29 ก.ย. 2023 เวลา 04:40 • นิยาย เรื่องสั้น

สัมพันธ์

บ่าย 2 โมง 33 นาที “อาจไม่ใช่ฉัน ที่เธอค้นหา ไม่อยู่ในสายตา เธอไม่สนใจ…. ก็อาจจะใช่ฉัน ที่เธอค้นหา แค่เพียงสบสายตา ใครจะเข้าใจ….” เนื้อเพลง สัมพันธ์ ของวง pause นานหลายปีที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้จนเมื่อไม่นานมานี้มีคนขอให้เขียนเรื่องความสัมพันธ์
อากาศร้อนของยามบ่ายทำให้ปลดกระดุมเสื้อและถอดออกพัดลมตัวเก่าดูจะไม่ช่วยอะไรไม่อยากเร่งความเร็วมากนักด้วยวัยนี้พัดลมเริ่มเข้าวัยชรา ในห้องนอนที่รวมทุกสิ่งไว้ในห้องเต็มไปด้วยหนังสือ และข้าวของนานๆ ชนิด ยาที่กองสุมกันบนหัวเตียงโต๊ะคอมที่เต็มไปด้วยเอกสาร เพลงยังเล่นต่อไป
เพลง “สัมพันธ์” บอกเล่าถึงความไม่แน่นอนของความสัมพันธ์ อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ ไม่มีใครรู้เรื่องของความสัมพันธ์จนกว่าจะดูกันถึงเนื้อในการให้โอกาสตัวเองเปิดใจรับใครเข้ามาเรียนรู้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ต้องใช้หัวใจแลกใจ เพลงใช้ภาษาที่ไพเราะฟังง่ายเป็นความสัมพันธ์ของคู่หนุ่มสาว อยู่ในอัลบั้ม pause rewind 96–00 เมื่อปี พ.ศ.2543
ในเมื่อรับปากแล้วเลยลองเขียนดูทั้งที่ยังไม่แน่ใจ โดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จด้านความสัมพันธ์เสียด้วยสิเรียกว่าล้มเหลวเลยก็ว่าได้ ผู้คนผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป ผ่านไปด้วยดีก็มีแต่ส่วนมากจะเกลียดกันซ่ะมากกว่า เอาแต่เจ้าอารมณ์ไม่เคยมองดูภาพรวมของเหตุการณ์นั้นๆ ที่ทำลายความสัมพันธ์ เอาแต่โทษอีกฝ่าย และตัดสินโทษคนอื่น ทั้งที่บางครั้งบางทีเราก็มีส่วนผิด หรือไม่ก็เป็นฝ่ายผิดเอาซ่ะจริงๆ
ไม่ว่าใครตอนแรกๆ ก็ดีเห็นใจแต่พอนานไปก็เห็นถึงความไม่ได้เรื่องของผมและพากันจางหายเพราะยังจำภาพผมที่เป็นคนเก่งคนดี แต่สภาพตอนนี้ดูไม่ได้เลยเหมือนไม่มีใครอยากจะใช้ใจแลกใจกันแล้ว บางทีอาจจะใช่อย่างที่เค้าเห็นกันผมอาจจะเป็นล้มเหลวไม่เอาไหนแต่คิดแบบนี้ก็พลอยทำตัวเองรู้สึกแย่ไปเสียเปล่า ยิ่งทำให้อาการแย่ลง เพราะถ้าแย่ไปถึงเนื้อในก็คงมานั่งเขียนอะไรแบบนี้ไม่ได้ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง พยามรักษาความสัมพันธ์แค่ไหนไม่ใช่เรื่องที่คนๆ เดียวจะทำได้อยู่ที่คู่กรณีด้วยว่าจะช่วยกันไหม
ผมยังมีตัวเองเป็นเพื่อนคิดแบบนี้ดีต่อใจไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง สุขกับตัวเองทุกข์กับตัวเองทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นความสัมพันธ์อย่างหนึ่งเล็กๆ ของคำว่าเราที่มีผมและผม หลายความสัมพันธ์ที่เลวร้ายนั่นไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ความสัมพันธ์ที่ดีเริ่มจากความสัมพันธ์กับตัวเองเรามองตัวเองยังไงก็เห็นตัวเองเป็นอย่างนั้น
คนอื่นก็เหมือนกันเค้าเห็นและมองเราไปในแบบที่เค้าคิด คิดว่าเราดีเค้าก็เห็นเราดีคิดว่าเราแย่เค้าก็จะเห็นแต่เรื่องแย่ๆ ของเราไม่มีทางเป็นอื่นถ้ายังเชื่อความที่คิดไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ทำ ยิ่งทำไรไม่ค่อยได้ซ่ะด้วยสิที่ทำได้ทำดีเค้าก็ไม่มอง ตามองเห็นในสิ่งที่ใจอยากเห็นในเมื่อเป็นแบบนี้เราควรยอมรับว่าเราบังคับใครไม่ได้ที่ทำได้คือเข้าใจว่าเค้าเจอแบบนี้เค้าก็คิดแบบนี้
การบ้านที่อาจารย์หมอให้ไว้ก่อนจากกันน่าจะนำมาใช้ได้เป็นแบบให้เขียนถึงความสัมพันธ์ของตัวเอง เริ่มจากเขียนออกมาว่าเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วตั้งคำถามกับตัวเองถึงความคิดของเรา จริงไหม?มีประโยชน์ไหม?ดีต่อใจไหม?ถามตัวเองตอบคำถามเหล่านั้นแล้วมาดูว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรเรื่องนี้ให้คะแนนความรู้สึก แล้วมาดูการตอบสนองของร่างกายเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ จบด้วยพฤติกรรมเราทำอะไรกับเรื่องนี้
หลายครั้งที่ทำแบบนี้ก็ได้มุมมองความคิดใหม่ที่เป็นความจริงมากขึ้น มีประโยชน์มากขึ้น ดีต่อใจมากขึ้น ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ของตัวเองได้ดีขึ้น
มีคนกล่าวว่า” ก่อนจะถามคนอื่นให้ถามตัวเองก่อน” ก่อนที่จะทวงถามความสัมพันธ์กับใครถามตัวเองว่าทำอะไรเค้าถึงเชื่อและคิดกับเราแบบนั้น เพราะคนเราไม่ได้เชื่อที่คำพูดแต่เชื่อที่การกระทำ สิ่งที่ต้องทำคือทำตามความคิดของเรา เค้าจะเชื่อสิ่งที่เราทำและเห็นค่ากลับมาสานสัมพันธ์กับเราหรือเปล่านั้นไม่สำคัญ เราควรเป็นฝ่ายเริ่มรักษาความสัมพันธ์นั้นก่อน ไม่มีใครดีไปทุกเรื่องทุกคนมีด้านแย่ๆ ขึ้นอยู่อยู่กับว่าจะเชื่ออยู่ฝ่ายเดียวว่าเค้าแย่รึป่าวสิ่งที่เค้าทำที่ดีได้มีโอกาสเห็นบ้างไหม
ให้โอกาสมองด้านดีๆ เขารึยัง อยู่กับสิ่งดีๆ ที่เค้าทำบ้างรึเปล่าหรือตัดสินด้วยอารมณ์ของตัวเองตอนนั้นเพียงอย่างเดียว
โฆษณา