27 ก.ย. 2023 เวลา 14:19 • กีฬา

ต้องชนะขาดและเล่นดีเท่านั้น แฟนผียุคโซเชียลถึงเลิกด่ารุนแรง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่แฟนบอลมีระดับความคาดหวังที่สูงมากๆ แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้นานถึง 10 ปี และเส้นทางในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปไม่ไกลเกินกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมานานถึง 12 ปีแล้วก็ตาม
แต่ด้วยชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ความสำเร็จเก่าๆ ยังทำให้แฟนบอลปีศาจแดงต้องการชัยชนะในทุกนัด และต้องการให้ทีมอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกถ้วยอยู่ตลอด
แล้วยิ่งช่วงหลังทีมที่เคยสู้พวกเขาไม่ได้เมื่อทศวรรษก่อนทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูลต่างยกระดับการเล่นเหนือพวกเขาไปไกล แฟนบอลผีแดงไม่ได้ต้องการแค่ผลการแข่งขันที่ดีเท่านั้น แต่ฟอร์มการเล่นต้องน่าประทับใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจอกับคู่แข่งที่ชื่อชั้นเป็นรอง
แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ ไม่อนุญาตให้ทีมแพ้ทุกกรณี แม้กระทั่งสถานการณ์ที่มีนักเตะลงสนามไม่ได้มากกว่า 10 คน และไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งและฟอร์มดีแค่ไหนก็ตาม
4 ทีมที่เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในซีซั่นนี้ ล้วนเป็นทีมที่อยู่ 5 อันดับแรกในลีก ไม่ว่าจะเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล, ไบรท์ตัน รวมถึง บาเยิร์น มิวนิค จากบุนเดสลีกา ขณะที่การชนะคู่แข่งอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และเบิร์นลี่ย์ ก็ไม่ใช่การคว้า 3 แต้มแบบน่าประทับใจ
แฟนผีจำนวนมากก่นด่าและหาทุกเรื่องในโลกเท่าที่จะนึกออกมาด้อยค่า เอริค เทน ฮาก และหลายคนก็พาลไปดูถูกเหยียดหยามนักเตะในทีม คนที่แฟนบอลร้องยี้อยู่แล้วคือ อองโตนี่ มาร์กซิยาล, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ส่วนคนที่โดนจ้องจับผิดมากๆ ในช่วงนี้คือนักเตะที่แฟนบอลไม่ต้องการ แต่ทีมกลับทุ่มเงินจำนวนมากเซ็นสัญญาเข้ามาอย่าง อองเดร โอนาน่า และ เมสัน เมาท์
อย่าว่าแต่นักเตะคนไหนเลยครับ ขนาดกำลังสำคัญของทีมเมื่อซีซั่นก่อนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยังโดนด่าซะเสียหมา แค่เพราะทำผลงานดร็อปลงจากเดิมมาก และโชว์การตัดสินใจในสนามที่แย่ในช่วงหลัง
แฟนบอลลืมผลงานดีของ 2 คนนี้ในอดีตซะหมดสิ้น หรือบางส่วนอาจจะไม่ใช้คำว่า "ลืม" แต่ถึงขั้นใช้คำว่า "ไม่เคยให้ค่า" 2 คนนี้เลยด้วยซ้ำ
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าความสุขในการเชียร์ทีมรักของแฟนบอลที่มีความคิดดูถูก และชอบเหยียดหยามนักเตะ, โค้ช และสโมสรที่ตัวเองบอกว่าเชียร์เหล่านี้ มันคืออะไรกันแน่ (บางคนไม่เคยสนับสนุนอะไรสโมสรโดยตรงด้วยซ้ำ แถมบางคนปากบอกว่ากูคือแฟนพันธุ์แท้ แต่นอกจากดูถูก ด่าทีมรุนแรงตลอดเวลา ยังกลับละเมิดลิขสิทธิ์ตลอดเวลาอีกต่างหาก)
เมื่อผลงานของทีมยังไม่น่าประทับใจ นั่นทำให้ตอนนี้ เอริค เทน ฮาก ทำอะไรก็ผิดสำหรับแฟนบอลพวกนี้ไปหมด
ให้สัมภาษณ์แบบไหนก็จะถูกแย้งเสมอ
ตัดสินใจขายใคร ซื้อใคร ลงโทษใคร ดร็อปใคร ก็โดนด่าว่าบารมีไม่ถึง ทั้งที่มันควรเป็นเรื่องปกติที่ผู้จัดการทีมมันต้องมีอำนาจตัดสินใจเหนือนักเตะ ผลงานจะดีไม่ดีนั่นอีกเรื่อง
คุณให้ผู้จัดการทีมคือคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ ก่อนจะไปถึงจุดนั้นมันก็ต้องซัพพอร์ตให้เขาได้ทำตามแผนที่เขาวางโปรเจ็คต์ไว้เสียก่อน
ซึ่งเมื่อผู้จัดการทีมโดนแฟนบอลทีมตัวเองดูถูก มันก็จะอยู่ในจุดที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด และแฟนบอลเหล่านั้นก็จะพาลไปดูถูกเหยียดหยามคนที่ยังพร้อมซัพพอร์ตและให้เวลาตามไปด้วย
ไม่ต้องยกตัวอย่างที่ไหนไกล ผมนี่แหละครับที่โดนเต็มๆ ผมต้องรับมือกับคอมเมนต์รุนแรงที่พาลมาคุกคามถึงผมเยอะมาก ทุกครั้งที่ทีมแพ้ต้องโดนหลายๆ คนทั้งแท็ก ทั้งส่งข้อความมาแซะ ว่าเป็นไงล่ะ ยังจะสนับสนุนอยู่ไหม โดนเหยียดว่าเป็นไอ้พวกโลกสวย บางคนโรคจิตถึงขั้นตามมากดหัวเราะรูปโปรไฟล์และโพสต์ผมทุกโพสต์ที่พวกเขาเจอในเฟซส่วนตัว
ผมยืนยันมาตลอดว่าจะ "ไม่ไล่" และผมก็พยายามยืนยันว่า ถ้าหากผู้จัดการทีมได้นักเตะและทีมที่เขาต้องการในเวลาที่เขามีมากพอ ผลงานมันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
แต่ถ้าคุณคาดหวังอะไรสูงปรี๊ด แล้วต้องได้ทันที แล้วต้องพาลมาลงกับทุกอย่าง เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วถ้ามันถึงขั้นต้องมาลงกับแฟนบอลด้วยกันเอง มันคงเป็นจุดที่สนทนากันยากแล้วครับ
สำหรับการจัดทีมของ เอริค เทน ฮาก ในเกมพบ คริสตัล พาเลซ ในศึก คาราบาว คัพ นัดล่าสุด ผมก็เห็นคอมเมนต์จำนวนมากที่รีบถล่ม เทน ฮาก ตั้งแต่บอลยังไม่ทันคิกออฟ
พวกเขาไม่อยากเห็นนักเตะที่ตัวเองเกลียดขี้หน้าอย่าง อองเดร โอนาน่า, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, เมสัน เมาท์ และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ลงสนาม
พวกเขาไม่ไว้ใจการจับ โซฟียาน อัมราบัต ไปยืนเป็นแบ็ก เพราะติดภาพจำจากฟุตบอลโลก 2022 ว่าดาวเตะทีมชาติโมร็อกโกต้องเล่นกองกลางตัวรับเท่านั้น
พวกเขาหาเรื่องไม่เห็นด้วยกับ เทน ฮาก ทุกทาง บ้างก็บอกว่าการไม่ดร็อปคาเซมิโร่ซะบ้างคือความผิด เพราะต่อไปจะฟิตไม่พอสำหรับลงเล่นต่อเนื่องซะเปล่าๆ
บ้างก็บอกว่าทีมจำเป็นต้องชนะต่อเนื่องเพื่อเรียกความมั่นใจ ทำไมดร็อปนักเตะอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไปนั่งสำรอง ทั้งที่เพิ่งยิงประตูชัยช่วยทีมมาหมาดๆ และทำไมต้องให้ ราสมุส ฮอยลุนด์ นั่งสำรอง ทั้งที่กองหน้าดาวรุ่งต้องการความมั่นใจด้วยการยิงประตูต่อหน้าแฟนบอลที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เร็วๆ ให้ได้
ซึ่งถ้าพยายามเข้าใจขีดจำกัด และมองถึงเหตุผลหลายๆ ปัจจัย 11 ตัวจริงที่ เอริค เทน ฮาก จัดลงไปเจอกับพาเลซ มันก็ถือว่าสมเหตุสมผล
อองเดร โอนาน่า ยังได้ลงเฝ้าเสาต่อไป แม้หลายคนอยากให้เป็นโอกาสของ อัลทาย บายินดีร์ ซะบ้าง แต่ในอีกมุมคือผู้รักษาประตูมือหนึ่งชาวแคเมอรูนควรได้ความมั่นใจมากกว่าทุกคนก็เป็นได้ หลังจากเพิ่งโทษตัวเองหนักมาก ที่เป็นต้นเหตุก่อความผิดพลาดพาทีมแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 4-3 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
โอนาน่าเพิ่งเก็บคลีนชีตในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดแบบไม่ทำอะไรผิดพลาด ถ้าหากเขาทำแบบนั้นได้อีกในเกมบอลถ้วย เขาจะยิ่งมั่นใจมากขึ้นในการยึดมือหนึ่งยาวๆ ในช่วงต่อจากนี้
ตำแหน่งแบ็กถือว่าเหลือเพียง ดีโอโก้ ดาโลต์ คนเดียวที่เป็นฟูลแบ็กธรรมชาติที่ลงเล่นได้ เพราะ อารอน วาน-บิสซาก้า, ลุค ชอว์, ไตเรลล์ มาลาเซีย ต่างบาดเจ็บยาว และแม้กระทั่งแบ็กซ้ายตัวยืมที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาอย่าง เซร์คิโอ เรกีล่อน ก็เพิ่งเจ็บเพิ่มเป็นรายล่าสุด (อาการของเรกีล่อนน่าจะไม่หนักมาก)
นั่นทำให้ โซฟียาน อัมราบัต ที่ เทน ฮาก รู้จักดีมาตั้งแต่สมัยร่วมงานกันที่ เอฟซี อูเทร็คท์ ถูกส่งลงยืนแบ็กซ้าย โดยลักษณะการยืนจะเป็นบทบาท Inverted Fullback คือเมื่อทีมเป็นฝ่ายได้ครองบอล เขาจะหุบเข้ากลางมาช่วย
เหตุผลที่อัมราบัตได้เล่นตำแหน่งตรงนั้น นอกจากเป็นเพราะฟูลแบ็กเจ็บกันจนหมดสต๊อกแล้ว (ดาวรุ่งอย่าง มาร์ก ฆูราโด้ ถูกปล่อยตัวให้เอสปันญ่อลแล้ว ส่วน แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ และ อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ ก็โดนปล่อยยืมกันหมด) ก็คือ เทน ฮาก รู้ดีว่า "เขาเล่นตรงนั้นได้"
สำหรับตำแหน่งแดนกลาง ในเมื่ออัมราบัตต้องไปเล่นแบ็ก ส่วน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ คริสเตียน เอริคเซ่น ต่างมีอาการป่วยจนไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง นั่นทำให้ เอริค เทน ฮาก จำเป็นต้องส่งคาเซมิโร่ลงตัวจริงต่อไป เพราะกัปตันทีมชาติบราซิลคือกลางรับธรรมชาติคนเดียวแล้วที่เหลืออยู่ ถ้าไม่นับอัมราบัตที่ต้องไปเล่นอีกตำแหน่ง
ฮานนิบาล เมจบรี้ ไม่ใช่กลางรับนะครับ เขาคือมิดฟิลด์ตัว บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่ขยัน แต่เขาไม่ใช่ตัวตัดเกมที่เหมาะกับจะให้ไปยืนต่ำคนเดียวแน่นอน
ส่วนตัวเลือกแดนกลางคนอื่นๆ มีข่าวดีที่ เมสัน เมาท์ ฟิตสมบูรณ์กลับมาพร้อมลงตัวจริงได้แล้ว ทำให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ออกสตาร์ทให้ทั้งสโมสรและทีมชาติต่อเนื่องแบบมาราธอนมาตั้งแต่ต้นปีได้โอกาสพักแข้งเพื่อชาร์จพลังงานซะบ้าง
ใครที่อยากให้บรูโน่ลงสนามในเกมนี้ ผมอยากจะถามกลับว่า "ถ้าไม่ให้เขาพักเกมนี้ จะมีโอกาสให้เขาได้พักเกมไหนอีก?"
ขณะที่ ฮานนิบาล เมจบรี้ ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อและฟิตสุดขีดได้ลงตัวจริงต่อเนื่อง ส่วนตัวรุกได้เวลาให้โอกาสนักเตะอย่าง ฟาคุนโด้ เปยิสตรี, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้เป็น 11 คนแรกซะบ้าง
สุดท้ายการตัดสินใจจัดทีมของโค้ชจะถูกต้องหรือไม่ มันจะวัดที่ฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น
เมื่อผลและรูปเกมที่ออกมา แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ดีมากและสามารถเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้ 3-0 ซึ่งเป็นการชนะด้วยผลต่างเกิน 1 ประตูครั้งแรกของฤดูกาลนี้ และชนะ 2 นัดติดต่อกัน (แถมคลีนชีต 2 เกมซ้อน) ครั้งแรกของซีซั่นนี้ มันทำให้แฟนบอลลดอคติกับทีมลงไปได้พอสมควร
อองเดร โอนาน่า ได้คลีนชีต 2 นัดติดต่อกัน เมื่อคืนนี้เขาไม่พลาด แม้จะไม่เจองานหนัก แต่ก็มีจังหวะเซฟสวยๆ ให้เห็น 2 ครั้ง
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่แฟนบอลดูถูกอยู่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกองหลังที่เล่นดีที่สุดของทีมเมื่อคืนวันอังคาร เขาช่วยทีมเก็บคลีนชีต ไม่มีความผิดพลาด และออกบอลได้เนียนตามาก
เมสัน เมาท์ ที่แฟนบอลยังไม่ค่อยเปิดใจให้นักว่าซื้อมาทำไม ได้แอสซิสต์ลูกแรกในสีเสื้อปีศาจแดง ด้วยการเปิดลูกเตะมุมให้คาเซมิโร่โหม่งตุงตาข่าย
อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่แฟนบอลไม่ไว้ใจ มีชื่อทำประตูสุดท้ายของเกมนี้
โซฟียาน อัมราบัต ที่แฟนบอลงงว่าจับไปเล่นตรงนั้นมึงจะอินดี้ไปไหม กลายเป็นเล่นได้โดดเด่นกับการเป็น Inverted Fullback ก่อนที่ครึ่งหลังจะหุบเข้าไปเป็นกลางรับคู่กับคาเซมิโร่เต็มตัว เพราะ เมสัน เมาท์ ถูกเปลี่ยนตัวออกตอนพักครึ่งเพื่อถนอมสภาพร่างกาย แล้วให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ลงไปยืนแบ็กซ้ายแทน
อัมราบัต, เมาท์, ฮานนิบาล ที่ลงสนามพร้อมกันให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าสิ่งที่ผมเคยพยายามบอกว่า "ฟุตบอลคือกีฬาที่ใช้ร่างกาย ถ้าหากทีมมีพลังงานตรงนี้เพิ่มขึ้นมามาก ฟอร์มในสนามจะดีขึ้นเอง" มันคือความจริง
3 คนนี้เพิ่มเอเนอร์จี้ให้เกมลื่นไหล ได้บอลมาครองง่ายมาก และทำให้คาเซมิโร่ไม่ต้องเจองานหนัก จนมีเกมโดดเด่นทั้งยิงทั้งจ่าย และดูเล่นแบบสดชื่นขึ้นเยอะ
แต่หลังจากได้ผลการแข่งขันและฟอร์มที่ดี ก็ไม่วายที่จะมีประเด็นให้ถูกอคติอยู่ดี ซึ่งก็เข้าใจได้ที่แฟนบอลบางคนจะมองในมุมนั้น
ประเด็นแรกคือ คริสตัล พาเลซ เมื่อคืนที่ผ่านมา พักตัวสำคัญไปเยอะมาก นั่นไม่ใช่ทีมปราสาทเรือนแก้วชุดแข็งแกร่งอะไรเลย เพราะแกนหลักอย่าง โยอาคิม อันเดอร์เซ่น, มาร์ค เกฮี, เอเบเรชี่ เอเซ่ ไม่ได้เป็นตัวจริง แถม อ็อดซอนน์ เอดูอาร์ ก็มีปัญหาบาดเจ็บ
ประเด็นที่ 2 คือแฟนบอลตั้งแง่ว่า พอไม่ส่งนักเตะที่ชอบฝืนเล่นจังหวะยากๆ อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมถึง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ชอบหาจังหวะจ่ายบอลได้เสีย มากกว่าต่อบอลให้แน่นอน มันทำให้เกมดูดีขึ้นเยอะ เห็นแบบนี้ให้ดร็อปทั้งบรูโน่ ทั้งแรชฟอร์ดไปยาวๆ เลยดีกว่า
2 ประเด็นนี้ถ้าแฟนบอลจะหยุดด่า เอริค เทน ฮาก และทีมได้ คงต้องเป็นกรณีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ชุดฟูลทีม ในเกมพรีเมียร์ลีกคืนวันเสาร์นี้ด้วยทีมอีกชุด ด้วยรูปเกมและสกอร์ที่ขาดลอยให้ได้อีกครั้งเท่านั้น
สุดท้ายผมก็อยากจะย้อนสิ่งที่ เอริค เทน ฮาก พูดเน้นย้ำระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนเปิดซีซั่นนี้ และช่วงต้นซีซั่นนี้เอาไว้หลายครั้ง
เขายืนยันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของเขามีศักยภาพที่ดีพอที่จะเอาชนะทีมที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ได้ จะเจอกับบาร์เซโลน่า, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, นิวคาสเซิ่ล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาเอาชนะทีมเหล่านี้ให้เห็นได้หมดแล้ว (แม้ฟอร์มในการเยือนทีมแข็งๆ ต้องปรับปรุงอีกเยอะก็ตาม)
ประเด็นคือทีมต้องค้นพบ "ความคงเส้นคงวา" ให้เจอ และเมื่อทำได้ ชัยชนะต่อเนื่องติดๆ กันมันจะมาเอง แล้วพอชนะต่อเนื่องได้ แฟนบอลก็จะไว้ใจในมาตรฐานของทีมมากขึ้น
ตอนนี้มันแค่ชนะมา 2 นัดติด คงยังไม่จำเป็นต้องรีบอวยอะไร แต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาทำลายกำลังใจทีมในช่วงที่กำลังเริ่มจะทำผลงานได้ดีครับ
#เสียบสามเหลี่ยม #ผีแดง #แมนยู #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #เทนฮาก #เอริคเทนฮาก #โอนาน่า #อองเดรโอนาน่า #แม็กไกวร์ #คาเซมิโร่ #อัมราบัต #เมสันเมาท์ #โซฟียานอัมราบัต #ลีกคัพ #คาราบาวคัพ
โฆษณา