26 ก.ย. 2023 เวลา 10:01

ทิศทางธุรกิจชัดเจนขึ้นได้ด้วย BCG Matrix

สำหรับคนทำธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจ Position ของสินค้าและบริการของตัวเองว่าเมื่อเปรียบเทียบในตลาดแล้ว แต่ละสินค้าและบริการของธุรกิจอยู่ในจุดใด เพื่อให้วางแผนธุรกิจได้อย่างถูกต้อง เห็นภาพว่าควรจะต้องพัฒนาจุดไหน หรือควรทุ่มเททรัพยากรไปที่ผลิตภัณฑ์ใดเป็นพิเศษหรือไม่ ซึ่งเครื่องมือหนึ่งที่มักถูกหยิบมาใช้คือ Boston Consulting Group Matrix หรือ BCG Matrix
2
BCG Matrix คืออะไร
BCG Matrix เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และประเมินศักยภาพของสินค้าและบริการที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) ของธุรกิจ โดยพิจารณาจาก 2 ปัจจัยคือ อัตราการเติบโตของตลาด (Market Growth Rate) เป็นแกนตั้ง และแกนนอนคือส่วนแบ่งตลาด (Market Share) โมเดลนี้จะแบ่งสินค้าและบริการออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1. Stars
ผลิตภัณฑ์ที่ตลาดมีอัตราการเจริญเติบโตสูง และตัวผลิตภัณฑ์ก็มีส่วนแบ่งตลาดสูงเช่นกัน (High Market Growth Rate, High Market Share) เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงกำลังเติบโต และตลาดมีการแข่งขันอย่างดุเดือด มีคู่แข่งเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
1
กลยุทธ์การตลาดสำหรับสินค้ากลุ่มนี้คือควรรักษาให้สินค้าของแบรนด์เราอยู่ในตลาดต่อไปให้นานที่สุด ซึ่งจะต้องลงทุนในการโปรโมตสินค้าและติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดให้คงความเป็นผู้นำในธุรกิจต่อไป
2
2. Cash Cows
ผลิตภัณฑ์ที่ตลาดมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำ แต่ตัวผลิตภัณฑ์มีส่วนแบ่งตลาดสูง (Low Market Growth Rate, High Market Share) มักเป็นผลิตภัณฑ์หลักของกิจการที่ทำกำไรให้กับบริษัทได้สูง โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก เปรียบเสมือนวัวนมที่เราควรรีดน้ำนมออกมาเรื่อย ๆ ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
1
อย่างไรก็ตามตลาดของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้กำลังเข้าสู่จุดอิ่มตัว จึงควรนำกำไรในส่วนนี้ไปลงทุนต่อยอดในธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตลาดมีอัตราการเจริญเติบโตสูงแทน เพื่อให้กิจการมีช่องทางหารายได้ใหม่เตรียมทดแทนผลิตภัณฑ์เดิมที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลง
11
3. Question Marks
ผลิตภัณฑ์ที่ตลาดมีอัตราการเจริญเติบโตสูง แต่ตัวผลิตภัณฑ์มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ (High Market Growth Rate, Low Market Share) เป็นธุรกิจที่กำไรน้อย ใช้เงินลงทุนสูง แต่มีโอกาสในการเติบโต ธุรกิจมักเจอสถานการณ์นี้ในช่วงที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ หรือธุรกิจเพิ่งเริ่มเข้าสู่ตลาดใหม่
หากสินค้าอยู่ในกลุ่มนี้จะต้องวางแผนดีๆ มักต้องปรับใช้กลยุทธ์การตลาดหลายอย่างเพื่อผลักดันให้สินค้าเข้าไปสู่กลุ่มที่เป็น Star ให้ได้ ควรมีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะประเมินผลเมื่อไหร่ ซึ่งหากทำไม่สำเร็จ สินค้าก็จะมาอยู่ในช่อง Dog แทน
4. Dogs
ผลิตภัณฑ์ในตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตต่ำ และมีส่วนแบ่งตลาดต่ำ (Low Market Growth Rate, Low Market Share) เป็นสินค้าที่ทำกำไรน้อย อาจเป็นสินค้าที่เคยได้รับความนิยมในอดีตแต่ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว หากฝืนทำต่อไปแบบเดิมอาจถึงขั้นขาดทุน ซึ่งจะทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
3
ควรวิเคราะห์หาลู่ทางว่าจะปรับปรุงสินค้านี้อย่างไรให้อยู่รอด หรือหากไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้ก็ควรตัดใจตัดสินค้าตัวนี้ทิ้งไป
แม้ว่า BCG Matrix จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยในการวิเคราะห์กลยุทธ์ให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ แต่ต้องไม่ลืมว่าสภาพแวดล้อมของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผลิตภัณฑ์สามารถเคลื่อนที่ไปตามช่องทางต่างๆ ได้เมื่อเวลาเปลี่ยนไป จึงควรกลับมาประเมินด้วย BCG Matrix เป็นประจำ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที
สุดท้ายนี้ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะอยู่ในกลุ่มไหนต่างก็ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น อาจจะมากน้อยต่างกัน หากเจ้าของกิจการต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อส่งเสริมหรือพัฒนาสินค้าให้ทำกำไรได้ดีขึ้น สามารถศึกษาสินเชื่อธุรกิจ SME จากธนาคารเกียรตินาคินภัทร ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบทั้งสินเชื่อก้อนใหญ่ที่ใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน และสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ค่าธรรมเนียมต่ำ ผ่อนสบายแบบลดต้นลดดอก จึงสามารถเลือกใช้ได้ตามโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน
1
โฆษณา