ทำไมกยศ.ถึงนำทรัพย์ของคนค้ำขายทอดตลาด?
“เรื่องมีอยู่ว่าบิดาของกระผมได้ค้ำประกัน กยศ. ให้บุคคลอื่น ต่อมาคนกู้ไม่จ่ายกยศ. ภายหลังถูกศาลพิพากษา คนกู้ไม่จ่าย กยศ. จึงมาบังคับคดี ภายหลังบิดาผมเสียชีวิตลงก่อนเสียชีวิตได้ยกที่ดินให้ผมหนึ่งแปลง ดังนั้น กยศ.จึงมาบังคับคดีเอาที่ดินแปลงนี้ของพ่อผมไปขายทอดตลาด ผมเข้าไปขอประนีประนอม กับ กยศ. เพื่อขอผ่อนจ่ายนี้(ซึ่งเราไม่ได้ก่อ) จ่ายมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว จากสามแสนกว่าเหลือแสนกว่า เหนื่อยมากจนถึงวันนี้ผมจ่ายไม่ไหวแล้ว
ต่อมากยศ. ติดต่อมาว่าให้จ่ายให้หมดภายในเดือนนี้ไม่งั้นจะขายทอดตลาด แต่ผมทราบว่าตอนนี้มี พรบ. กยศ. แก้ไขใหม่ให้ยกเลิกคนค้ำโดยมีผลย้อนหลังประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม 2566 นี้”
กระผมจะทำอย่างไรดีครับ?
สำหรับการให้คำปรึกษาของศูนย์นิติศาสตร์ มีดังนี้
1. จากข้อเท็จจริง มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 มาตรา 41 ซึ่งกฎหมายดังกล่าวได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีในการกู้เงินกับกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา กยศ.จึงมีผลต่อการกู้หลังจากที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับ กล่าวคือ ห้ามมิให้มีผู้ค้ำประกันในหนี้กู้ยืมเงินของ กยศ. อีกต่อไป แต่ในกรณีของผู้ร้องนั้น
เมื่อบิดาของผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับ จึงไม่มีผลย้อนหลังให้ผู้ร้องหลุดพ้นจากความรับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกัน จึงทำให้เจ้าหนี้กยศ. ยังสามารถมีสิทธิเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้ที่คงค้างอยู่เหมือนเดิม
2. จากข้อเท็จจริงตามกฎหมายที่แก้ไขในมาตรา 44 กำหนดมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาภาระของผู้กู้ยืมเงิน จึงให้โอกาสผู้กู้ในการยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้หรือแปลงหนี้ใหม่ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการจะได้กำหนดขึ้นมา ซึ่งมาตราดังกล่าวสามารถนำมาใช้บังคับย้อนหลังได้และเป็นผลดีกับผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกันในสัญญากู้ยืมเงินที่ได้ทำก่อนวันที่ พรบ.ดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ กล่าวคือผู้ร้องในฐานะทายาทผู้รับมรดกของผู้ค้ำประกันสามารถยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือการแปลงนี้ใหม่กับกองทุนได้ตามมาตรา 44 ประกอบมาตรา 27
ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายเพิ่งได้มีผลบังคับใช้ จึงทำให้อาจยังไม่มีการกำหนดแนวทางหรือหลักเกณฑ์ในการบรรเทาภาระหนี้สินตามกฎหมายมาตราดังกล่าว
3. และเมื่อกรณีที่ผู้ร้องได้ติดต่อกับทางกยศ.แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่นำกฎหมายดังกล่าวที่เป็นคุณมาใช้บังคับนั้นอาจเกิดขึ้นจากการที่ยังไม่ประกาศแนวทางหรือหลักเกณฑ์ในการบรรเทาภาระหนี้สินตามกฎหมายมาตรา 44 ออกมา จึงทำให้ไม่มีการส่งต่อนโยบายดังกล่าวกับผู้ปฏิบัติงาน
ดังนั้นข้อแนะนำเบื้องต้นคือ ผู้ร้องควรติดต่อกับกยศ.อีกครั้ง เพื่อสอบถามถึงการบังคับใช้กฎหมายมาตราดังกล่าวและขอใช้สิทธิตามกฎหมาย และถ้าหากยังไม่เป็นผล ผู้ร้องสามารถทำเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษถึงผู้จัดการกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา เพื่อขอยื่นการผ่อนผันการชำระหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้
โดยอ้างข้อกฎหมายที่เป็นคุณกับผู้ร้องตามมาตรา 44 ดังกล่าว เพื่อให้ผู้มีอำนาจพิจารณาและสั่งการให้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณกับผู้ร้องต่อไป
นอกจากนี้ตามมาตรา 693 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวว่าผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้
ดังนั้น เงินที่ผู้ร้องได้ชำระแก่เจ้าหนี้กยศ. ในฐานะที่เป็นผู้ค้ำประกัน ผู้ร้องสามารถมีสิทธิเรียกร้องหรือฟ้องคดีเอากับลูกหนี้คือผู้ยืมเงินได้
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
