30 ก.ย. 2023 เวลา 09:23 • นิยาย เรื่องสั้น

ชีวิตบัดซบที่คิดว่าไม่มีจริง EP.8 สังคมโรงงาน

แต่ปัญหาในตอนนั้นคือนุชกับหมวยทำงานที่เดียวกัน เราเลยกลัวจะมีปัญหา เราสองคนเลยแอบคุยกัน สุดท้ายหมวยก็จับได้
2
พ่อให้เราไปสมัครงานบริษัทที่พ่อทำงาน บริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตมันสำปะหลังแปรรูปส่งออกซึ่งย้ายมาจากชลบุรี ตำแหน่งของพ่อเราค่อนข้างมั่นคงและมีอำนาจในบริษัทนั้น เพราะพ่อเราเป็นถึงหลงจู๊ หรือสมัยนี้เรียกผู้จัดการนี่แหละ กว่าจะเป็นหลงจู๊ได้ต้องเป็นคนที่อยู่มานานและต้องรู้ขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง ตอนแรกเราคิดว่าตำแหน่งที่พ่อเราฝากให้น่าจะเป็นตำแหน่งที่สบาย ทำเอกสาร และได้ทำงานในห้องแอร์เย็นๆ ด้วยตำแหน่งของพ่อเรา เขาคงช่วยให้เราไม่ต้องลำบาก เห็นใจ หรือสงสารเราบ้างในความลำบากที่ผ่านมาแต่ไม่เลย...
5
วันแรกที่ไปทำงานเราเดินเข้าไปรายงานตัวกับผู้จัดการฝ่ายบุคคล เขาถามเราว่า”รู้หรือยังว่าต้องทำงานตำแหน่งไหน” เราตอบว่า “ไม่ทราบเลยครับ” “อย่างนั้นตามมาทางนี้” เขาบอกเราให้เดินตามเขาไป เราเดินตามพี่เขาออกมาทางหลังออฟฟิศลัดเลาะไปตามแนวรั้วสิ่งที่เราเห็นคือโรงเรือนสูงมีเครนสีเหลืองอยู่ด้านบน ผู้จัดการบอกเราว่าเราได้ทำงานในตำแหน่งช่างซ่อมบำรุงซึ่งเอาจริง ๆ เราไม่มีความรู้ด้านนี้เลยแต่เราปฏิเสธไม่ได้ ตอนนั้นเราค่อนข้างเสียความรู้สึกนะเพราะคิดว่างานที่เราได้ควรจะได้งานที่ตำแหน่งดีกว่านี้
2
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดและฝันไว้ พ่อน่าจะช่วยเราบ้างสักครั้ง เพราะงานช่างทั้งร้อน งานหนักและที่สำคัญเงินเดือนน้อย เราเห็นเพื่อนๆเราที่พ่อมีตำแหน่งดี ๆในบริษัทอื่น ๆ เขาก็ช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น ได้ทำงานสบายไม่ต้องเหนื่อยมากได้นั่งโต๊ะ เราได้แต่น้อยใจในโชคชะตาแต่มาถึงตอนนี้ถอยไม่ได้แล้วเราสูดลมหายใจลึกๆ และพูดกับตัวเองว่าใจ....”เอาว่ะ! ไหน ๆก็มาถึงตรงนี้แล้วลองมันสักตั้งหนึ่ง”
ในวันแรกที่เราทำงาน เราขอพี่ที่ทำงานเริ่มจากเชื่อมชิ้นงานที่เสียหายเพื่อให้พี่ที่เป็นหัวหน้างานเห็นฝีมือเราเพราะเคยทำร้านเหล็กดัดมาก่อน แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะเราเคยแต่แต้มจุดเล็ก ๆให้เหล็กมันติดกันเป็นหน้าต่างหรือประตูแต่งานที่ทำในตอนนี้มันต้องลากยาวเป็นชิ้นใหญ่ๆซึ่งเราไม่เคยทำ กว่าจะเสร็จก็ทุรักทุเรพอสมควร แถมเราไม่ได้ใส่หน้ากากกันควันเพราะเคยแต่ใส่แว่นดำในการทำงาน พอตกเย็นเท่านั้นแหละนอนเจ็บตาทั้งคืน....
ขอบคุณภาพ : http://www.doctor-bee.net/2017/10/welding.html
วันที่สองพี่เขาพาเราไปสำรวจรอบโรงงานเราตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยเข้ามาลึกขนาดนี้มาก่อน เคยแต่เห็นด้านนอก มันใหญ่อลังการ และที่สำคัญมันดูลึกลับมาก เราได้เห็นชิ้นส่วนและขั้นตอนในการผลิตเราทุกขั้นตอน เราต้องเก็บและจดจำในทุกขั้นตอนไว้ในสมอง เราทำงานตามที่พี่ๆเขาสั่งตั้งแต่เทพื้นซ่อมเสาที่พังยันขึ้นไปบนหลังคาโรงงานเพื่อซ่อมโครงสร้างที่พัง สรุปคือทำตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบนั่นแหละ
1
เราได้เรียนรู้จากพี่ๆ พวกพี่สอนให้เรารู้จักแก้ไขปัญหาหากว่าไม่มีอะไหล่หรือสิ่งสิ่งนั้นต้องซ่อมให้ได้โดยด่วน เราต้องพลิกสภานการณ์ให้ได้เลยติดเป็นนิสัยจนถึงปัจจุบันนี้ พออายุเข้า 20 ปี ช่วงนั้นเราใช้ชีวิตค่อนข้างที่จะเสี่ยงมากไม่รู้จะตายวันไหน เราจึงตัดสินใจที่จะบวชพระเพื่อที่จะทดแทนบุญคุณพ่อแม่ และทำหน้าที่ของลูกให้สมบูรณ์ เราปรึกษาพ่อเรื่องการบวชพ่อก็ยินดีที่จะให้เราบวช
1
ขอบคุณภาพ : https://www.piteethai.com/product/24787-20716/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%8A-%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D
แต่เมียพ่อบอกว่าไม่ให้เราจัดงานเพราะเปลือง เราเลยถามตรงๆว่าทำไม่ถึงไม่จัดงานเพราะพ่อมีคนรู้จักเยอะน่าจะจัดสักหน่อย เมียพ่อบอกเราว่า “สรุปอยากบวชหรืออยากจัดงานบวชกันแน่” ทำเอาเราอึ้งกับคำพูดของเมียพ่อไปเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรานั้นคือต้องการที่จะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณให้แม่และพ่ออยู่แล้ว เราไปบวชเป็นเณรอยู่ที่วัดในจังหวัดอ่างทองก่อน 20 วันเพื่อเตรียมตัวบวชพระจริง
1
ในวันงานนั้นเราไม่ได้บวชนาคแต่เป็นเพียงแค่เณรหางนาคแล้วก็เข้าโบสถ์เป็นพระเลย ส่วนคนที่มาในงานก็เป็นเพียงญาติๆฝ่ายแม่ใหญ่และก็คนรู้จักที่สนิทประมาณ 50 คนเท่านั้นงานเป็นแบบเรียบง่ายที่โบราณเรียกอีกอย่างว่า ข้าวหม้อแกงหม้อ เราบวชอยู่ประมาณ 3 เดือนก็สึกออกมาความรู้สึกมันโล่งใจมากที่ทำหน้าที่ลูกครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หลังจากสึกมานั้นเราก็กลับมาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมและเรื่องราวความรักที่วุ่นวายก็เกิดขึ้นในชีวิตเราอีกครั้ง
1
ในโรงงานนี้มีสาวๆอยู่หลายคนที่สวยไอ้เราก็หน้าตาดีซะด้วยเลยว้าวุ่นเลยที่นี้ 555 มีสาวคนหนึ่งมาจีบเราเป็นพนักงานออฟฟิศในบริษัทแต่อายุมากกว่าเรา 6 ปีมีลูกติด 4 คน แต่เราก็ไม่ถือนะผู้หญิงคนนั้นมีชื่อว่า “หมวย”หมวยเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก ด้วยความที่หมวยเป็นคนขยันและอยู่ทำโอทีทุกวัน ส่วนเราก็ต้องอยู่สแตนบายระหว่างมีโอทีเพราะต้องเฝ้าเผื่อเครื่องจักรมีปัญหาเราทั้งสองเลยสนิทกัน
เราสองคนพูดคุยกันตลอดเวลา มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เราและหมวยกำลังพักงานและนั่งคุยกันอยู่ดี ๆ หมวยก็ขอเราเป็นแฟนตอนนั้นเรารู้สึกช๊อตนิดนึง ความรู้สึกมันเหมือนตอนเรียนมัธยมเป๊ะๆ(ใน EP.4) ไอ้เราก็เหงาซะด้วยเลยตอบตงลงทันที หลังจากที่ตกลงคบกับหมวย หมวยพาไปรู้จักพ่อแม่ของหมวย พวกเขาก็ไม่ว่าอะไรนะถึงแม้ว่าเราจะอายุน้อยกว่าหมวยและน้องสาวของหมวยก็ตาม เราสนิทกับน้องหมวยเร็วมากที่เพราะน้องสาวหมวยเป็นรุ่นพี่ของเรา 1 ปี
2
สมัยตอนที่เราเรียนมัธยม ในช่วงแรก ๆของการอยู่ด้วยกันมันดีมากอะไรก็ดีไปหมด มีอยู่มาวันหนึ่งพ่อเรียกเราไปคุย พอเข้าไปถึงคนที่พูดกลับเป็นแม่ใหญ่ แม่ใหญ่พูดกับเราว่า “ให้เลิกกับหมวยซะถ้าไม่เลิกไม่ต้องเอาสมบัติอะไรเลย” เรางงมากว่าทำไม? แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนั้นเราก็ไม่สนเพราะยังไงพวกเขาก็ไม่ให้สมบัติเราอยู่แล้วแต่เราก็ยังเก็บความสงสัยและยังคบกับหมวยต่อ ในตอนนั้นเราไม่สนหรอกว่าใครจะมองหรือจะว่าหมวยอย่างไรเหมือนคำโบราณว่า “ความรักทำให้คนตาบอด”
เราคุยกับหมวยว่าพ่อกับแม่ใหญ่เรียกเราไปคุยกับอะไรบ้างให้หมวยรู้และเข้าใจและไม่ต้องสนใจต่างคนต่างอยู่ อยู่กับไปเข้าปีที่ 3 นิสัยของแต่ละคนก็เริ่มลาย หมวยเริ่มออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆของตัวเองบ่อยขึ้นและกลับดึก เราก็ได้แต่บ่นเพราะเราไม่ไปไหนถึงจะดื่มก็ดื่มกับเพื่อนๆแถวบ้านแต่ก็ดื่มหนักพอสมควรเพราะสังคมโรงงานที่เราอยู่นั้นเป็นแบบนี้ แต่ในที่สุดก็มีเหตุที่เราต้องเลิกรากับหมวยจนได้...
เช้าวันหนึ่งเราเก็บทำความสะอาดหิ้งพระก่อนวันพระ เราค่อยๆเอาพระลงมาทำความสะอาดพระทีละองค์ พอเราทำความสะอาดพระเสร็จ เราจึงทำความสะอาดตลับใส่ทองที่มีทอง 1 บาทที่พ่อให้เรามาตอนบวชเป็นอันดับสุดท้าย แต่พอเราเปิดฝาตลับขึ้นมาพบว่าแทนที่จะเป็นสร้อยทองแต่กลายเป็นสร้อยสแตนเลส ตอนนั้นใจเราหายแว๊ป เพราะคนที่รู้ว่าเราเอาสร้อยไว้บนหิ้งพระมีแค่หมวยคนเดียว
เราทั้งเสียใจที่หมวยทำแบบนี้กับเราและเสียดายสร้อยเส้นนั้น แต่เราก็ยังไม่ปักใจเชื่อเลยรอหมวยเลิกงานก่อนค่อยถาม พอถึงเวลาหมวยเปิดประตูเข้ามาคำแรกที่เราถามหมวยคือ “หมวยเห็นสร้อยทองที่พ่อให้ไว้ไหม” หมวยบอก ”ก็อยู่บนหิ้งไง” เราโยนตลับใส่สร้อยลงพื้นทันทีและพูดว่า “แล้วนี้อะไร” เราดึงกระเป๋าถือของหมวยมาค้นทันทีแล้วเราก็เจอตั๋วจำนำในกระเป๋าระบุเป็นสร้อยทองพร้อมจี้พระทั้งน้ำหนักและองค์พระมันคือสร้อยที่พ่อให้ไว้เราโมโหมาก
2
เราถามว่าอยู่ร้านไหนเพราะต้องการที่จะไปเอาออกและมันเป็นสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่พ่อให้มันมีค่าทางจิตใจเรามาก แต่หมวยบอกว่ามันขาดส่งไปแล้ว 3 เดือน เรายิ่งโมโหมากขึ้นเราบอกว่า “ถ้าอยากได้ก็ขอกันดี ๆ ทำไมต้องขโมยกันด้วยถ้าทำอย่างนี้ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้...”
วันรุ่งขึ้นเราลางาน 1 วันเพื่อทำใจ หลังจากนั้นเราไม่คุยกับหมวยและค่อยๆตีตัวออกห่างเพราะสิ่งที่เราเกลียดที่สุดในชีวิตคือการขโมย ถ้าคนเราอยู่ด้วยกันแล้วไว้ใจกันไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ ทุกวันหลังเลิกงานเรากลับบ้านมา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปหาเพื่อนเพื่อกินเหล้าทุกวัน พอเมาก็นอนที่บ้านเพื่อนและกลับมาบ้านตอนเช้าเพื่ออาบน้ำไปทำงานต่อเป็นแบบนี้ทุกวัน ช่วงแรก ๆก็เพราะเรากลุ้มใจกับพฤติกรรมของหมวย พอนานไปก็เป็นความเคยชิน
1
เราไปนั่งดื่มกับเพื่อน ๆทุกวันมีด้วยกัน 4 คน แรกๆก็ดื่มกันธรรมดา ต่อมานั่งดื่มไปก็นั่งแซวนั่งจีบผู้หญิงกันไปจนเพื่อนเราแต่ละคนมีคู่ของตัวเอง แต่ฝ่ายผู้หญิงนี่สิมี 4 คนเหลือเศษ 1 คน ส่วนผู้ชายก็เหลือเราเป็นเศษ ไอ้เราก็เหงาซะด้วยบวกกับปัญหาครอบครัวที่มีเลยทำให้ตัดสินใจจีบน้องเขา น้องคนนั้นเธอชื่อ “นุช” นุช ทำงานอยู่ที่เดียวกับเราแต่คนละแผนกนุชทำงานแผนกสโตร์คอยเบิกจ่ายอะไหล่ต่าง ๆให้กับแผนกที่ต้องการ เราเลยอาสาไปเบิกของตลอดเลยเจอกันทุกวันยิ่งทำให้สนิทกันง่ายขึ้น
แต่ปัญหาในตอนนั้นคือนุชกับหมวยทำงานที่เดียวกัน เราเลยกลัวจะมีปัญหา เราสองคนเลยแอบคุยกัน สุดท้ายหมวยก็จับได้ เรากับหมวยทะเลาะกันหนักมากเราบอกหมวยว่า “ห้ามไปวุ่นวายกับนุชเด็ดขาด” ด้วยอารมณ์ในตอนนั้นทำให้เราเตลิดไปใหญ่ไม่กลับบ้านกลับช่องหลายวัน สุดท้ายเราเลยตัดสินใจกลับมาคุยกับหมวย
เราคุยกับหมวยด้วยน้ำเสียงแบบธรรมดาว่า “เราขอให้อยู่ด้วยกันสามคนได้ไหม” หมวยตอบกลับมาทันทีว่า “ไม่” เราตอบกลับไปว่า “อย่างนั้นเราก็เลิกกัน” เราเก็บของทุกอย่างของหมวยไปคืนที่บ้านของพ่อแม่หมวยในวันนั้นเลย พร้อมบอกเหตุผลให้กับพ่อแม่ของหมวยได้รับฟังและกลับบ้านในทันทีเป็นการตัดสินใจแก้ปัญหาที่ดีทีสุดในขณะนั้น คือถ้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ก็ต่างคนต่างไปเพื่อหาอนาคตใหม่ดีกว่า ดูเป็นคนเลวเลยทีนี้...
ทุกคนอาจจะถามว่าอ้าว...แล้วนุชล่ะ เขาจะรู้สึกอย่างไร เราคุยกับนุชแล้วว่าจะขออยู่กันสามคนจะว่าอะไรมั้ย นุชบอกว่ายังไงก็ได้แล้วแต่พี่เลย เพราะนุชมาทีหลังก็เลยต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ หลังจากที่เราอยู่กับนุชได้ไม่นานนุชก็ท้อง วันนั้นที่นุชบอกเราว่าท้องเราดีใจมากแต่นุชบอกว่าถ้าพี่ไม่พร้อมนุชจะไปเอาเด็กออกนะ เราห้ามทันทีไม่อยากให้เอาเด็กออก เราบอกนุชว่า “พี่เป็นผู้ชายมากพอทำอะไรก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ทำไป อย่าเอาเด็กออกนะพี่ขอร้อง”
1
ขอบคุณถาพ : https://www.thaihealth.or.th/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81/
ในวันงานญาติฝ่ายนุชทุกคนถามเราว่าพ่อไม่มาเหรอ เราก็ได้แต่บอกว่ามาไม่ได้ครับพ่อติดงานสำคัญ งานแต่งของเรานั้นเป็นคล้ายๆงานผูกข้อไม้ข้อมือมากกว่าเพราะไม่ได้จัดอะไรใหญ่โตเหมือนงานแต่งคนอื่นเขาหรอกแล้วแต่มันก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากงานแต่งนุชย้ายมาอยู่ด้วยกันกับเราและกลับมาทำงานที่บริษัทตามปกติ ท้องของนุชใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆไอ้เราก็ทำงานที่บริษัท นี้มา 11 ปีแล้วแต่เงินเดือนก็ยังนิดเดียวทุกคนคงสงสัยชิว่าเงินเดือนเท่าไร 11 ปีที่เราทำงานเงินเดือนเราแค่เดือนละ7,000บาท
ถ้าเรายังอยู่ที่นี่เราไม่สามารถเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมาได้ดีแน่ ๆ เลยทำให้เราเริ่มมานั่งคิดว่าเราจะทำงานแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป หากลูกเราออกมาลูกเราจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเรา หากเราต้องการหางานใหม่ที่ดีกว่านี้เราต้องเรียนให้สูงขึ้น ตอนนั้นเรามีวุฒิแค่ ม.3 เราจึงตัดสินใจต้องไปเรียนต่อที่ กศน.เพื่อจะไปต่อในมหาวิทยาลัยปรับวุฒิของตัวเองและหางานใหม่ที่ดีกว่านี้ จบ EP.8...
1
EP.9 เราตัดสินใจไปเรียนต่อ กศน.การที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมันเหนื่อยมากแต่ก็ต้องสู้เพื่ออีก 1 ชีวิตที่กำลังจะเกิดมา....
2
โฆษณา