คุยตัวต่อตัวกับเดิร์ก เคาท์ ตำนานหงส์แดง และรองแชมป์โลกกับฮอลแลนด์
ผมมีโอกาสได้คุยกับ เดิร์ก เคาท์ แบบตัวต่อตัว ประมาณ 10 นาทีครับ ยิงคำถามไปหลายเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อยากเล่าให้ฟังนะครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะได้เห็นข่าวกัน ที่อดีตนักเตะลิเวอร์พูลสามคน เดินทางมาไทย ประกอบด้วย แพทริก แบร์เกอร์, เดิร์ก เคาท์ และ เกล็น จอห์นสัน
ปกติการจะเอานักเตะตำนานของลิเวอร์พูล มาทำกิจกรรมที่ไทยนั้น มี 2 ช่องทางครับ แบบแรกคือติดต่อผ่านสโมสร และ แบบที่สองคือ ดีลตรงกับตัวนักเตะเลย
ถ้าแบบแรก คุณก็สามารถใช้โลโก้ลิเวอร์พูลได้ สามารถอ้างชื่อสโมสรลิเวอร์พูลได้ แต่ก็จะมีขั้นตอนยิบย่อยเยอะ อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ดังนั้นบริษัทเอเยนซี่ ชื่ออินฟลูออส (Influos) จึงเลือกใช้วิธีที่สอง นั่นคือไปคุยกับนักเตะโดยตรงเลย เมื่อดีลวิธีนี้ การทำกิจกรรมต่างๆ จะมีความอิสระมากกว่า แต่ก็ต้องแลกมากับ การใช้ชื่อและโลโก้หงส์แดงไม่ได้ครับ
แต่ก็นะ แค่เอาแบร์เกอร์, เคาท์, จอห์นสัน มาอยู่ด้วยกัน 3 คน ไม่ต้องใช้ชื่อลิเวอร์พูล คนก็เข้าใจได้โดยอัตโนมัติครับ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวทีเดียว
ในอีเวนต์นี้ ผมได้คุยกับเคาท์ ประมาณ 10 นาทีครับ โดยลิสต์คำถามไว้เยอะทีเดียว และเขาก็ตอบครบทุกข้อด้วย งั้นผมจะไปเล่าให้ฟังเลยนะครับ
---------------------
Jingjung Football : สวัสดีคุณเคาท์ คุณมาที่นี่ได้ 3-4 วันแล้ว เป็นไงบ้างกับประเทศไทย
Kuyt : จริงๆ ผมมาไทยบ่อยอยู่นะ แต่นั่นคือมาเที่ยวเอง คราวนี้มาในฐานะอดีตนักเตะ ก็ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่เยอะดี เมื่อเช้าผมก็เพิ่งไปตีกอล์ฟมานะ ประเทศไทยน่าเที่ยวเสมอ และก็ดีใจที่คนยังจำผมได้เยอะขนาดนี้ด้วย
Jingjung Football : เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว คุณคุมสโมสร เดน ฮาก แต่ถูกปลดจากตำแหน่ง มันเกิดอะไรขึ้นกันหรอ?
Kuyt : ตอนที่เดน ฮาก เสนองานให้ผม ต้นฤดูกาลที่แล้ว ผมดีใจนะ และรีบรับเลย นี่คืองานคุมทีมครั้งแรกสุดในชีวิต แต่พอทำงานจริงๆ ผมถึงรู้ว่า ศาสตร์การเป็นนักฟุตบอล กับศาสตร์การเป็นผู้จัดการทีม มันคนละเรื่องกันเลย
ผมพยายามเอาความรู้ทุกอย่างสมัยเป็นผู้เล่น มาถ่ายทอดให้ลูกทีม แต่การสื่อสารมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
นอกจากนั้น ผู้จัดการทีมต้องรับมือกับหลายอย่างมาก นักบอล 20 คน ก็ 20 ความต้องการ ไหนจะต้องดีลกับผู้บริหารทีม สื่อมวลชน และแฟนบอลอีก มันเป็นโลกใหม่ของผมเลย และสุดท้ายมันก็ไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และผมจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้ในอนาคต
Jingjung Football : แสดงว่าคุณอยากจะกลับมาทำงานผู้จัดการทีมอีกครั้ง?
Kuyt : ใช่เลย มันเป็นแพสชั่นของผมในการเป็นผู้จัดการทีม ระหว่างนี้ผมก็จะดูฟุตบอลเยอะๆ คุยกับโค้ชหลายๆ คน เก็บความรู้ไปเรื่อยๆ ผมไม่รีบนะ รอคอยสโมสรที่เหมาะสมในอนาคตดีกว่า
Jingjung Football : มีเรื่องที่ผมสงสัยมานานแล้ว ตอนที่คุณอยู่เฟเยนูร์ด ในช่วงต้นอาชีพ คุณยิงเยอะมาก เป็นดาวซัลโวของลีก แต่พอย้ายมาลิเวอร์พูล ทำไมคุณไม่ยิงเยอะเท่าเดิมอีก
Kuyt : ตอนผมเล่นในฮอลแลนด์ ผมเป็นกองหน้าตัวเป้า มันเลยเอื้อให้ผมยิงประตูได้เยอะ จริงๆ ในปีแรกที่ผมมาลิเวอร์พูล ผมเป็นดาวซัลโวของสโมสรนะ ทั้งๆ ที่เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ ยืนอยู่หลังปีเตอร์ เคราช์ หรือเครก เบลลามี่ จากนั้นมาซีซั่นที่สอง สโมสรซื้อเฟร์นันโด ตอร์เรส เข้ามา ทำให้ตำแหน่งของผมถูกโยกไปยืนริมเส้น โอกาสในการจบสกอร์ก็น้อยลง
ผมอยากยิงประตูอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญสำหรับผมมากกว่า คือการได้อยู่ในสนาม การได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ถ้าได้ลง ผมยืนตรงไหนก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อคุณไม่ได้ยืนกองหน้าตัวเป้า จำนวนประตูมันก็เลยไม่เยอะ เท่าสมัยที่ผมเล่นในลีกดัตช์
Jingjung Football : การทำงานกับราฟาเอล เบนิเตซ เป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังได้ไหม?
Kuyt : สำหรับผม เขาคือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุด ที่ผมเคยร่วมงานด้วย ผมเรียนรู้จากเขาเยอะจริงๆ และรู้สึกขอบคุณเขา ที่ซื้อตัวผมมาร่วมทีมลิเวอร์พูลด้วย
Jingjung Football : ราฟา ตั้งฉายาให้คุณว่า มิสเตอร์ดูราเซลล์ คุณคิดยังไงกับฉายานี้หรอ?
Kuyt : ผมมองว่าเป็นคำชมนะ ผมคิดว่าการทำงานหนักเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ผู้คนชื่นชมสปิริตของผม ที่วิ่งสู้ตลอด ไม่มีถอย แล้วทำไมผมสู้สุดใจทุกนัดขนาดนั้นรู้ไหม? เพราะคุณพ่อของผมเคยสอนเอาไว้ตั้งแต่เด็กว่า 'ถ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ความพยายามอย่างหนักเท่านั้น ที่จะทำให้ได้มันมา' ดังนั้นฉายา มิสเตอร์ดูราเซลล์ ผมก็แฮปปี้กับมันนะ
Jingjung Football : เกมไหนที่คุณประทับใจที่สุดในชีวิต
Kuyt : เกมยูโรเปี้ยนไนท์ ที่แอนฟิลด์ บรรยากาศเกมยุโรปที่เล่นในแอนฟิลด์มันเหลือเชื่อมาก มันคือที่สุดแล้ว แต่ถ้าให้เจาะจงลงไปสักแมตช์ ผมคิดถึงเกมกับเชลซี ในรอบรองชนะเลิศ ปี 2007 ผมเป็นคนยิงจุดโทษลูกสุดท้ายให้ทีมเข้ารอบได้สำเร็จ จริงๆ มีอีกเกมที่ผมก็ชอบมาก คือนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เอเธนส์ ในปีเดียวกัน เพราะผมยิงในนัดชิงได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่เราแพ้เอซี มิลานในวันนั้น อีกนิดเดียวผมก็จะได้ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกแล้ว
Jingjung Football : แล้วมีเกมไหนไหม ที่คุณอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต
Kuyt : นัดชิงฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ระหว่างฮอลแลนด์ กับ สเปน เกมนั้นผมได้ลงเป็นตัวจริง การได้เล่นนัดชิงฟุตบอลโลกมันคือที่สุดแล้ว ในชีวิตคุณจะได้เล่นนัดชิงสักกี่ครั้งกัน แต่ผมโดนเปลี่ยนตัวออกประมาณนาทีที่ 70 ตอนเราเสมออยู่ 0-0
จุดเด่นของผมคือเรื่องความอึด ผมมีแรงที่จะวิ่งได้ตลอดทั้งเกม ผมก็เลยคิดหลายๆ ครั้งว่า ถ้าผมอยู่ต่อถึงในช่วงต่อเวลาพิเศษ มันจะสร้างความแตกต่างอะไรได้ไหม (Note : ฮอลแลนด์ยัน 0-0 เกือบจบเกม แต่มาโดนอันเดรส อิเนียสต้ายิงในนาทีที่ 116 จนแพ้ไป 1-0) อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักเตะ เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของโค้ช
เอาจริงๆ ในฟุตบอลโลก 2010 เรามาไกลมากเลยนะ มันอีกแค่นิดเดียวเราก็จะไปถึงแชมป์แล้ว และถ้าเราได้แชมป์ชีวิตของทุกคน น่าจะเปลี่ยนไปคนละเรื่องกันเลย แต่ฟุตบอลมันก็แบบนี้ เมื่อเราแพ้ก็คือแพ้ เราต้องให้เครดิตกับผู้ชนะเขาด้วย
Jingjung Football : จุดเด่นของคุณ ที่ผมรู้สึกได้เลย คือเป็นคนยิงจุดโทษเก่งมาก คุณยิงจุดโทษในฟุตบอลโลก เกมกับคอสตาริก้า และ อาร์เจนติน่า เข้าประตูทุกลูก รวมถึงในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วย ทริกในการยิงจุดโทษแม่นยำขนาดนั้นคืออะไร (Note : เคาท์ยิงจุดโทษในเกม เข้า 40 ลูกตลอดอาชีพ พลาด 9 ครั้ง คิดเป็น 77.5% แต่ในเกมสำคัญยิงเข้าเสมอ)
Kuyt : เคล็ดลับของผมคือ ผมไม่กลัวที่จะยิงพลาด คุณรู้ไหมว่าจุดโทษแรกสุดในชีวิตของผม ผมยิงพลาดนะ ตอนนั้นผมอายุ 18 เล่นให้กับอูเทร็คต์ เราเล่นในบ้านเจอกับวิเทสส์ อาร์เน่ม ผมยิงจุดโทษไปติดเซฟ ซานเดอร์ เวสเตอร์เวลด์ สุดท้ายทีมก็แพ้ด้วย คิดดูสิ ว่าจุดโทษลูกแรกในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ผมยิงมันพลาดจนทำทีมแพ้ แต่เชื่อไหม ว่าการพลาดครั้งนั้นมันช่วยผมนะ
อย่างที่ผมบอกไปตอนแรกเลย บางครั้งคุณต้องเจอประสบการณ์ที่แย่ๆ ก่อน ถึงจะเรียนรู้มัน แล้วทำให้ดีขึ้นได้ การเป็นผู้จัดการทีมของผมก็เช่นกัน ผมพลาดในครั้งแรก แต่ผมก็จะทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
ในเรื่องจุดโทษ เมื่อผมพลาดแล้ว ผมก็ทำความเข้าใจว่าทำไมถึงยิงพลาด แล้วเราจะปรับเปลี่ยนวิธีการยิงได้อย่างไร แต่ที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติ คนจะยิงจุดโทษต้องอย่ากลัวที่จะพลาด คุณต้องมั่นใจในการยิงลูกต่อไป ลูกต่อไป และลูกต่อไป พอคุณสั่งสมความมั่นใจมามากพอ เมื่อถึงเกมสำคัญอย่างฟุตบอลโลก หรือในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คุณก็จะทำได้ดี
Jingjung Football : ขอบคุณมากคุณเคาท์ หวังว่าจะได้เห็นคุณในบทบาทผู้จัดการทีมครั้งต่อไปเร็วๆ นี้นะ
Kuyt : ผมก็หวังไว้แบบนั้นนะ แต่รู้อะไรไหม ผมเพิ่งอายุ 43 เอง ยังมีเวลาให้ผมในวงการนี้อีกเยอะเลย
---------------------
นี่คือเรื่องราวที่ผมได้คุยกับเดิร์ก เคาท์ ครับผม เรายืนคุยกันบนรถไฟ MRT ตอนแรกผมก็คิดเหมือนกันว่า จะถามเรื่องเขาโดนไล่ออกจากเดน ฮาก ดีไหม แบบเป็นเรื่องละเอียดอ่อนหรือเปล่า
แต่จากที่ผมเคยอ่านเจอมา นักเตะดัตช์ จะถูกปลูกฝังให้มีความชัดเจน พูดตรง ถามตรง ตอบตรง ดังนั้นคิดว่า เขาน่าจะโอเคนะ ซึ่งสุดท้ายเคาท์ก็ตอบจริงๆ ครับ
จริงๆ มีอีกหลายเรื่องที่อยากถาม แต่เวลามีเท่านี้ครับ แต่ดูจากคิวที่แน่นเอี๊ยดของเขา มอบให้ผมตั้ง 10 นาที ก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงละครับ
ประสบการณ์กับ เดิร์ก เคาท์ ก็ต้องบอกว่า เป็นคนที่ไนซ์มากๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส เฟรนด์ลีย์ สมแล้วที่แฟนบอลหงส์แดงยังชื่นชมเขาอยู่ แม้จะเลิกเล่นไปแล้วก็ตามครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
