เมื่อคนร้ายผู้ถูกตามหามานานคือคุณครูในโรงเรียน
ไวรัลจากญี่ปุ่น : เมื่อนักเรียนรวมเงินกันซื้อกล้องมาแอบติดไว้ในห้องเพื่อตามหาคนร้ายขโมยของ ผู้ที่หนีรอดมาได้ทุกครั้งและก่อเหตุติดต่อกันมายาวนาน
กับบทสรุปที่ผู้ร้ายคนนั้นคือคุณครูอันเป็นที่รักในโรงเรียน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในซัปโปโร
เรื่องของเรื่องคือช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีคดีหนึ่งที่ทางโรงเรียนแก้ปัญหายังไงก็แก้ไม่ตก นักเรียนหลายคนต่างได้รับผลกระทบกับคดีเป็นอย่างมาก
คดีที่ว่าก็คือ "คดีขโมยของในห้องเรียน"
ใครหลายคนที่อ่านถึงตรงนี้อาจคิดว่ามันก็เป็นแค่คดีขโมยของไม่ใช่หรอ แล้วมันจะดูวุ่นวายอะไร ทำไมไม่แจ้งครูและช่วยกันตามหาขโมยให้เจอ
สาเหตุที่มันวุ่นวายมายาวนานเป็นเพราะว่าไม่มีใครสามารถจับและระบุตัวตนของผู้ก่อเหตุได้นั่นเอง
จากข้อมูลระบุว่านักเรียนในโรงเรียนจำนวนมากมักจะถูกขโมยของในกระเป๋านักเรียนที่วางไว้ในห้อง ของที่ถูกขโมยก็มีตั้งแต่เงินสดในกระเป๋าสตางค์ ของมีค่าต่าง ๆ ที่ดูมีราคา ไปจนถึงของใช้ทั่วไปที่ขโมยอยากได้
ทุกครั้งที่มีการขโมยกลุ่มที่มักจะถูกเพ่งเล็งเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือกลุ่มนักเรียนเกเรในโรงเรียน แต่กลุ่มนักเรียนเกเรก็มักจะปฏิเสธเสียงแข็งและรอดจากการถูกลงโทษทุกครั้งเพราะไม่มีหลักฐานว่าเขาทำ
พอนักเรียนผู้เสียหายรวมตัวกันไปแจ้งเรื่องนี้ต่อครูในโรงเรียน เรื่องก็ดูเหมือนไม่ค่อยคืบหน้าและจบด้วยการเงียบหายไปเฉย ๆ
สุดท้ายกลุ่มนักเรียนผู้เสียหายจึงต้องหาทางจับคนร้ายด้วยตัวเอง
สิ่งที่นักเรียนกลุ่มหนึ่งทำในการจับคนร้ายคือ
1. รวมเงินกันซื้อกล้องขนาดเล็ก
2. นำกล้องนั้นไปซ่อนไว้ในกระเป๋านักเรียนและวางอย่างในลักษณะนอนเป็นแนวยาวอย่างแนบเนียนบนโต๊ะ
3. เอากระเป๋าเงินมาวางไว้ด้านหน้าปากกระเป๋านักเรียนเพื่อเป็นเหยื่อล่อ หากเหยื่อติดกับกล้องก็จะสามารถบันทึกภาพหลักฐานได้ทันทีว่าใครเป็นคนทำ
สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปตามที่คำนวณไว้
เพราะคนร้ายเดินมายังจุดที่มีกระเป๋าเงินจริง ๆ
คนร้ายเดินมาเปิดกระเป๋าเงินและหยิบเงินสดข้างในออกไปทั้งหมดก่อนจะนำกระเป๋าเงินวางไว้ที่เดิมและเดินไปดูยังโต๊ะอื่น ๆ ในห้องก่อนจะเดินหลบหนีออกไป
ภาพจากล้องบันทึกได้อย่างชัดเจนว่าคนร้ายขโมยของที่นักเรียนเฝ้าตามหามานานก็คือ "คุณครูหนุ่นผู้มีลุคเรียบร้อยประจำโรงเรียนนั่นเอง"
สถานการณ์ ณ ตอนนี้มีเสียงซุบซิบออกมาว่า
ผู้บริหารโรงเรียนเลือกที่จะจัดการเรื่องราวนี้แบบเงียบ ๆ และขอร้องให้นักเรียนไม่นำคลิปหรือภาพมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์เพราะกลัวโรงเรียนเสียชื่อเสียง
แต่ผู้บริหารก็ไม่ได้ชี้แจงว่าจัดการเงียบ ๆ คืออะไร เพราะครูผู้ก่อเหตุก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ สุดท้ายนักเรียนจึงนำเรื่องราวนี้มาเผยแพร่ซะเลย
ตอนนี้ทวิตเตอร์ทางการของโรงเรียนก็ได้ปิดช่องแสดงความคิดเห็นเป็นที่เรียบร้อย
อ้างอิง
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
