5 ต.ค. 2023 เวลา 07:43 • นิยาย เรื่องสั้น

บทที่ 1 ซือจุนและศิษย์ครึ่งมาร NC18+

Trigger warning :
- ใน Arc นี้มีการกล่าวถึงการฆ่า ความตาย การทรยศหักหลัง และการร่วมเพศที่ในขณะที่ตัวละครไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์
- นี่เป็นนิยายธีมจีนโบราณ ธีมกำลังภายในเรื่องแรกของตัวไรท์เตอร์ อาจเขียนได้ไม่ดีนัก อาจมีความสมเหตุสมผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากตัวเราโฟกัสความเป็นเฟรย์ คาร์ตันเป็นหลัก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
- นายเอกเรื่องนี้ไม่เก่งค่ะ ไม่ได้ฉลาดมาก จนเทพ เป็นเป็นเพียงนักเขียนธรรมดา ๆ ที่ต้องเอาตัวรอดจากภารกิจของระบบ โดยมีชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังว่านางจะเทพเลยค่ะ ให้อิน้องมันไม่พลาดม่องเท่งไปซดน้ำแกงยายเมิ่งก็เต็มกลืนแล้ว
*** โปรดอ่าน Warnning อย่างตั้งใจนะคะ สำรวจตัวเองก่อนอ่านว่ารับได้หรือไม่ หากอ่าน ๆ ไปแล้วไม่สามารถอ่านต่อได้ ไม่ชอบ โปรดกดออกไปเงียบๆ หากมีสิ่งใดอยากชี้แนะให้นักเขียนปรับปรุงพัฒนาเนื้องาน ขอความกรุณาพิมพ์บอกกันดีๆ มีความเคารพซึ่งกันและกัน หากเจอคอมเม้นท์ไม่น่ารักอีกผู้เขียนขออนุญาตจัดการตามความเหมาะสมค่ะ
"ซือจุนขอรับ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"
นัยน์ตาเรียวคมกร้าวของเด็กหนุ่มฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์กำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ แม้อยากจะเข้าไปช่วยใจแทบขาดแต่ร่างสูงใหญ่ก็ยังคงปักหลักยืนอยู่ที่เดิม
"ขะ...ข้าไม่เป็นไร"
ถึงจะกล่าวเช่นนั้นแต่ความเป็นจริงตรงหน้าช่างตรงกันข้ามยิ่งนัก เรือนร่างสะโอดสะองที่กำลังพลิกซ้ายทีขวาทีบนเตียงนุ่ม และเหงื่อกาฬที่ชโลมไปทั่วสรรพางค์กายเสียจนเส้นผมแนบลู่ไปกับผิวหน้านั้น ไม่ได้ช่วยให้อีกฝ่ายดูไม่เป็นไรอย่างที่บอกเลยสักนิด
"ซือจุนขอรับ ท่านเจ็บปวดที่ใดโปรดบอกกล่าวแก่ศิษย์เถิด ศิษย์จักได้ช่วยเหลือ" ศิษย์ร่างใหญ่ยังคงไม่ละความพยายามในการถามไถ่คนบนเตียง เมื่อเห็นว่าผิวขาวสะอาดสะอ้านราวกับหยกชั้นเลิศนั้นเริ่มขึ้นสีระเรื่ออีกทั้งใบหน้างดงามยังดูทรมานเหลือทน
"ข้า...ไม่ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร" นัยน์ตาสีเปลือกไม้ปรือปรอยมองเขาขณะที่เจ้าตัวเอ่ยตอบเสียงสั่นพร่า เล่นเอาใจคนมองกระตุก
"ให้ศิษย์ได้ปรนนิบัติดูแลท่านเถิดนะขอรับ" เสียงทุ้มอ่อนละมุนยามที่กล่าวกับผู้เป็นอาจารย์ เขาหมายความตามที่พูดจริง ๆ หาได้โป้ปดเพื่อเอาหน้าเลยแม้แต่น้อย
"หลวนซาน ข้าทรมานเหลือเกิน" มือเรียวยื่นไปทางศิษย์คนสนิทอย่างต้องการที่พึ่ง ด้านคนที่ยืนคอยท่าอยู่แล้วจึงรีบเข้ามากอบกุมมือเรียวสวยเอาไว้แน่น
"ซือจุนขอรับ ท่านเป็นเช่นนี้เพราะพิษของมารตนนั้นแน่ ๆ " มือใหญ่กระชับแน่นขึ้นอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงความสั่นระริกบนฝ่ามือที่เล็กกว่าจากร่างเบื้องหน้า ดวงตาใสกระจ่างที่กำลังทอประกายงดงามราวกับจันทร์เต็มดวงยามราตรีมองเขาอย่างเว้าวอน ยิ่งทำให้ศิษย์วัยฉกรรจ์ไม่อาจปฏิเสธมือขาวคู่นั้นที่เกาะเกี่ยวลำคอทั้งยังโน้มใบหน้าของเขาเข้าไปใกล้ใบหน้าของตนได้
"ข้าทรมานเหลือเกิน"
นัยน์ตาที่เคยดำสนิทดุจฟากฟ้ายามรัตติกาลบัดนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชาดเพราะความคับแค้นใจ หากมารชั่วช้าตนนั้นไม่ปล่อยพิษใส่อาจารย์ของเขาคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และหากท่านอาจารย์เป็นอะไรไปเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
"ข้าร้อน ร้อนไปทั้งตัว" เสียงหวานกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูของเด็กหนุ่มก่อนจะเป่าลมร้อนรินรดใส่ กงหยางหลวนซานกัดฟันแน่นข่มใจตนเอง หันไปหยิบกาน้ำชารินใส่ถ้วยก่อนจะนำมาจ่อที่ริมฝีปากสวยซึ่งบัดนี้คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
"ดื่มเสียหน่อยเถิดขอรับ" มือหนาประคองถ้วยชาใบเล็กให้อาจารย์ได้ดื่มดับกระหาย แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่ดื่มแล้วน้ำชานั้นกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะอาจารย์ของเขายังคงดูทรมานเช่นเดิม
"ข้าร้อน ร้อนเหลือเกิน" มือสวยเริ่มดึงทึ้งอาภรณ์ของตนออก ขณะที่ดวงตาปิดสนิทหัวคิ้วขมวดจนแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ
"ซือจุน ซือจุนขอรับ ได้ยินข้าหรือไม่" กงหยางหลวนซานจับมือน้อยเอาไว้ไม่ให้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออก ใบหน้าคมคายเบือนหนีสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยของอีกคน ขณะที่พยายามเอ่ยเรียก หลี่หรงเหยา ให้ได้สติกลับคืนมา การยื้อยุดยังคงยืดเยื้อไปอีกชั่วครู่กระทั่งเวลาผ่านไปอีกฝ่ายจึงเหมือนดึงสติของตนกลับมาได้
"หลวนซาน ข้าอยากแช่น้ำ หากได้แช่น้ำคงดีขึ้น" หลี่หรงเหยากล่าวขณะที่ปลดเปลื้องชุดคลุมนอกตัวยาวอันแสนเกะกะของตนออกอย่างรวดเร็วเหลือไว้เพียงชุดด้านในพลิ้วบาง เรียวแขนเล็กใช้ร่างสูงกำยำของศิษย์วัยฉกรรจ์เป็นที่ยึดก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล
"ระวังขอรับ"
"พาข้าไปห้องอาบน้ำที"
ใช้เวลาไม่นานหลี่หรงเหยาก็ได้แช่น้ำอย่างที่หวังโดยมีกงหยางหลวนซานให้ความช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ อ่าง กายบอบบางรีบร้อนลงไปยังอ่างน้ำใบใหญ่โดยไม่แม้แต่จะถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออก และถึงแม้น้ำที่เตรียมเอาไว้จะเริ่มเย็นแล้วแต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะหากเป็นน้ำร้อนดังเช่นทุกทีคงยากที่จะดับ ไฟราคะ ในกายของเขาได้
"รู้สึกดีขึ้นหรือไม่ขอรับ" คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่สิ้นคิดที่สุดเท่าที่กงหยางหลวนซานเคยถามมา เพราะมองดูอย่างไรก็ยังไม่เห็นว่าอาจารย์ของเขาจะดีขึ้นตรงไหน และนอกจากไม่ดีขึ้นแล้วตัวเขาเองเสียอีกที่กำลังจะแย่ตามไปด้วย
เด็กหนุ่มไม่สามารถห้ามสายตาของตนให้หยุดไล่มองผิวกายนวลเนียนแดงระเรื่อตรงหน้าได้ ยิ่งต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อยามที่เลื่อนสายตาผ่านลำคอขาวระหงนั้น แล้วได้เห็นว่าชุดผ้าพลิ้วที่อาจารย์คนงามสวมใส่เปียกชุ่มเสียจนแนบไปกับผิวเนื้อ เปิดเผยยอดอกสีขมพูที่กำลังเบ่งบานล่อตาล่อใจใ
"ไม่ดีเลยหลวนซาน" หลี่หรงเหยาครางเครือ น้ำเสียงหวานล้ำขึ้นกว่าเก่าจนอีกคนเผลอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ความต้องการของเด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยฉกรรจ์เต็มตัวถูกปลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งช่วงขาเรียวยาวราวกับอิสตรีนั้นบดเบียดเข้าหากัน พร้อม ๆ กับฝ่ามือนุ่มที่ลากไล้ปัดป่ายไปทั่วลำตัวของตนเองอย่างเผลอไผล ส่วนกลางกายของเขายิ่งปวดหนึบโป่งนูนจนเกรงว่าหลี่หรงเหยาจะหันมาเห็น
"มารตนนั้นคือมารราคะ พิษของมันมีฤทธิ์ร้ายปลุกกำหนัดของผู้ที่ต้องพิษอย่างรุนแรง" หลี่หลงเหยาเอ่ยแก่ผู้เป็นศิษย์ทั้ง ๆ ที่ยังหอบหายใจหนักหน่วง มือบางพยายามดันร่างสูงกำยำให้ถอยออกห่างไป ทั้งยังขบกัดริมฝีปากตนเองจนหยาดโลหิตไหลซึมออกมาเพื่อคงสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้
"ซือจุน..."
"ออกไปก่อนเถิดหลวนซาน ยามนี้ข้ากำลังถูกมันครอบงำหากยังรั้งอยู่เจ้าอาจถูกพิษไปด้วย ผู้บำเพ็ญเพียรควรถือตัวให้บริสุทธิ์ เจ้าอย่าได้มาแปดเปื้อนไปกับข้า" คนงามผู้เป็นอาจารย์กล่าวอย่างอ่อนแรงก่อนจะเหลือบมองร่างสูงที่ยังยืนทึ่มทื่ออยู่ที่เดิม
นัยน์ตาสีเปลือกไม้สบกับดวงตารีเฉียงด้วยแรงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใน ราวกับต้องมนตร์...กงหยางหลวนซานรู้สึกเหมือนร่างของตนกำลังโดนถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่จนไม่สามารถลุกไปไหนได้ ท่านอาจารย์โดนพิษของมารราคะครอบงำเช่นนั้นหรือ หากพิษของมันมีฤทธิ์ปลุกกำหนัด เช่นนั้นแล้วอาการที่เขาเห็นอยู่นี้นั้นก็…
"ซือจุน ศิษย์จะไม่มีวันทิ้งให้ท่านต้องเผชิญกับมันตามลำพังขอรับ" เด็กหนุ่มกล่าวอย่างหนักแน่นและยังคงไม่ยอมเคลื่อนกายไปไหน และนั่นยิ่งทำให้ซือจุนคนงามกังวลไปกันใหญ่
"หลวนซานเจ้าอย่า..."
"บุญคุณของซือจุน ต่อให้ใช้ชีวิตของศิษย์ทั้งชีวิตทดแทนก็ไม่อาจเทียบได้ หากท่านไม่รับข้าเป็นศิษย์ในวันนั้นก็คงไม่อาจมีข้าในวันนี้ ได้โปรดให้ศิษย์ผู้นี้ทดแทนบุญคุณของท่านเถิด" เพราะรู้ดีว่าพิษร้ายเช่นนั้นไม่มียาใดจะถอนได้นอกจากแก้ไขที่ต้นตอ ดังนั้นไม่ว่าต้องทดแทนด้วยวิธีใดเขาก็ยินดีที่จะทำ ต่อให้ต่อจากนี้จะต้องกลับไปโดดเดี่ยวอีกครั้งเขาก็จะไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้ช่วยเหลือผู้มีพระคุณอย่างหลี่หรงเหยาเอาไว้
เรียวแขนงามยกขึ้นวางบนขอบอ่าง ก่อนจะยื่นมือไปแตะใบหน้าของศิษย์คนสนิทอย่างเผลอไผล ความกำหนัดที่เดือดพล่านในร่างยิ่งตีรวนขึ้นจนไม่สามารถทานทนได้อีก
ใบหน้าหล่อเหลาถูกดึงรั้งเข้าหาก่อนกลีบปากสีระเรื่อจะบดเบียดทาบทับลงไป แม้การกระทำในคราแรกจะเข้าขั้นอุกอาจ หากแต่ต่อมากลับเป็นเพียงการประทับริมฝีปากค้างไว้อย่างไม่ประสีประสา และเป็นกงหยางหลวนซานเองที่สานต่อเปลี่ยนให้กลายเป็นจุมพิตลึกซึ้งเปี่ยมด้วยแรงอารมณ์
ยามนี้ซือจุนถูกราคะเข้าครอบงำจนไม่เป็นตัวของตัวเอง หากเขาไม่ช่วยเห็นทีคงทรมานเช่นนี้ไปอีกหลายวัน ดังนั้นแล้วศิษย์ที่ดีย่อมช่วยเหลือผู้เป็นอาจารย์
"อือ..."
เสียงครางเครือในลำคอยิ่งปลุกเร้าความเป็นชายของกงหยางหลวนซานให้ตั้งผงาดมากยิ่งขึ้น มือหนาประคองใบหน้าได้รูปให้เอียงรับจูบหวานล้ำของตน ไม่ใส่ใจแรงจิกบนท่อนแขนซึ่งหลี่หรงเหยากำลังใช้เป็นที่ระบายอารมณ์
เนิ่นนานกว่าที่กงหยางหลวนซานจะหักห้ามใจตัวเองได้ ร่างสูงเหยียดกายขึ้นยืนก่อนช่วยประคองอาจารย์ของตนให้ลุกขึ้นตามเพราะไม่อยากให้แช่น้ำนานไปมากกว่านี้ โดยที่เขาเองลืมไปเสียสนิทว่าเสื้อสีขาวที่เปียกลู่ไปกับลำตัวของอีกฝ่ายนั้นไม่สามารถปกปิดอะไรได้ ซ้ำร้ายเงาลาง ๆ ของผิวเนื้อวับ ๆ แวม ๆ นั้นมีแต่จะพาให้จินตนาการไปไกล
เด็กหนุ่มหายใจถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้สงบสติอารมณ์เรียวแขนเล็กก็ตวัดโอบรอบลำคอเขาอีกครั้ง อาจารย์หลี่ผู้เป็นดั่งผ้าขาวอันแสนบริสุทธิ์ที่ไม่ประสีประสาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในตอนนี้คล้ายกับกำลังอ้อนวอนร้องขอสัมผัสเช่นเมื่อครู่อีกครั้ง
"ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิด ประเดี๋ยวซือจุนจะป่วยเอาได้นะขอรับ" เมื่อพูดจบแล้วกงหยางหลวนซานเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าการที่เขาเอ่ยเช่นนี้ออกไป จะทำให้หลี่หรงเหยาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนจนหหมดในคราวเดียว
เด็กหนุ่มจับจ้องเรือนร่างงดงามเปลือยเปล่าไม่วางตา ไล่ตั้งแต่ไหปลาร้าสวยลงมาจนถึงแผ่นอกขาวที่ประดับด้วยยอดปทุมถันสีแดงระเรื่อ เอวคอดและหน้าท้องแบนราบ จนถึงสะโพกกลมกลึงได้รูปที่ตอนนี้กำลังส่ายไปมาราวกับจะเรียกหาอะไรบางอย่าง ยิ่งได้มองกงหยางหลวนซานก็ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างแข็งทื่อยิ่งกว่าเก่า
เพราะไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็เรียบเนียนไร้ที่ติเสียจนหาจุดตำหนิไม่เจอ
"สัมผัสข้าที หลวนซาน" มือน้อยเอื้อมมาจับมือเขาเอาไว้แน่นก่อนจะใช้เป็นหลักยึดในการลงมาจากอ่าง มือที่ยังไม่ปล่อยออกจากกันถูกหลี่หรงเหยาชักนำให้วางทาบลงบนสะโพกขาวมน ขณะที่บดเบียดกายเข้าหาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ ถูไถทั้งส่วนกลางกายที่กำลังแข็งชันกับยอดอกที่กำลังเบ่งบานไปกับร่างกายของกงหยางหลวนซานจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่านผิวกายของกันและกัน
"ซือจุนขอรับ" กงหยางหลวนซานเอ่ยเสียงแหบพร่า แม้จะเอ่ยปากคล้ายจะห้ามหากแต่มือใหญ่ที่วางอยู่บนบั้นท้ายสวยกลับลูบไล้ไปบนผิวเนื้อนิ่มไม่หยุดหย่อน ร้อนถึงเจ้าของสะโพกสวยจำต้องส่ายสะโพกตามอย่างห้ามไม่อยู่
"เจ้าอยากช่วยข้าไม่ใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยให้ข้าได้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ทีเถิด" นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนฉ่ำเยิ้มจับช้อนมองร่างสูงอย่างอ้อนวอน ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปตามกรอบหน้าคมคายอย่างออดอ้อนจนกงหยางหลวนซานไม่อาจประคองสติต่อไปได้
มือหนาเริ่มเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นเอวคอดอย่างเบามือก่อนจะเพิ่มน้ำหนักยามที่ได้ยินเสียงครางผะแผ่วดังลอดออกมาจากเรียวปากสีสวย
"จูบข้า...จูบข้าที" กงหยางหลวนซานไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว เด็กหนุ่มปลดปล่อยตนเองตามการชักนำของคลื่นอารมณ์อันร้อนระอุ ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนอวัยวะเดียวกัน ตอบสนองความต้องการของร่างงดงามเบื้องหน้าอย่างเชื่อฟัง
น่าเสียดายที่ครึ่งมารหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นเลย ว่าดวงตากลมฉ่ำวาวของผู้เป็นอาจารย์นั้นกำลังเผยประกายแห่งความสาสมใจออกมามากเพียงใด
[ค่าความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกงหยางหลวนซานเพิ่มเป็น 100%]
[ภารกิจทำให้กงหยางหลวนซานไว้เนื้อเชื่อใจหลี่หรงเหยา สำเร็จ]
[ปลดล็อคค่าความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หรงเหยาและกงหยางหลวนซาน ขอให้เจ้าหน้าที่ตั้งใจทำงานต่อไป]
ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มบางเบา
ภารกิจของในโลกลำดับที่หนึ่งนี้ไม่นับว่ายากเกินมือสักเท่าไหร่นัก หากไม่นับการต้องเสแสร้งเป็นผ้าขาวแสนบริสุทธิ์มาเนิ่นนานเช่นนี้
ย้อนกลับไปในช่วงแรก
ชื่อที่แท้จริงของเขาคือเฟรย์ คาร์ตัน นักเขียนอิสระวัยยี่สิบหกปีที่กำลังออกเดินทางหาแรงบันดาลใจสำหรับการเขียนนิยายเรื่องใหม่กับเพื่อนสนิท แต่ใครจะคิดว่าระหว่างเดินทางไปยังเมืองแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศ รถที่เขานั่งโดยสารมากับเพื่อนจะเกิดอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกพุ่งชน และเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน
แต่โลกหลังความตายกลับไม่ใช่แบบเดียวกับที่เขาคิด
ไม่มีทั้งนรกหรือสวรรค์
มีเพียงความว่างเปล่าอันมืดมิดและบอลแสงสีทองลูกหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าของเขา มันอ้างว่าตัวเองนั้นเป็นหนึ่งในระบบพิทักษ์โลก ซึ่งคอยดูแลป้องกันโลกต่างมิติในเกมเนื้อเรื่องที่มีจำนวนมากมายมหาศาลจากการล่มสลาย และเพราะวิญญาณของเขาที่หลุดเข้ามาในช่วงที่ระบบกำลังรีบูทมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขมันจึงปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อยื่นข้อเสนอให้
ภารกิจของเขาคือช่วยเหลือไม่ให้โลกในมิตินั้น ๆ ต้องล่มสลายโดยมีสาเหตุมาจากรักสามเส้าระหว่างพระเอก นางเอก และตัวร้ายซึ่งเป็นจิตวิญญาณหลักที่คอยยึดโยงโลกเหล่านั้นเอาไว้ หากทำได้และสะสมแต้มจนครบจำนวนเขาจะสามารถกลับไปยังโลกเดิมก่อนเสียชีวิตโดยที่อุบัติเหตุนั้นจะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายมอบให้เป็นรางวัลตอบแทนด้วย
“แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ” เขาถาม
‘เรื่องมันก็ง่าย ๆ แค่วิญญาณหรือที่เราเรียกว่าพลังงานเคลื่อนที่ของคุณ จะถูกนำออกจากระบบและสูญสลายไปตลอดกาลเท่านั้นเอง’ ระบบตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถ้าต้องเลือกโอกาสที่จะกลับไปมีชีวิตในโลกซึ่งเขาจากมาได้กับต้องดับสูญไปตลอดกาล ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เฟรย์จึงต้องยอมรับข้อเสนอนี้และกลายเป็นเจ้าหน้าที่ของระบบเกมบ้าบอนั้นในที่สุด แต่หลังจากที่เลือกไปแล้ว หากย้อนกลับไปได้เขาขอเลือกให้วิญญาณตัวเองสูญสลายยังจะดีเสียกว่า!
ระบบพิทักษ์โลก
ฟังชื่อแล้วอาจจะดูว่าเจ้าระบบนี่มันช่างน่าชื่นชมหรือดูเท่เหมือนกับพวกฮีโร่ตามภาพยนตร์หรือการ์ตูนต่าง ๆ แต่ความจริงที่ได้รับรู้ยามถูกส่งมายังมิติทดลองเพื่อฝึกฝนการทำภารกิจนั้น เฟรย์ คาร์ตันถึงพบว่าไอ้ระบบห่าเหวนั่นมันหลอกลวงกันชัด ๆ !
ภารกิจที่ต้องปกป้องโลกจากเงื้อมมือของตัวร้ายผู้เป็นลาสต์บอส ที่จริงแล้วมันก็แค่เขาต้องเข้าขัดขวางไม่ให้ตัวร้ายตกหลุมรักนางเอกได้ก็เท่านั้น แต่วิธีการที่ระบบบังคับให้เขาต้องใช้อย่าง ทำยังไงก็ได้ให้ลาสต์บอสตกหลุมรัก นี่มันชักจะบัดซบเกินไปแล้ว
แถมยังไม่เลือกวิธีแม้ว่าจะเป็นการใช้ร่างกายยั่วยวนก็ตาม แต่เพื่อทำให้ภารกิจสำเร็จ อย่างไรเขาก็ต้องทำ!
ทันทีที่รู้รายละเอียดทั้งหมด ระบบก็จัดการส่งเขาเข้าสู่โหมดฝึกฝนในทันที ภายในมิติแห่งนั้นเขาต้องเรียนรู้วิธีการทุกอย่างที่จะใช้ร่างกายยั่วยวนหรือหว่านเสน่ห์ให้ตัวร้ายตกหลุมรักผ่านการจำลองสถานการณ์รูปแบบต่าง ๆ กระทั่งการมีเซ็กส์ผ่านบทบาทมากมายหลากหลายก็ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ ทาสผู้เสพติดการทรมาน หนุ่มน้อยร่านราคะ และอื่น ๆ อีกมากมาย
จวบจนกระทั่งผ่านบทเรียนอย่างหนักหน่วงจนร่างกายและจิตใจจดจำได้ครบสมบูรณ์พร้อมแสดงบทบาทต่าง ๆ เพื่อทำภารกิจแล้ว ระบบจึงยอมปล่อยเขาพร้อมกับสกิลติดตัวที่จะใช้ช่วยเหลือในการทำภารกิจอย่าง ปลุกราคะ ฟีโรโมนยั่วยวน และรูปโฉมงดงามไร้มลทิน มาด้วย
เฟรย์ คาร์ถูกส่งเข้าโลกในมิติแรกพร้อมด้วยสกิลทั้งสามและจิตใจที่บิดเบี้ยวไม่มีชิ้นดี…
ในโลกที่หนึ่งของการทำภารกิจ ระบบนั้นแจ้งว่าเป็นโลกของการบำเพ็ญเพียรของเซียนและมาร พระเอกของโลกนี้มีชื่อว่าหวางต้าเหลียน เด็กหนุ่มผู้มุ่งมั่นที่จะบรรลุวิถีเซียนเพื่อปกป้องผู้คนบนโลกใบนี้ ส่วนนางเอกนั้นคือหลินชิวหรง ยอดสตรีผู้เคียงข้างหวางต้าเหลียนและคอยช่วยเหลือพระเอกเสมอมา ส่วนสุดท้ายก็ตัวร้ายผู้มีเชื่อสายของมารอยู่ครึ่งหนึ่งและเป็นลาสบอสต์อย่างกงหยางหลวนซาน
สถานการณ์ที่จะทำให้โลกนี้ไปสู่การล่มสลายคือรักสามเส้าระหว่างพวกเขาเหล่านี้
ตัวเอกทั้งสามนั้นเดิมทีได้พบเจอกันระหว่างการเดินทางมาหลายพันลี้ เพื่อทดสอบเป็นศิษย์ยังสำนักเซียนใหญ่ที่มีชื่อว่าซีฮานด้วยกัน ทว่าตัวร้ายนั้นกลับมีเส้นผมและดวงตาสีดำขลับอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่ามารทำให้ถูกผู้รับการทดสอบคนอื่น หรือกระทั่งอาจารย์ผู้ควบคุมการทดสอบยังรังเกียจเดียดฉันท์
มีเพียงหวางต้าเหลียนกับหลินชิวหรงที่ยังคงเข้ามาพูดคุยและคอยช่วยเหลือเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้เด็กน้อยทั้งสามกลายเป็นสหายรักกันในที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ผ่านการผจญภัยมาด้วยกันมากมายทำให้ความสัมพันธ์ค่อย ๆ พัฒนามากขึ้นตามลำดับ
จนมาถึงเรื่องราวอันเป็นจุดแตกหัก กงหยางหลวนซานที่สารภาพรักกับหลินชิวหรงถูกเอ่ยปฏิเสธ เพราะนางได้ตกลงปลงใจเป็นคนรักของหวางต้าเหลียนไปแล้ว เหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนี้ทำให้สายเลือดมารในร่างของกงหยางหลวนซานตื่นขึ้น จิตใจถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำเดินเข้าสู่ทางสายมารในที่สุด
กงหยางหลวนซานพยายามแย่งชิงหลินชิวหรงให้มาเป็นของตนเองโดยไม่สนวิธีการ การต่อสู้ระหว่างมารกับหวางต้าเหลียนที่ต้องการปกป้องคนรักของตนเองทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วจึงบานปลาย กลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ของเหล่าเซียนและเผ่ามาร
ในศึกสุดท้ายกงหยางหลวนซานคลุ้มคลั่งอย่างหนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรหลินชิวหรงก็ไม่ยอมมาอยู่เคียงข้างซ้ำยังแสดงอาการรังเกียจจนแทบไม่อยากมองหน้า มารหนุ่มจึงสละชีวิตทำลายแก่นปราณของตนเอง สร้างหลุมดำที่ดูดกลืนภพทั้งสามเข้าไปจนสูญสลายทั้งหมด โดยกล่าวคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงว่า 'หากข้าไม่ได้ครอบครองนางผู้ใดก็อย่าหวังจะได้ครอบครอง'
เฟรย์ คาร์ตันที่รับรู้เรื่องราวของโลกใบนี้แล้วก็อยากจะร้องออกมาดัง ๆ เพราะเรื่องแค่นี้ถึงกับทำลายโลกทั้งหมดทิ้งเลยเรอะ!! ตัวร้ายของเรื่องนี้มันบ้าไปแล้วชัด ๆ!!
และเพื่อภารกิจเขาจึงต้องเขาแทรกแซงมาในร่างของหลี่หรงเหยา อาจารย์ผู้งดงามแต่แสนจะจืดจางในเนื้อเรื่อง และรับเอาตัวร้ายผู้นี้เป็นศิษย์เพื่อกันให้กงหยางหลวนซานออกห่างจากนางเอก
นับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบัดซบในอีกหลายปีต่อมา
กลับมาที่ปัจจุบัน
เสียงจูบเฉอะแฉะดังก้องไปทั่วโสตประสาทของทั้งสองคน ร่างสูงเดินถอยหลังออกมาตามแรงดันของคนงามที่ตอนนี้ออกแรงผลักหน้าอกของเขาไม่หยุด หลี่หรงเหยายังคงช้อนตาขึ้นมามองหน้าเด็กหนุ่มอย่างออดอ้อนเช่นเดิม สกิลปลุกราคะกำลังทำงานเต็มที่เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของเขารวมถึงกงหยางหลวนซานให้พร้อม
ศิษย์วัยฉกรรภ์ถูกมัวเมาด้วยความต้องการที่ล้นปรี่ จนไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้วว่าแผ่นหลังกว้างของตนจะไปชนเข้ากับสิ่งใดบ้าง ตราบจนทั้งสองคนออกมาจากห้องอาบน้ำได้สำเร็จร่างบางจึงได้ถูกแขนแกร่งกอดรัดอย่างแนบแน่น
มือหนาช้อนเข้าใต้สะโพกขาวก่อนออกแรงยกร่างของหลี่หรงเหยาขึ้นจนเท้าลอยจากพื้น ก่อนจะพาไปวางบนเตียงอย่างทะนุถนอมด้วยเกรงว่าแรงของตนนั้นจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว ครึ่งมารหนุ่มไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วอาจารย์ผู้แสนบริสุทธิ์ในสายตาของเขานั้นอยากโดนกระทำอย่างรุนแรงเพียงใด
ดวงตากลมสวยจับจ้องร่างด้านบนที่นอนยังมีอาภรณ์ครบชิ้น ใบหน้าหล่อเหลาถูกชโลมไปด้วยเหงื่อแม้อากาศด้านนอกมีลมหนาวแห่งวสันต์ฤดูพัดวูบไหว ดวงตาคมดุดันมองลากไล้ไปทั่วเรือนกายของอาจารย์ตนซึ่งตอนนี้กำลังนอนหงาย อ้าขาออกกว้างเปิดเผยทุกสัดส่วนอย่างน่าอาย
หลี่หรงเหยาพยายามสงวนท่าทีอย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ใจจริงอยากกระโจนเข้าใส่ ปลดเปลื้องอาภรณ์อันแสนเกะกะของเด็กหนุ่มตรงหน้าออกไปให้หมดสิ้น ฤทธิ์ของสกิลปลุกราคะซึ่งบัดนี้ทำงานผสานกับพิษของมารที่อยู่ในร่าง กำลังจะทำให้เขาสำลักความต้องการตายอยู่แล้ว
มือน้อยยื่นมาด้านหน้าไขว่คว้าหาที่ยึดราวกับคนเพ้อไข้ ดวงตากลมฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาแห่งความต้องการ หากแต่ยังพยายามหักห้ามใจตนอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสวมบทบาทซือจุนผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ให้แนบเนียนที่สุด เพื่อให้ภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี
ชายหนุ่มโน้มกายลงมาทาบทับแทรกกลางระหว่างเรียวขาขาวทั้งสองข้างโดยได้รับความร่วมมือจากคนงามเป็นอย่างดี ริมฝีปากหยักได้รูปประทับลงบนอวัยวะเดียวกัน ก่อนค่อย ๆ จุมพิตเรื่อยลงมาตามซอกคอนวลเนียน
หลี่หรงเหยาเลือกเพิ่มระดับสกิลฟีโรโมนยั่วยวนเพื่อกระตุ้นครึ่งมารหนุ่มให้ตกอยู่ในห้วงราคะ มือน้อยจิกทึ้งเรือนผมสีดำขลับของอีกฝ่ายด้วยแรงไม่เบานัก ยามที่ริมฝีปากหยักเล็มเลียแผ่นอกไปพร้อม ๆ กับมือสากที่ไล่สัมผัสเค้นคลึงเอวคอดแรงขึ้นเรื่อย ๆ
หลี่หรงเหยาอยากให้อีกฝ่ายหนักมือยิ่งกว่านี้ เพราะนี่มันยังไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการที่ดิ้นพล่านอยู่ภายในของเขาได้ เรียวขาขาวเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบอย่างเผลอไผลยามที่ริมฝีปากนั้นครอบเข้ากับยอดอกสีระเรื่อ เรียวลิ้นอุ่นชื้นตวัดขึ้นลงอย่างชำนิชำนาญจนอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าเด็กครึ่งมารนี่ไปศึกษาเรื่องเหล่านี้มาจากที่ใด
"อะ อือ หลวนซาน" หลี่หรงเหยาวางมือลงบนศีรษะของกงหยางหลวนซานก่อนจะออกแรงรั้งให้ขยับขึ้นมาตำแหน่งเดิม แก้วตาสีเปลือกไม้จับจ้องที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอ้อนขอจุมพิตแสนหวานอีกครั้ง
ไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปาก ครึ่งมารหนุ่มก็ยินดีป้อนจุมพิตลึกล้ำให้ด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว ปากอุ่นร้อนทั้งสองทาบทับแนบชิดกันแช่ค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มดูดดึงกลีบปากนิ่ม เรียวลิ้นชื้นหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่พยายามขยับโต้ตอบกลับมา มือหนายังคงบีบนวดสะโพกกลมมนอย่างเบามือก่อนจะเพิ่มน้ำหนักเมื่อได้ยินเสียงครางเครือในลำคอระหง
มือบางเริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าของกงหยางหลวนซานจนเหลือเพียงกางเกงผ้าตัวเดียวติดกาย ดวงตาสวยไล่มองกล้ามเนื้อแน่นหนันและส่วนหน้าที่ผงาดตั้งจนดันเนื้อผ้าออกมาชัดเจนก่อนจะลอบกลืนน้ำลายอย่างหิวกระหาย หากไม่ติดว่าเขาจะต้องเล่นละครเป็นดอกบัวขาวผู้แสนบริสุทธิแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงพุ่งเข้าไปกระชากกางเกงนั้นทิ้ง แล้วครอบครองแท่งหยกล้ำค่านั้นด้วยปากจนลึกสุดคอไปแล้ว
ในขณะที่หลี่หรงเหยาคิดอย่างกระเหี้ยนกระหือรือแต่กงหยางหลวนซานก็ยังคงไม่รีบร้อน ร่างสูงยังคงลากไล้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายหอมละมุนไปทั่วแผ่นอกขาว ลากมาจนถึงหน้าท้อง แวะเวียนไปที่สีข้างด้านซ้าย ก่อนจะลากลงมาใต้แอ่งสะดือสวยอย่างอ่อนโยน
พับผ่าสิ เมื่อไหร่เจ้าทึ่มนี่จะเผด็จศึกกับเขาเสียที!!
ยังไม่ทันที่หลี่หรงเหยาจะได้ก่นด่าไปมากกว่านี้ มือใหญ่ก็กอบกุมแก่นกายขนาดเหมาะมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะช่วยรูดรั้งให้ด้วยจังหวะเนิบนาบ แล้วค่อย ๆ เพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ
"อ๊ะ..." สัมผัสวาบหวามที่อีกฝ่ายใช้ปรนเปรอ ทำให้ไฟราคะในกายคล้ายกับจะได้รับการบรรเทาอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่ดี
มากกว่านี้ เขาต้องการมากกว่านี้
"ข้าไม่ไหวแล้วหลวนซาน ทำข้าแรงกว่านี้หน่อยได้หรือไม่" ไม่เพียงจะพูดด้วยเสียงสั่นพร่าเท่านั้น แต่ยังยกสะโพกส่ายยั่วยวน พร้อมกับใช้มือลูบวนเขี่ยคลึงยอดอกของตัวเองอีกทาง ทำขนาดนี้แล้วยังทนไหวอยู่ก็ให้มันรู้ไป!
กงหยางหลวนซานรู้สึกเหมือนตนหูอื้อกะทันหัน ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการของเขานัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้หน้ามืดมากพอที่จะกระทำโดยไม่คิดช่วยเบิกทางก่อน ร่างกายบุรุษไม่เหมือนกับร่างกายของอิสตรีเรื่องนี้กงหยางหลวนซานรู้ดี ดวงตาคมสอดส่ายหาบางสิ่งที่จะช่วยหล่อลื่นบรรเทาความเจ็บให้กับอาจารย์ของเขาได้บ้าง
พลันสายตาไปปะทะกับขวดน้ำมันหอมที่ได้มาจากนางโลม ที่เขาและอาจารย์เคยช่วยเหลือตอนไปปราบมารที่แดนใต้ ครึ่งมารหนุ่มไม่รอช้ารีบรุดลงจากเตียงไปก่อนจะกลับมาจับร่างของหลี่หรงเหยาพลิกคว่ำ แล้วเปิดฝาเทน้ำมันหอมลงไหลรินรดผ่านระหว่างแก้มก้นนิ่มทั้งสองข้าง
"อ๊ะ จะ เจ้าทำสิ่งใดกัน" เสียงหวานถามอย่างตระหนกผิดกับภายในที่กำลังลิงโลด เพราะรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ลองรีบร้อนเปิดทางเช่นนี้แล้ว อีกไม่นานท่อนลำใหญ่โตนั้นคงได้เข้ามาปรนเปรอเขาจนสำลักความสุขกันไปข้าง
"สิ่งนี้จะทำให้ท่านไม่เจ็บขอรับ" กงหยางหลวนซานโน้มตัวไปประทับริมฝีปากลงตรงกลางแผ่นหลังขาวอย่างเอ็นดูกับความไม่ประสีประสาของคนอายุมากกว่า หาได้รู้เลยว่าตนกำลังคิดผิดถนัด
"ท่านไม่ต้องกลัวนะขอรับข้าจะถนอมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" เสียงทุ้มกล่าวกับหลี่หรงเหยาอย่างอ่อนโยน ร่างบางรู้สึกขัดใจนักที่ได้ยินแบบนั้น เพราะในความเป็นเขาจริงอยากตะโกนใส่หน้าเจ้าเด็กบื้อนี่เหลือเกินว่ามีเท่าไหร่ก็ให้ใส่มาให้หมด อย่าได้เก็บกลั้นเอาไว้!! แต่ก็ทำได้เพียงกระทืบเท้าตะโกนในความคิดเท่านั้น
กงหยางหลวนซานประทับจุมพิตลงบนก้อนเนื้อขาว นิ้วเรียวกดนวดที่ปากช่องทางเบา ๆ ก่อนใช้ความลื่นดันนิ้วของตนผลุบหายเข้าไป ด้านหลี่หรงเหยาที่กำลังหลับตาพริ้มเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติก็กลับกระตุกเฮือกอย่างควบคุมไม่ได้
ร่างกายของหลี่หรงเหยาในโลกนี้บริสุทธิ์กว่าที่คิด นี่ขนาดแค่นิ้วเดียวยังคับแน่นถึงเพียงนี้ แล้วหากต้องเจอกับของกงหยางหลวนซานล่ะ มิเจ็บเจียนตายหรอกหรือ มองดูผ่านเนื้อผ้ายังขนาดไม่ธรรมดาแบบนั้น
สะโพกสวยบิดเร้าไปมาอย่างเสียวกระสัน ยามเมื่อก้านนิ้วยาวที่สองชำแรกออกมาก็ยิ่งรู้สึกมากกว่าเดิมหลายเท่า หลี่หรงเหยาพยายามใจเย็นต่อสู้กับความไม่เคยชินการสัมผัสลึกซึ้งของร่างกายนี้ แต่เมื่อนิ้วก้านที่สามมุดเข้ามาท่อนขาขาวก็กลับหมดแรงทรุดลงไปเสียดื้อ ๆ
ความรู้สึกคับแน่นจนทนแทบไม่ได้นั้นยิ่งกระตุ้นให้เขาปล่อยกลิ่นหอมยั่วยวนแผ่ออกมาจากตัวจนแม้แต่ตัวเองยังได้กลิ่น เสียงหอบหายใจแรงของหลวนซานดังขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่การกระทำยังคงนิ่มนวลเช่นเดิมคล้ายกับว่าเด็กหนุ่มยังคงพยายามตั้งสติของตนเองเอาไว้
ใบหน้าสวยผินไปด้านหลังอย่างช้า ๆ ดวงตาใสค่อย ๆ ไล่มองอย่างเอียงอาย ร่างกายกำยำสมชายของกงหยางหลวนซานทำเอาหน้าร้อนอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เพียงกล้ามเนื้อแน่นที่เรียงตัวสวยอย่างไร้ที่ติ แต่ดวงตาคมดุคู่นั้นยังมองเขามาอย่างเอ็นดูเหลือเกิน หากกงหยางหลวนซานรู้ว่าในใจของเขาคิดพิเรณเพียงใด อีกฝ่ายคงไม่มองกันด้วยสายตาเช่นนี้แน่
ท่อนเนื้อใหญ่โตที่โป่งนูนดันเนื้อผ้าออกมามากกว่าเดิมทำเอาหลี่หรงเหยาเผลอหันกายไปอย่างลืมตัว มือเล็กเอื้อมไปแตะขอบกางเกงสีขาวอันแสนเกะกะ ก่อนจะแก้ปมเชือกแล้วดึงลงจนมันดีดผึงออกมาสัมผัสอากาศด้านนอก
อยู่ในกางเกงว่าใหญ่แล้ว พอออกมาข้างนอกใหญ่กว่าที่คิดเสียอีก หลี่หรงเหยาเผลอกลืนน้ำลาย ช่องทางที่เพิ่งถูกกระตุ้นขมิบถี่ด้วยความกระสัน แค่ได้คิดว่าจะโดนท่อนเอ็นนี้สอดใส่เข้ามาในกาย ขนทุกเส้นในกายก็พากันลุกชันไปหมด
หากแต่ในสายตาของกงหยางหลวนซานที่ไม่ได้รับรู้ถึงความคิดนั้นเลยแม้แต่น้อย กลับมองอาการนิ่งงันของหลี่หรงเหยาว่าช่างไม่ประสีประสาและน่าเอ็นดู ฝ่ามือใหญ่ดันให้ร่างบางนอนราบไปกับพื้นเตียง ดวงตาคมไล่มองไปทั่วทุกพื้นที่อย่างจาบจ้วงจนคนโดนมองรู้สึกเสียววาบไปทั่วสรรพางค์กาย
"ไม่ต้องกลัวนะขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านเจ็บ" ว่าพลางโน้มกายแนบกลีบปากกับริมฝีปากสวย ดูดคลึงแผ่วเบาอย่างเคลิบเคลิ้ม ขณะที่มือสากลากสัมผัสเนื้อนิ่มไปจนทั่วและไม่ลืมที่จะหยุดหยอกล้อกับยอดอกสีระเรื่อที่กำลังชูชันอีกด้วย
หลี่หรงเหยาปล่อยกลิ่นหอมของตนเพิ่มอีกครั้ง เพื่อยั่วยุให้กงหยางหลวนซานสติขาดกระแทกกระทั้นกายเข้ามาแรง ๆ เสียที แล้วก็เป็นไปดังที่หวัง ปลายยอดหยักมนเริ่มชำแรกเข้าในช่องทางคับแคบ แม้จะมีน้ำมันหอมเป็นตัวหล่อลื่นทั้งยังได้รับการเบิกทางมาแล้วแต่ก็ยังเข้ามาไม่ง่ายนัก หลี่หรงเหยาหลับตารับความรู้สึกที่ท่อนเนื้อร้อนรุ่มนั้นสัมผัสเสียดสีทุกพื้นที่ด้านใน
กว่าจะเข้าไปจนสุดลำก็นับว่าจุกไม่น้อย โชคดีที่กงหยางหลวนซานไม่รีบร้อนเท่าใดนัก ยังคงใจดีให้หยุดแช่เอาไว้เขาได้ปรับตัว แม้จะต้องขมวดคิ้วและขบกรามอย่างสะกดกลั้น ยามที่โดนช่องทางของผู้เป็นอาจารย์ตอดรัดแน่นก็ตามที
"อ่ะ..."
กงหยางหลวนซานถนอมร่างกายเขาและมีความอดทนเสียจนหลี่หรงเหยาอดจะทึ่งไม่ได้ เป็นเขาเสียอีกที่ทนไม่ได้กับความคับแน่นจนต้องหาทางขยับตัวเสียดสีขมิบรัดอีกฝ่ายมากขึ้น
หลี่หรงเหยาไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว ดวงตาฉ่ำน้ำสบกับอีกฝ่ายคล้ายจะอ้อนวอนให้ช่วยกระทำกับร่างกายนี้ คำขอของคนงามไม่เคยไม่เป็นผล เมื่อในตอนนี้สะโพกสอบกำลังขยับโยกเข้าออกอย่างเชื่อฟัง
ดวงตาที่เคยเป็นสีดำสนิทบัดนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิตอีกครั้งด้วยแรงอารมณ์ที่ แม้จะพยายามควบคุมตนเองอย่างหนัก ทว่าสายเลือดครึ่งมารในร่างที่เด็กหนุ่มยังไม่ได้เรียนรู้วิธีควบคุมก็มักจะเข้าครอบงำให้เขาเผลอกระทำรุนแรงเสมอ
เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วหลี่หรงเหยาสาสมใจกับด้านมารของเขาเพียงใด
ร่างสูงขยับสะโพกเสือกกายเข้าหาคนงามแรงขึ้น มือหนาลูบสีข้างนวลเนียน ใบหน้าหล่อยังคงไล่สูดดมกลิ่นหอมพร้อมทั้งเลาะเล็มผิวเนื้อนิ่มอย่างหลงใหล แรงปรนเปรอถึงอกถึงใจเริ่มทำให้คนงามเริ่มดวงตาเลื่อนลอย อ้าปากร้องครวญครางราวเสียงหวานคล้ายกับจะเก็บกลั้นต่อไปไม่ได้
"อ๊ะ อ๊า"
ช่างเรื่องต้องแสดงเป็นคนใสซื่อไปก่อนเถอะ ในเฟรย์ คาร์ตันกลัวว่าร่างนี้จะหัวใจล้มเหลวตายไปเสียก่อน
หากถามความมั่นใจในการทำภารกิจ หลี่หรงเหยาคิดว่าคงยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพราะตอนนี้ทั้งด้านค่าความสัมพันธ์และการแสดงออกสื่อเหลือเกินว่าหลวนซานเริ่มมีใจให้กับเขา เพราะหากไม่มีใจมีหรือที่จะมาเสนอตัวช่วยในเรื่องแบบนี้
แขนเรียวตวัดโอบรอบลำคอแกร่งยามที่อีกฝ่ายซุกไซ้ใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่น ก่อนจะเลื่อนมาจบที่ริมฝีปากอีกครั้ง ขาเรียวสวยเกี่ยวเอวสอบเอาไว้แน่นยามที่ท่อนเอ็นอวบนั้นกระทั้นเข้ามาแรงขึ้น
เสียงเนื้อกระทบนะคนเสียงครวญคาฃและหอบหายใจกันดังก้องไปทั่วทั้งห้อง หากเขาไม่ใช้ความสามารถที่ระบบให้มาช่วยเก็บเสียงภายในเรือนพักแล้วล่ะก็ ป่านนี้ทั้งสำนักคงได้ยินกันไปหมดแล้ว
ร่างกายของหลี่หรงเหยาอ่อนไหวเสียจนสัมผัสเพียงน้อยนิดก็กระตุ้นอารมณ์วาบหวามให้ลุกโชนขึ้นได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงหากกงหยางหลวนซานกระแทกเข้าไปที่จุดกระสัน
"อะ อ๊า!! "
"ชู่ว..."
ครึ่งมารหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปป้อนจูบปิดกั้นเสียงร้องด้วยเกรงว่าใครจะมาได้ยินเข้า ก่อนที่หลี่หรงเหยาจะเบิกตากว้างเมื่อร่างทั้งร่างถูกจับพลิกให้อยู่ในท่าคว่ำหน้ากระทันหัน แม้จะถึงใจกับความรุนแรงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตกใจอยู่ไม่น้อย
ยามที่ท่อนเนื้อนั้นถอดออกและใส่เข้ามาใหม่ มือใหญ่เอื้อมมาปิดปากของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา หลี่หรงเหยาจึงทำได้เพียงร้องครางอู้อี้ในลำคอเพื่อระบายความเสียงซ่าน กายสูงโน้มลงมาทาบทับแผ่นหลังของเขาขณะที่สะโพกยังคงขยับไม่ได้พัก ยิ่งมาอยู่ในท่านี้หลี่หรงเหยายิ่งได้ยินเสียงหอบหายใจรุนแรงราวกับสัตว์ร้ายที่ดังอยู่ข้างหูได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จุดกระสันภายในถูกครึ่งมารหนุ่มบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือที่เคยใช้ปิดปากเลื่อนลงไปเกาะเกี่ยวสะโพกมน ก่อนจับตรึงเอาไว้แล้วสาวเอวกระแทกเข้าใส่กายขาวจนแก้มก้นเนียนกระเด้งกระดอนตามจังหวะกระทั้น มืออีกข้างที่ว่างอยู่กดให้ไหล่เล็กแนบลงไปกับพื้นฟูกนอน ยิ่งทำให้สะโพกสวยลอยเด่นมากขึ้นไปอีก
"ซือจุนขอรับ ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน" ใบหน้าหล่อเกลือกกลิ้งไปบนแผ่นหลังขาว เปลือกตาปิดแน่นตั้งใจจะรับรู้เพียงแค่ความวาบหวามในตอนนี้ เพราะแม้ปากจะเรียกหลี่หรงเหยาว่าอาจารย์ แต่กงหยางหลวนซานรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำกันอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์และอาจารย์ปกติควรทำร่วมกัน
"หละ หลวนซาน อ๊า! " เพราะอย่างนั้นสะโพกแข็งแรงจึงเร่งสอบกายเร็วขึ้น และแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับจะกลบความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจ โดยที่ครึ่งมารหนุ่มไม่รู้เลยว่าคนใต้ร่างในตอนนี้เสียวกระสันเสียลืมไปสิ้นว่าต้องสงวนท่าทีรักษาภาพลักษณ์ของตนเอาไว้ ลืมกระทั่งว่าไม่ควรส่ายสะโพกเข้าสู้กับแรงกระแทกกระทั้นจนดูร่านราคะเช่นนี้
"ระ แรงอีก"
ช่องทางคับเริ่มขมิบตอดรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีขาวเริ่มปรากฏในหัวของหลี่หรงเหยายามที่โดนกระแทกเข้าจุดกระสันอย่างหนักหน่วง และเหมือนว่ากงหยางหลวนซานเองก็สัมผัสได้ว่าจุดหมายของร่างบางเคลื่อนใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว สะโพกสอบจึงขยับถี่เพิ่มแรงกระทั้นมากขึ้นจนคนโดนกระทำตัวโยน เส้นผมสีอ่อนที่จัดทรงเอาไว้ตกลู่แตกกระจายไม่มีชิ้นดี
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ธารน้ำสีขุ่นก็ถะถั่งทะลักทะลายออกจากแก่นกายสีมุก พุ่งเลอะพื้นเตียงเบื้องล่างจนเปียกชื้นเป็นด่างดวง เสียงร้องอู้อี้ดังขึ้นยิ่วกว่าเดิมพร้อมกับกายสะโอดสะองกระตุกเกร็งไปทั้ง ขมิบกายบีบรัดส่วนหน้าของกงหยางหลวนซานอย่างหนักหน่วงจนครึ่งมารหนุ่มนิ่วหน้า
หลี่หรงเหยาทรุดร่างกายส่วนบนไปกับพื้นเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายยังคงถูกบังคับให้ขยับโยกเมื่อกงหยางหลวนซานยังไม่ถึงฝั่งฝัน มือหน้ายังคงจับสะโพกของเขาแน่นขณะที่ส่งแรงกระแทกห้วงสุดท้ายเข้ามา
"อ่าห์..." เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นก่อนที่หลี่หรงเหยาจะได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอด พร้อมกับความอุ่นร้อนที่หลั่งไหลชโลมผนังภายในทั่วจนล้นทะลักออกมาภายนอก ซ้ำยังไหลลงไปบนเรียวขาขาวเป็นทางแลดูลามกยิ่ง เพียงไม่นานร่างสองร่างก็ล้มลงไปนอนทับกันบนฟูกนอนทั้งที่ยังไม่ได้ถอนกายจากช่องทาง
เนิ่นนานกว่าที่กงหยางหลวนซานจะยันกายขึ้น ก้าวลงจากที่นอนและหันมาช้อนกายผู้เป็นอาจารย์ขึ้นมาแนบอก
"อ่ะ เจ้าจะทำอะไรกันหลวนซาน" หลี่หรงเหยาเอ่ยถามด้วยใบหน้าแดงซ่าน เพราะท่วงท่าแบบนี้ทำให้ของเหลวด้านในยิ่งไหลย้อนออกมาด้านนอกจนหยดลงไปบนพื้นไม้อย่างน่าอาย
"ข้าจะพาท่านไปล้างเนื้อล้างตัวขอรับ" น้ำเสียงอ่อนละมุนทำให้หลี่หรงเหยาที่กำลังจะร้องค้านหุบปากฉับ ถึงในใจจะยังรู้สึกไม่เพียงพอกับรสสวาทที่อีกฝ่ายมอบให้และอยากได้อีกหลาย ๆ รอบ ถึงแม้ร่างกายจะไม่เจ็บปวดจากการร่วมรักเพราะสกิลเบื้องต้นที่ระบบมีให้ ทว่าเขาก็ไม่อาจลืมความจริงที่ว่าหลี่หรงเหยาคืออาจารย์หลี่ผู้แสนบริสุทธิ์ในสายตากงหยางหวนซาน หลังมีเพศสัมพันธ์ทางด้านหลังครั้งแรกเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ชอกช้ำ
อีกประการหนึ่ง ครึ่งมารหนุ่มเองก็ไม่ใช่คนโง่ หากเขาปล่อยให้อาการเสพติดกามราคะเข้าครอบงำจนเผลอตัวไป เป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นการหลุดคาร์แรคเตอร์ อาจโดนจับได้ว่าไม่ใช่อาจารย์หลี่ตัวจริงก็เป็นได้ เช่นนั้นแล้วเขาจึงต้องตั้งสติให้มั่น
ควบคุมตัวเองให้มากกกว่านี้!!
หลี่หรงเหยาหลับตาแน่นขณะที่ปล่อยให้ศิษย์คนสนิทอุ้มไปชำระร่างกายทั้งที่ในสมองยังเถียงกันให้วุ่น กว่าจะสะกดความต้องการอันมากล้นของตนให้เปลี่ยนกลับมาใช้ดวงตาใสซื่อมองกงหยางหลวนซานได้ ช่องทางด้านหลังก็ถูกล้วงควักเสียจนสะอาดหมดจด ทว่ายามที่กำลังจะเอ่ยปากขอบคุณครึ่งมารหนุ่มก็จัดการอุ้มเขาขึ้น ก่อนจะพามาวางลงบนเตียงหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในห้องนอนอีกห้องของเรือนพัก จัดการสวมเสื้อผ้าให้เขาก่อนจะจัดท่าทางให้เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาห่มให้จนถึงอก หากแต่ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่มีถ้อยคำใดออกมาจากปากเลยสักประโยค
คล้ายกับไม่อยากพูดจากับเขา เล่นเอาหลี่หรงเหยาขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์อยู่รอมร่อ
กงหยางหลวนซานเป็นอะไรไปอีกกัน?
"หลวนซาน เจ้าจะไปไหน" เสียงหวานแสร้งเอ่ยถามยามที่เห็นว่าศิษย์คนสนิทเดินห่างจากเตียงไป และกำลังจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่เหมือนกับจะไม่อยู่ในห้องนี้ต่อ มือหนาชะงักนิ่งก่อนจะหันกลับมาทว่าไม่ยอมสบตาเขาเลยแม้แต่น้อย
"ข้า...ไม่สามารถสู้หน้าท่านได้ขอรับ" มารหนุ่มว่าขณะที่ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่เช่นนั้น สิ้นคำตอบหลี่หรงเหยาก็มองพินิจอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ หากมองด้วยนิสัยที่แท้จริงแล้วกงหยางหลวนซานเป็นคนจิตใจดียิ่งนัก ที่บอกว่าไม่กล้าสู้หน้าอาจเป็นเพราะกำลังรู้สึกผิดที่เสนอตัวมาร่วมเตียงกับอาจารย์อย่างเขา โถเด็กน้อย เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะปล่อยให้ออกไปนั่งสำนึกผิดอยู๋คนเดียวได้หรือ
"เจ้าช่วยข้าไม่ใช่หรือ ใยต้องไม่กล้าสู้หน้า" หลี่หรงเหยาเอ่ยถามเสียงนุ่มเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นเหตุผลให้อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาเช่นนี้ นัยน์ตาสวยมองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูทว่าไม่นานก็เปลี่ยนเป็นใสซื่ออีกครั้งเมื่อกงหยางหลวนซานเงยหน้าขึ้นมาสบตา
"ซือจุน..."
"ข้าเสียอีกที่เป็นฝ่ายเรียกร้องสัมผัสจากเจ้า ต้องเป็นข้าสิที่ไม่กล้าสู้หน้า" มือน้อยยื่นไปหาอีกฝ่าย รอยยิ้มใจดีปนเศร้าสร้อยผุดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติจนครึ่งมารหนุ่มอ่อนหัดไม่มีโอกาสจะได้รู้ความจริงเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาคมได้แต่มองท่าทีอ่อนหวานนั้นด้วยความรู้สึกผิดที่เต็มล้นไปทั้งหัวใจ
"มาเถิด"
สุดท้ายครึ่งมารหนุ่มก็ไม่สามารถต้านทานอาจารย์ของตนได้ ร่างสูงทอดถอนลมหายใจบางเบาอย่างยอมจำนนก่อนจะเดินกลับมา คลานขึ้นเตียงและทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ให้หลี่หรงเหยาได้ซุกกายอิงแอบคลายความเหน็ดเหนื่อยจากสัมพันธ์สวาทเมื่อครู่
"เจ้าไม่ผิดเลย ข้าผิดเอง"
"ซอจุนขอรับ ท่านไม่ผิดเลยสักนิด" มือใหญ่ลูบต้นแขนเล็กเบา ๆ ก่อนจะกดจูบบนเส้นผมหอมละมุนอย่างปลอบประโลม หลี่หรงเหยาเห็นว่าอีกฝ่ายอ่อนลงเช่นนี้ก็เงยหน้าสบกับนัยน์ตาคม แสร้งปัดป่ายจมูกไปกับปลายจมูกของกงหยางหลวนซานอย่างไร้เดียงสาก่อนจะกล่าวออดอ้อนเสียงเบา
"เช่นนั้นแล้ว ขอข้าพักพิงในอ้อมกอดของเจ้าได้หรือไม่"
"...ได้เท่าที่ท่านต้องการเลยขอรับ" รอยยิ้มอ่อนหวานผุดขึ้นบนใบหน้างามล้ำอีกครั้ง ก่อนที่หลี่หรงเหยาจะซบกายลงบนแผ่นอกแข็งแรง ไร้ซึ่งประโยคสนทนาสานต่อ ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจของสองคนนอนที่กำลังกกกอดกันแนบชิดเท่านั้นที่ดังคลอเคล้ากับเสียงลมหนาวภายนอกเรือนพัก
ทว่ายังไม่ทันที่หลี่หรงเหยาจะหลุดเข้าไปในห้วงนิทรา เสียงยานคางโมโนโทนจากระบบก็พลันดังขึ้นในหัว
[แจ้งเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินภารกิจโดยการเสพสังวาสกับกงหยางหลวนซานจนสำเร็จ เจ้าหน้าที่จึงได้รับแต้มค่าความลุ่มหลงจากกงหยางหลวนซานเป็นจำนวน 40 คะแนน]
[โดยแต้มความลุ่มหลงนี้ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องทั้งสิ้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่เจ้าหน้าที่ก็จะมีโอกาสในการโน้มน้าวจิตใจของกงหยางหลวนซานให้ลุ่มหลงในตัวของหลงินชิวหรงน้อยลง และเปลี่ยนความตั้งใจในการทำลายภพทั้งสามมากขึ้นเท่านั้น]
[ขอให้เจ้าหน้าที่เฟรย์ คาร์ตัน ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป]
ใบหน้างามหยดย้อยเผยรอยยิ้มยินดี
แม้ว่านี่จะเป็นโลกแรกที่เขาได้เข้ามาทำภารกิจแต่ก็นับว่าไม่ได้แย่เลยสักนิด หากทุกอย่างยังราบรื่นแบบนี้ หนทางที่จะได้กลับไปมีชีวิตอยู่กับครอบครัวดังเดิมก็ยิ่งอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา