6 ต.ค. 2023 เวลา 02:30 • ธุรกิจ

โมเดลธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจเสือนอนกิน มูลค่านับล้านล้านบาท

นักลงทุนน่าจะคุ้นเคยกับตลาดหลักทรัพย์เป็นอย่างดี เพราะที่แห่งนี้ได้สร้างเศรษฐีมาหลายคนแล้ว
ผ่านการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียน เพื่อระดมทุน นำเงินไปขยายกิจการ จนความมั่งคั่งของนักธุรกิจ และนักลงทุนเติบโตไปพร้อม ๆ กับมูลค่ากิจการเป็นเงาตามตัว
2
ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ จึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของระบบทุนนิยมเลยทีเดียว
พออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่าเมื่อตลาดหลักทรัพย์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมากขนาดนี้ ตลาดหลักทรัพย์ก็คงจะเป็นของหน่วยงานรัฐ
1
แต่รู้หรือไม่ว่า ตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศเป็นธุรกิจเอกชน และสามารถจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เองได้ด้วย
หรือแม้กระทั่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของเราเอง ก็จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีการบริหารแบบธุรกิจเอกชนเช่นกัน
แต่ถูกกำกับโดยกระทรวงการคลังอีกทีหนึ่ง และไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
แล้วถ้าเราลองมาพิจารณาโมเดลธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจนี้จะมีความน่าสนใจมากแค่ไหน ?
2
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอนให้เข้าใจ
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจหน้าที่หลักของตลาดหลักทรัพย์ก่อนว่า ธุรกิจนี้ทำอะไรบ้าง
จริง ๆ แล้วตลาดหลักทรัพย์ ก็ทำหน้าที่ไม่ต่างจากตลาดสดเท่าไรนัก
เพราะหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์คือ การอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อที่ต้องการสินค้า มาเจอกับผู้ที่ต้องการขายสินค้า
เพียงแต่สินค้าในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่ของกินเล่น ไม่ใช่ของใช้ทั่วไป แต่เป็นหุ้น และตราสารทางการเงินอื่น ๆ นั่นเอง..
โดยที่ผู้ซื้อ คือนักลงทุน ที่ต้องการนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่สร้างผลตอบแทนที่ดี
ขณะที่บริษัท ก็ขายสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบต่าง ๆ เช่น หุ้นเพิ่มทุน, หุ้นกู้ โดยได้ผลตอบแทนเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจต่อไป
ดังนั้นแล้วตลาดหลักทรัพย์ก็เลยมีรายได้หลัก ๆ มาจาก
- ค่าธรรมเนียมหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยตลาดหลักทรัพย์จะได้รับรายได้ส่วนนี้ เมื่อมีบริษัทต้องการเข้ามาจดทะเบียนในตลาด
1
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังคิดค่าธรรมเนียมรายปีกับบริษัทที่อยู่ในตลาดอีกด้วย ซึ่งแทบไม่ต่างอะไรจากการเก็บค่าเช่าที่ในตลาดสดเลย
2
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยรายได้ส่วนนี้จะเรียกเก็บจากนักลงทุนเมื่อทำธุรกรรมซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในตลาด ตามสัดส่วนมูลค่าของธุรกรรม
- งานนายทะเบียนหลักทรัพย์ คือรายได้ที่เรียกเก็บจากการบริการเก็บข้อมูลหลักทรัพย์
1
ถ้าดูจากโครงสร้างรายได้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปี 2565 จะแบ่งออกเป็น
- รายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์ 33.2%
- งานนายทะเบียนหลักทรัพย์ 20.6%
- ค่าธรรมเนียมหลักทรัพย์จดทะเบียน 8.6%
- รายได้อื่น ๆ เช่น การบริการข้อมูล บริการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ 37.6%
ส่วนค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ก็คือ เงินเดือนพนักงาน เงินอุดหนุนที่ต้องส่งให้ ก.ล.ต. รวมถึงต้นทุนการพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพ
จะเห็นได้ว่ารายได้ของตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้จาก มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น หรือการมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดมากขึ้น
ขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ทำให้ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ เป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างสูง
โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ที่ 23.9%
1
ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง สูงถึง 58.1% และ 28.5% ตามลำดับ
3
เมื่อธุรกิจตลาดหลักทรัพย์กำไรดีแบบนี้แล้ว ถ้าในอนาคตตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเข้าตลาดหุ้น เหมือนตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น ๆ จะมีมูลค่าเท่าไร ?
ถ้าเราลองมาเปรียบเทียบกับบริษัท Hong Kong Exchanges and Clearing Limited ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะเห็นว่า
บริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,790,000 ล้านบาท ซื้อขายกันที่อัตราส่วนมูลค่าบริษัทต่อกำไร หรือ P/E 37 เท่า
1
ส่วนบริษัท Intercontinental Exchange เจ้าของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,300,000 ล้านบาท คิดเป็น P/E 42 เท่า
ถ้าเราลองนำกำไรปีล่าสุด ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาคูณกับ P/E ที่ 37-42 เท่า
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย น่าจะมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 52,000-59,000 ล้านบาท
ด้วยมูลค่ากิจการดังกล่าว จะทำให้บริษัท ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กลายมาเป็น 1 ใน 50 บริษัท ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์เลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ตลาดหุ้นแห่งแรกของโลกคือ ตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2145 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือมากกว่า 400 ปีมาแล้ว..
โฆษณา