21 ก.ย. 2023 เวลา 02:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุป วิธีวิเคราะห์หุ้น ของ โจ ลูกอีสาน เซียนหุ้น 1,000 ล้าน

คุณอนุรักษ์ บุญแสวง หรือ โจ ลูกอีสาน เป็นเซียนหุ้นนักลงทุน ที่สร้างฐานะผ่านการลงทุนในตลาดหุ้น ด้วยเงินเริ่มต้นแค่ 800,000 บาท แต่วันนี้มีเงินเป็นหลัก 1,000 ล้านบาท
ตลอดช่วง 25 ปีที่ลงทุน คุณโจ ลูกอีสาน สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ได้เฉลี่ยสูงถึง 44% ต่อปี
2
คิดอย่างง่าย ๆ ว่า เงินจำนวน 800,000 บาท ที่คุณโจนำมาลงทุนเริ่มต้นนั้น ถ้าหากไม่ถอนเงินออกมาใช้จ่ายเลย โดยปล่อยให้เงินลงทุนโตแบบทบต้นไปเรื่อย ๆ
วันนี้ เงินก้อนนี้จะกลายเป็นเงิน 7,280 ล้านบาท
1
แล้วคุณโจ ลูกอีสาน มีวิธีในการวิเคราะห์หุ้นของบริษัท ก่อนที่จะลงทุนอย่างไร ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอนให้เข้าใจ
1
วิธีวิเคราะห์หุ้นของคุณโจ ลูกอีสาน สามารถสรุปได้ว่า
1
1. วิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขัน
ยิ่งบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสในการสร้างกำไรมากขึ้นเท่านั้น
คุณโจ จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “Five Forces Model” มาวิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
การวิเคราะห์ด้วย Five Forces Model ประกอบด้วย
- คู่แข่งรายใหม่ เข้ามาแข่งขันกับบริษัท ได้ยากหรือง่าย ?
- การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม เป็นอย่างไร ?
- สินค้าของบริษัท จะถูกทดแทนได้ง่ายหรือยาก ?
- ซัปพลายเออร์ของบริษัท มีอำนาจต่อรองขนาดไหน ?
- ฝั่งลูกค้า มีอำนาจต่อรองกับบริษัท มากหรือน้อย ?
1
ถ้าวิเคราะห์ตาม Five Forces Model แล้วผ่านทุกข้อ ก็หมายความว่า บริษัทมีความแข็งแกร่งมาก และมีความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
1
2. วิเคราะห์รูปแบบของรายได้ และวงจรเงินสด
4
การวิเคราะห์ในส่วนที่ 2 นี้ ประกอบด้วย
- รูปแบบรายได้ของบริษัท เป็นรายได้ที่ได้รับเป็นประจำ ใช่หรือไม่ ?
คุณโจจะชอบธุรกิจที่มีลูกค้ามาใช้งานซ้ำอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่แค่มาซื้อสินค้าของบริษัทแค่ครั้งเดียว แล้วไม่กลับมาอีก
2
- วิเคราะห์วงจรเงินสดของบริษัท
วงจรเงินสด ใช้วัดว่า บริษัทใช้เวลานานแค่ไหน กว่าที่เงินสดจะเข้าบริษัท โดยวัดตั้งแต่วันที่เริ่มสั่งวัตถุดิบมาผลิตสินค้า ไปจนถึงวันที่ขายสินค้าออก
2
ถ้าบริษัทมีวงจรเงินสดสั้น หมายความว่า บริษัทมีสภาพคล่องสูง มีเงินสดไหลเข้าบริษัทอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าบริษัทมีวงจรเงินสดยาว หมายความว่า บริษัทมีสภาพคล่องต่ำ และอาจต้องกู้เงินมาหมุนเวียนในธุรกิจ
1
โดยคุณโจ ลูกอีสาน จะชอบธุรกิจที่มีวงจรเงินสดสั้น
1
3. วิเคราะห์ผู้บริหาร
1
องค์ประกอบของผู้บริหารที่ดี จะต้อง
1
- เป็นคนซื่อสัตย์ และมีความโปร่งใส
- มีความรักในงาน และมีความทะเยอทะยาน อยากทำให้บริษัทเจริญเติบโต
- เห็นผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ
- เป็นผู้บริหารที่มีความสามารถ
1
4. วิเคราะห์งบการเงิน
การที่ราคาหุ้นของบริษัทจะเติบโตได้ดีในระยะยาวนั้น จะต้องมีผลประกอบการจากการทำธุรกิจที่ดี
บริษัทที่คุณโจให้ความสนใจ จะต้องมีหนี้สินน้อย โดยดูจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ D/E Ratio
1
D/E Ratio = หนี้สินรวม / ส่วนของผู้ถือหุ้น
บริษัทที่คุณโจจะลงทุน มักมี D/E Ratio ไม่เกิน 1 ถึง 1.5 เท่า
แต่สำหรับกรณีของบริษัทที่ทำธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะมีหนี้สินเป็นประเภทเจ้าหนี้การค้าเยอะ
คุณโจแนะนำว่า ให้ใช้แค่หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเท่านั้น มาหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น หากน้อยกว่า 1 ถึง 1.5 เท่า ก็ถือว่า บริษัทยังมีหนี้ไม่มากเกินไป
บริษัทที่มีหนี้สินน้อย จะมีความสามารถในการทำธุรกิจได้คล่องตัวกว่าบริษัทที่มีหนี้มาก
1
นอกจากนี้ คุณโจยังพิจารณาถึงเรื่อง
- การจ่ายเงินปันผลของบริษัทเป็นอย่างไร ?
- รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง และมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกหรือไม่ ?
- บริษัททำธุรกิจแล้ว มีเงินเข้ามาจริงหรือไม่ โดยการตรวจสอบงบกระแสเงินสด ?
5. วิเคราะห์ขนาดตลาดที่เป็นไปได้
1
วิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมที่บริษัททำธุรกิจอยู่นั้น มีขนาดตลาดที่ใหญ่แค่ไหน และบริษัทมีความสามารถในการเติบโต เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางธุรกิจได้อีกมากแค่ไหน
3
หากขนาดตลาดใหญ่มาก และบริษัทมีความสามารถในการเติบโตได้สูง หุ้นของบริษัท ก็จะน่าสนใจ
1
6. วิเคราะห์ความเสี่ยง
สุดท้ายคือ วิเคราะห์ว่าบริษัทที่เราสนใจจะลงทุนนั้น มีปัจจัยความเสี่ยงอะไรบ้าง เช่น
- บริษัทมีปัญหาเรื่องสัญญา หรือสัมปทาน ที่ใกล้จะหมดอายุหรือไม่ ?
- บริษัทพึ่งพาการขายสินค้าแค่ไม่กี่อย่างหรือไม่ ?
- บริษัทพึ่งพาลูกค้าจำนวนน้อยรายเกินไปหรือไม่ ?
- บริษัทพึ่งพาความสามารถของผู้บริหาร มากเกินไปหรือไม่ และมีแผนการในการแก้ปัญหาอย่างไร ?
- บริษัทมีปัญหาเรื่องคดีความ และข้อพิพาททางกฎหมาย ที่จะส่งผลร้ายต่อบริษัท อยู่หรือไม่ ?
1
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเข้าใจกันแล้วว่า ขั้นตอนที่คุณโจ ลูกอีสาน เซียนหุ้น 1,000 ล้านบาท ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น ก่อนที่จะลงทุนนั้น เป็นอย่างไร
เมื่อคุณโจได้วิเคราะห์บริษัทผ่านทุกขั้นตอนข้างต้นแล้ว คุณโจก็จะมาให้คะแนนคุณภาพของบริษัท หากบริษัทได้คะแนนสูง ก็หมายความว่า บริษัทมีคุณภาพสูง
แล้วหลังจากนั้น คุณโจก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ มาประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นต่อไป..
2
References
-วิชาคณิตศาสตร์เพื่อความมั่งคั่ง : การลงทุนแบบเน้นคุณค่า สอนโดย อนุรักษ์ บุญแสวง
-หนังสือ One Up On Wall Street: How To Use What You Already Know To Make Money In The Market (1989) โดย Peter Lynch และ John Rothchild
โฆษณา