4 ต.ค. 2023 เวลา 02:11 • ความคิดเห็น
สิ่งที่คนรวย และ คนจน ต่างกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความยอมแพ้ต่ออุปสรรค ไม่เท่ากัน
คนหนึ่งเจอปัญหา รู้สึกว่า ทางตันไปต่อไม่ได้แล้ว หาเหตุผลต่างๆมาโทษ โชคชะตาบ้าง พ่อแม่บ้าง คู่แข่งบ้าง วาสนาบ้าง ไม่รู้ว่าทางออกคืออะไร ก็ได้แต่เสียใจ
คนหนึ่งเจอปัญหา มีความคิดว่า จะแก้ไขมันยังไง พยายามหาวิธี แม้จะไม่รู้หาทาง แต่พยายามหาที่ปรึกษา หาคนช่วย ดิ้นรนไปให้ถึงจนสุดทาง ใครจะพูดยังไงไม่สนใจ หาวิธีแก้ให้ได้ จนสำเร็จ
บททดสอบง่ายๆของคน 2 คนนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก การศึกษาคือบททดสอบเริ่มต้นเลย ใครๆก็รู้การเรียนมันยาก มันน่าเบื่อ ครูก็เรื่องมาก เพื่อนก็ชอบบูลลี่ สารพัดปัญหาในการเรียน คนหนึ่งหนีเรียน คนหนึ่งไม่อยากไปเจอเพื่อน คนหนึ่งมีภาระต้องช่วยแม่ สารพัดอุปสรรคการเรียน ยิ่งความขี้เกียจคือที่สุดของอุปสรรคเลยนะ
คนที่จะเติบโตจนประสบความสำเร็จได้ เขาจะต้องผ่านด่านเหล่านี้ให้ได้ ด่านเพื่อนที่ขอบบูลลี่ ด่านครูที่ไม่ถูกชะตา ด่านรายงานที่ต้องส่ง ด่านความขี้เกียจ ด่านความอิจฉาเพื่อนที่ได้ดีกว่าตน ด่านปัญหาทุนการศึกษา ยิ่งรู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงิน ยิ่งต้องตั้งใจเรียน เพื่อขอทุนการศึกษา ด่านพ่อแม่ ไม่อยากให้เรียนต่อ จะหาทางเรียนต่อยังไง ด่านเพื่อนชวนเสเพล ด่านเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยยังไงให้จบ
เรียกว่า ถ้ายอมแพ้ด่านไหน ชีวิตมันก็ห่างไกลความสำเร็จเท่านั้น แต่ถ้าผ่าฟันมาได้ทุกด่าน ชีวิตมันก็ไม่มีอะไรยากกว่านี้แล้ว การทำงานที่ว่ายาก ถ้าสมัยเรียนเคยผ่านอุปสรรคมาเยอะ การทำงานก็จะพยายามผ่าฟันจนสำเร็จได้เช่นกัน แต่ถ้าการเรียนยังไม่รอด แล้วการทำงานจะเติบโต ร่ำรวยได้ยังไงกัน
ชีวิตจะรวย หรือ จน มันก็มาจากนิสัยตอนเด็กๆนั่นแหละ ว่าก้าวผ่านปัญหา อุปสรรค ชีวิตมาได้อย่างไร แก้ปัญหาง่ายๆ รายได้ตอนโตมันก็หาเป็นแต่ง่ายๆ รายได้ต่ำๆ ถ้าแก้ปัญหายากๆเป็น ผ่านอุปสรรคโตๆมาได้ ก็หาเงินยากๆ ก้อนโตๆเป็น ชีวิตก็ร่ำรวย
งานยิ่งยาก รายได้ยิ่งสูง เพราะต้องใช้ทักษะและความสามารถสูง ส่วนงานง่ายๆ ไม่ต้องมีทักษะอะไรเลยก็ทำได้ การศึกษายิ่งต่ำ รายได้ก็ต่ำตาม ความจนมันก็เลยเป็นกันง่าย ตามความสามารถที่มีต่ำๆ
อยากรวย ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นนะ อุปสรรคไม่ได้มีไว้ท้อแท้ แต่มีไว้เผชิญ สู้กับมัน
โฆษณา