือ การลอดใต้ฐานพระประธาน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลค่ะ เวลาเดินให้เดินเข้าทางซ้ายและเดินทะลุออกมายังฝั่งขวาของพระประธาน ขณะที่ลอดไปนั้น ก็จะมีบทสวดมนต์ให้ภาวนาอธิษฐาน ทั้งนี้ก็เพื่อให้จิตใจสงบนั่นเองค่ะ
พระรูปของพระเจ้าตากสิน มหาราช .. ประดิษย์ฐานอยุ๋ด้านนอกของพระอุโบสถ ด้านริมแม่น้ำ สามารถมากราบไหว้ รำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ในการกอบกู้ชาติเมื่อครั้งกระโน้นได้
ทิวทัศน์ที่ท่าน้ำของวัด .. คุ้งน้ำสวย บรรยากาศที่ยังมองเห็นความเป็นชนบท และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีแม่น้ำเป็นเส้นทางคมนาคม
อีกด้านหนึ่ง .. มองเห็นศาสนอาคารของวัดอีกแห่งตั้งอยู่บนโค้งน้ำพอดี
พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านบนของอาคาร ..ภายในมีภาพวาดสามมิติที่สวยงาม ชวนมองอย่างยิ่ง
นอกจากศาสนสถานที่กล่าวมาแล้ว .. วัดแห่งนี้ยังมี “ศาลาปู่หมอชีวกโกมารภัทร ปู่นารอดปู่ตาไฟ” บรมครูของการรักษาโรคทั้งปวง และ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ทรงประทับท่านั่งพระหัตถ์สองข้างกำดาบที่วางอยู่บนพระเพลา ด้านข้างเป็นรูปปั้นทหารองครักษ์ผู้คนมักจะมาบนบานสานกล่าวขอสิ่งต่างๆ เพื่อความสำเร็จส่วนใหญ่จะบนขอเรื่องหน้าที่การงาน หนี้สิน เมื่อได้สมปรารถนาก็มักจะถวายไก่ชนปั้น เป็นการแก้บน
โฆษณา