22 ก.ย. 2023 เวลา 14:00 • การเมือง

ประเทศอาร์ตซัคสิ้นชาติ !

สาธารณรัฐอาร์ตซัค(Republic of Artsakh) หรือ สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัค(Nagorno-Karabakh Republic) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคอเคซัส อาร์ตซัคเป็นประเทศที่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีสามชาติที่ไม่ได้รับการยอมรับคือ ทรานส์นิสเตรีย,ออสเซเตียใต้ และ อับคาเซีย ที่ให้การยอมรับประเทศดังกล่าวในฐานะ "รัฐเอกราช"
พื้นที่ประเทศอาร์ตซัคจากมุมมองโลก
พื้นที่สาธารณรัฐอาร์ตซัค เป็นเขตของประชากรชาวอาร์เมเนีย ทว่าภูมิภาคแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นเขตปกครองตนเอง(Autonomous oblast) ของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาเซอร์ไบจาน ในยุคสหภาพโซเวียต และ เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย พื้นที่ดังกล่าวก็ได้พยายามแยกตัวออกจากอาเซอร์ไบจาน เพื่อเข้ารวมชาติกับอาร์เมเนียก่อให้เป็นสงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่ 1 ซึ่งชาวอาร์เมเนียได้รับชัยชนะ และได้ก่อตั้ง สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัค ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น สาธารณรัฐอาร์ตซัค กลายเป็นรัฐเอกราชทางพฤตินัย(de facto independent state)
ในปี 2020 อาเซอร์ไบจานภายใต้การสนับสนุนของตุรกี ได้โจมตีอาร์เมเนียและเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของ สาธารณรัฐอาร์ตซัคถูกยึดครองโดยอาเซอร์ไบจาน ซึ่งอ้างว่าเป็นการปลดปล่อยพื้นที่จากการยึดครองของอาร์เมเนีย เหตุการณ์ครั้งนั้นนำไปสู่ สงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่ 2 ที่จบลงด้วยการแทรกแซงของรัสเซีย และ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาสงบศึก
ในข้อตกลงปี 2020 อาร์ตซัคยังสามารถรักษาเอกราชของตนเองได้ แลกกับการสูญเสียพื้นที่ๆ อันได้แก่ การสูญเสียพื้นที่ จังหวัดฮาดรุค, จังหวัดคาร์วาจัร และ จังหวัดลาซิน ทั้งหมดของจังหวัดทั้งสามให้กับอาเซอร์ไบจาน นอกจากนี้ พื้นที่บางส่วนของจังหวัดดังต่อไปนี้; จังหวัดมาทาเกิร์ต, จังหวัดอัซเคราน, จังหวัดมัรตูนี และ จังหวัดชูชี ก็ถูกแบ่งให้อาเซอร์ไบจานปกครอง
ดินแดนของอาร์ตซัคภายหลังการสิ้นสุดสงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่2
ผลคือพื้นที่ของ อาร์ตซัค ถูกล้อมโดยอาเซอร์ไบจานโดยมีเพียงดินแดนส่วนเล็กๆที่อาร์ตซัคยังเชื่อมต่อกับอาร์เมเนีย คือ ฉนวนลาชิน(Lachin corridor) ซึ่งภายใต้การอารักขาของกองกำลังรักษาสันติภาพของกองทัพรัสเซีย
แม้สงครามจะสิ้นสุดลงหลังจากการรบที่ดุเดือดกว่าหนึ่งเดือน แต่ทว่ามีหลายครั้งที่ทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะกัน โดยทหารอาร์เมเนียกับทหารอาเซอร์ไบจาน มักปะทะตามพรมแดน โดยทั้งสองฝ่ายมักกล่าวอ้างว่าอีกฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
ในปี 2022 รัสเซียได้บุกยูเครน เหตุการณ์นี้ทำให้อิทธิพลในรัสเซียต่อประเทศในภูมิภาคคอเคเซัสลดลงเป็นอย่างมาก จากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของนานาชาติ อีกทั้งรัฐบาลอาร์เมเนียเริ่มมีความขัดแย้งกับรัสเซีย ตุรกีซึ่งเป็นคู่แข่งกับรัสเซียในการเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคดังกล่าว จึงฉวยโอกาส เริ่มสนับสนุนอาเซอร์ไบจานให้ทำการรุกอีกครั้ง
ในวันที่ 12 ธันวาคม ปี 2022 อาเซอร์ไบจานได้ทำการปิดล้อมอาร์ตซัค ห้ามการขนส่งอาหาร ยา และสินค้าอื่น ๆ รวมถึงห้ามการข้ามแดนของผู้คน ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและการปันส่วนอาหาร เวชภัณฑ์ และไฟฟ้า, ระบบสาธารณสุขในอาร์ตซัคเกือบล่มสลาย หลายคนไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ เพราะโรงพยาบาลขาดแคลนอุปกรณ์ เกิดการขาดแคลนน้ำสะอาด รวมถึงไฟฟ้าและก๊าซ ทางการอาร์ตซัคยังต้องประกาศปิดโรงเรียน
เมื่อสามารถบ่อนทำลายรัฐบาลสาธารณรัฐอาร์ตซัคจากภายในได้ ในวันที่ 19 - 20 กันยายน ปี 2023 กองทัพอาเซอร์ไบจานได้เปิดฉากบุกข้ามเขตแดน เพียงแค่ 1 วัน กองทัพอาร์ตซัคต้องประกาศยอมจำนน ผู้นำอาเซอร์ไบจานคือ ประธานาธิบดีอิลฮาม อาลีเยฟ ประกาศชัยชนะในการออกอากาศสดทางโทรทัศน์
วันที่ 21 กันยายน 2023 ตามข้อตกลงในการเจรจาระหว่างอาร์ตซัคและอาเซอร์ไบจาน กองทัพป้องกันอาร์ตซัค(Artsakh Defence Army) ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1992 ในฐานะกองทัพของสาธารณรัฐอาร์ตซัค ถูกประกาศยุบและวางอาวุธทั้งหมด
กองทัพแห่งอาร์ตซัคถูกยุบในวันที่ 21 กันยายน และ ถูกบังคับให้วางอาวุธ
คำถามคือ จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ?
นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนพิจารณาว่าเป้าหมายพื้นฐานของอาเซอร์ไบจานในการรุกครั้งนี้คือการกวาดล้างชาติพันธุ์ โดยการบังคับให้ชาวอาร์เมเนียต้องพลัดถิ่นจากบ้านเกิดของตนเอง และผนวกดินแดนนากอร์โน-คาราบัคทั้งหมดให้กลายเป็นของตน จากผลของสงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่สอง พลเมืองอาร์เมเนียในอาร์ตซัคกว่า 400,000 คน ถูกบังคับให้กลายเป็นผู้พลัดถิ่นไร้บ้านเกิดเมืองนอน และ สิ่งนี้กำลังถูกตั้งคำถามว่า อาเซอร์ไบจานจะทำการบังคับการพลัดถิ่นแก่ประชากรอาร์เมเนียในส่วนที่เหลือของอาร์ตซัคที่พึ่งยอมจำนนหรือไม่ ?
ในวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ทางอาร์เมเนียเตรียมรับชาวอาร์เมเนียจากอาร์ตซัคจำนวน 40,000 คน ที่กำลังอพยพเข้ามายังอาร์เมเนีย ในวันเดียวกันฝูงชนในจัตุรัสรีพับลิก กรุงเยเรวาน ประเทศอาร์เมเนียได้ออกมาประท้วงรัฐบาลที่ไม่ได้ส่งกองทัพเข้าแทรกแซงหรือช่วยเหลืออาร์ตซัค พวกเขาเรียกร้องให้ปลดรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนิโคล ปาชินยาน ซึ่งมีนโยบายที่ปรารถนาที่จะนำอาร์เมเนียถอนตัวจาก องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน(CSTO) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารที่อยู่ภายใต้การนำของรัสเซีย
โดยหนึ่งในฝูงชนระบุว่า ข้อเรียกร้องของรัฐบาลเป็นการละทิ้งเอกราชของอาร์เมเนีย เพราะที่ผ่านมา CSTO มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือทางทหารแก่อาร์เมเนีย แต่ทว่ารัฐบาลปัจจุบันของอาร์เมเนียพยายามออกจากอิทธิพลของรัสเซียเพื่อหวังสร้างทางการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป
ทางด้านรัสเซียเอง ความล้มเหลวของกองกำลังรักษาสันติภาพรัสเซีย ยิ่งตอกย้ำอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคคอเคเซัสกำลังถูกท้าทายและอ่อนแอลง โดยในการปะทะครั้งล่าสุด ทหารรักษาสันติภาพรัสเซีย 5 นาย ถูกสังหารโดยทหารอาเซอร์ไบจาน นอกจากนี้ดูเหมือนรัสเซียกำลังกล่าวโทษอาร์เมเนียและโลกตะวันตกสำหรับความขัดแย้งที่ลุกลามในนากอร์โน-คาราบาค เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลอาร์เมเนียมีนโยบายออกห่างจากรัสเซีย
ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย นายดิมิทรี เมดเวเดฟได้กล่าวว่ารัสเซียจะไม่ปกป้องอาร์เมเนียจากการรุกของอาเซอร์ไบจาน
ดูเหมือนอาร์เมเนีย และ อาร์ตซัค จะไร้พันธมิตรในการปกป้องตนเอง
ทางด้านตุรกี ทางการตุรกีระบุว่าปฏิบัติการทางทหารของอาเซอร์ไบจานมีความชอบธรรม ประธานาธิบดีเรเชฟ ไตยิป เอรโดกัน ระบุในที่ประชุมสหประชาชาติว่า " "ดังที่ทุกคนทราบแล้วว่าคาราบาคคือดินแดนอาเซอร์ไบจาน การได้รับสถานะอื่นจะไม่ได้รับการยอมรับ" และ "(ตุรกี)สนับสนุน ขั้นตอนที่อาเซอร์ไบจานดำเนินการ ซึ่งเราดำเนินการร่วมกันตามคำขวัญหนึ่งชนชาติ,สองรัฐ* เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของตน”
หมายเหตุ* one nation, two states หนึ่งชนชาติ สองรัฐเป็นนโยบายร่วมของตุรกีและอาเซอร์ไบจาน เนื่องจากทั้งสองชาติต่างเป็นชาวเติร์กที่พูดภาษาเดียวกัน*
ชะตากรรมของอาร์ตซัคได้จบลงในวันที่ 28 กันยายน ปี 2023 ประธานาธิบดี ซัมเวล ชาห์รามานยัน แห่งสาธารณรัฐอาร์ตซัคได้ลงนามในข้อตกลงกับอาเซอร์ไบจานว่า สถาบันทั้งหมดของสาธารณรัฐแห่งอาร์ตซัค ตั้งแต่ คณะรัฐบาล รัฐสภา ตุลาการ กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานการปกครองทั้งหมดของสาธารณรัฐอาร์ตซัค จะถูกยุบภายในวันที่ 1 มกราคม ปี 2024 ซึ่งจะทำให้การดำรงอยู่ของสาธารณรัฐสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
ไม่มีข้อตกลงจัดตั้งเขตปกครองตนเอง หรือ ข้อตกลงใดๆ ในการปกป้องสิทธิหรือคุ้มครองการอยู่อาศัยของชาวอาร์เมเนียในพื้นที่ๆเคยเป็น สาธารณรัฐอาร์ตซัค พื้นที่ทั้งหมดจะถูกผนวกเข้ากับประเทศอาเซอร์ไบจาน ในฐานะเขตปกครองท้องถิ่นที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน
ด้วยความกลัวว่าจะถูกประหัตประหารและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ปี 2023 ประชาชนชาวอาร์ตซัคเชื้อชาติอาร์เมเนีย จำนวน 84,000คน ณ วันที่ 29 กันยายน ปี 2023 ได้ทำการอพยพออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองไปยังประเทศอาร์เมเนีย ซึ่งถือเป็น 70% ของประชากรทั้งหมดของอาร์ตซัคจำนวน 120,000 คน และ คาดว่าประชากรทั้งหมดจะออกจากพื้นที่ก่อนที่อาเซอร์ไบจานจะทำการเข้าควบคุมพื้นที่ทั้งหมดและผนวกดินแดนเป็นส่วนหนึ่งของตนเองอย่างเป็นทางการ
บัดนี้ อาร์ตซัคสิ้นชาติอย่างเป็นทางการ !
เรียบเรียง - นัควัต ฮากีมอฟ
ที่มา -
โฆษณา