Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
8 ต.ค. 2023 เวลา 15:04 • นิยาย เรื่องสั้น
อภินิหารขนแกะทองคำ
.
(Jason and the Argonauts 1963)
.
ภาพยนตร์เรื่องนี้แปลเป็นภาษาไทยก็คือ เจสันและลูกเรืออาร์โก เนื่องจากผู้ที่ต่อเรือลำนี้ชื่ออาร์กัส เป็นเทพนิยายกรีกอีกรื่องหนึ่งที่สนุกสนาน
แม้บทหนังจะอ่อนไปบ้างเพราะดัดแปลงมาจากเทพนิยายของกรีก ที่originalเนื้อเรื่องเป็นหนังคนละม้วนกันเลย
.
แม้เทคนิคตอนนั้นยังไม่ทันสมัยเท่าปัจจุบัน แต่ข้าพเจ้าก็ยังจำได้ว่าหลายฉากสามารถเรียกเสียงหัวเราะและฮือฮาได้ไม่นัอย บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์นี้คือโคลัมเบียพิคเจอร์ ส่วนผู้แสดงเป็นใครบ้างคงไม่ต้องกล่าวถึงเพราะไม่รู้จักเลย
สักคน
.
ท่านผู้อ่านสามารถหาภาพยนตร์ชุดนี้มาชมได้ทางยูทูบ ภาพคมชัดแถมพากษ์ไทยอีกต่างหาก ในยามที่ภาวะเศรษฐกิจยากลำบากมากในการดำรงชีวิต ข่าวแต่ละวันก็
มีแต่เรื่องหดหู่ ดูหนังอภินิหารย์ ปาฏิหารย์ ต่อสู้ ผจญภัย ทำให้ได้หัวเราะ ได้ลุ้น ได้ตื่นเต้น อาจช่วยให้ความเครียดน้อยลง
.
เจสันเป็นพระโอรสของกษัตริย์อริสโตแห่งเธสะรีที่ถูกเพไลอัสโค่นบัลลังก์ เจ้าหญิงไบร์ซีอุ้มน้องสาวชื่อฟิโลเมร่าหนีไปที่วิหารของเทพสตรีเฮร่า เธอสวดอ้อนวอนเพื่อขอให้เทพปกปักรักษาน้องทั้งสองโดยเอ่ยนามเทพสตรีเฮร่า 5 ครั้ง ก่อนที่เธอจะถูกเพไลอัสฆ่า
.
เฮร่าในร่างหญิงนักเทศน์ของวิหารได้บอกกับเพไลอัสว่า บุตรชายของอริสโตจะกลับมาทวงบัลลังค์คืน เขาเป็นชายที่สวมรองเท้าข้างเดียวชื่อเจสัน หากเพไลอัส
ทำร้ายเขาก็เท่ากับทำร้ายตนเอง
.
เพราะซีอูส(ซูส)ช่วยให้เพไลอัสทำงานได้สำเร็จเท่านั้น แต่ไม่ต้องการให้เขาฆ่าโอรสและธิดาของอริสโต หนังไม่ได้กล่าวถึงเจ้าหญิงฟิโลเมร่าเลย ทราบแต่ว่าเฮร่านำเธอไปดูแล
.
เจสันรอดชีวิตจากคืนที่แสนหฤโหดมาได้ในขณะที่เขายังเป็นเด็ก เพราะนายทหารคนสนิทของพ่อเป็นผู้พาเขาหนีไปอยู่ที่อื่น
เพื่อผึกวิชาการต่อสู้ และศาสตร์ต่างๆ เพื่อกลับมาทวงบัลลังก์คืน ในหนังไม่มีฉาก
นี้เพราะตอนนั้นอิทธิพลของหนังจีนยังไปไม่ถึง จึงละไว้ในฐานที่เข้าใจ หนังจีนตอนนั้นยังกึ่งๆงิ้ว ใช้ผู้หญิงแสดงเป็นพระเอก และเน้นเรื่องเพลง
.
เมื่อเจสันโตเป็นหนุ่มอายุ 20 ปี จึงกลับมาเพื่อทวงคืนความชอบธรรม ทางด้านเพไลอัสครองบัลลังค์มา 20 ปีเช่นกันโดยที่เขาไม่เคยมีความสุข คำทำนายมีผลต่อจิตใจเขา
.
วันหนึ่งเขาขี่ม้าออกไปเพียงลำพัง เฮร่าก็ทำให้ม้าตื่นตกใจจนทำให้เพไลอัสพลัดตกน้ำและมีสิ่งที่มองไม่เห็นใต้น้ำมาดึงเขาให้จมอีกด้วย
แต่แล้วก็มีชายหนุ่มชื่อ เจสัน มาช่วยไว้ เมื่อขึ้นจากน้ำเจสันเหลือรองเท้าเพียงข้างเดียว เจสันไม่รู้จักเพไลอัสจึงบอกความจริงเรื่องที่จะมาทวงคืนบัลลังก์
เพราะความเป็นทรราชของเพไลอัสบ้านเมืองจึงหาความสงบไม่ได้ พืชผลทางการเกษตรเสียหาย นี่เป็นตัวอย่างความอ่อนของบทที่เจสันไม่ได้รู้เลยว่าศัตรูหน้าตาเป็นเช่นใด
.
เจสันต้องการปาฏิหารย์ที่จะช่วยเขาให้ได้บัลลังก์คืนมา โดยไปนำขนแกะทองคำจากเมืองที่อยู่ไกลสุดขอบโลก แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ (เออ!เอากะเขาซิ) เพื่อมาช่วยเหลือชาวเมืองให้พ้นจากความยากลำบาก เพราะขนแกะทองคำคือของวิเศษ ที่สามารถช่วยให้บ้านเมืองกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
.
เพไลอัสจึงรีบสนับสนุนเพราะเขาไม่สามารถฆ่าเจสันได้ เดี๋ยวซีอูสโกรธขึ้นมาล่ะยุ่งแน่ อย่างน้อยก็มีเวลาอีกหลายเดือนที่เจสันไปไกลๆ เผลอๆเกิดเจสันสะดุดหัวแม่เท้าตัวเองตกเรือตายไปเขาก็หมดเสี้ยนหนามแต่เผื่อเหนียวไว้ก่อนเขาได้ส่งลูกชายชื่ออะคาธัส คอยประกบเจสันไว้อย่าให้ทำงานนี้ได้สำเร็จ
.
เมื่อเห็นว่าเจสันไม่เชื่อถือในพระเจ้า เฮเมสเทพแห่งความหวังจึงนำเจสันไปพบซีอูส ที่โอลิมปัส ฉากนี้ถือว่าฮือฮาทีเดียวในยุคนั้น ทำให้ข้าพเจ้าเพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่า Titans เพราะเมื่อเทียบเจสันกับเหล่าเทพไททัน เจสันสูงกว่าหมากรุกที่ซีอูสและมเหสีเฮร่ากำลังเล่นกันอยู่ไม่มาก
.
เฮร่าได้บอกกับเจสันว่านางจะช่วยเขาเพียง 5 ครั้งตามคำสวดที่ไบร์ซีพี่สาวเขาเอ่ยนามของพระนาง ตอนนี้ได้ช่วยไป1ครั้งแล้ว คือทำให้เขาได้พบและช่วยเหลือเพไลอัส ส่วนข้อที่ 2 ก็คือขนแกะทองคำมีอยู่จริง อยู่ที่เกาะคอนครีสดินแดนสุดขอบโลก
.
สมัยโบราณเชื่อว่าโลกแบน ชาวเรือจึงกลัวว่าหากออกเรือไปในที่ไม่รู้จักอาจตกโลกได้ ซีอูสเสนอความช่วยเหลือเรื่องเรือและลูกเรือแต่เจสันปฏิเสธ ซีอูสจึงกล่าวว่า "พระเจ้าจะช่วยเหลือผู้ที่ช่วยตัวเองก่อนเท่านั้น"
.
เจสันเปิดรับสมัครผู้กล้าและมีฝีมือเพื่อร่วมเดินทางไปหาของวิเศษด้วยกัน มีคนมาสมัครมากมายจนต้องคัดเลือกด้วยการแข่งขันรวมทั้งการต่อสู้ คนสำคัญที่เจสันได้มาคือ เฮอร์คิวลิส
.
แต่แล้วก็มีหนุ่มน้อยผู้หนึ่งชื่อไฮรัสเดินทางมาร่วมคัดตัวไม่ทัน จึงขอประลองกับเฮอร์คิวลิส หากเขาสามารถชนะจะต้องรับเขาไปด้วยซึ่งสร้างความขบขันให้นักสู้คนอื่นๆ
.
เพราะไม่มีใครแข็งแรงเท่าพี่เฮอร์ของเรา แล้วหนุ่มน้อยผอมบางอย่างนี้หรือจะมาเทียม แต่ไฮรัสบอกว่า สติปัญญามีความสำคัญไม่น้อยกว่าพละกำลัง ทั้ง 2 คนได้แข่งขว้างจักรที่ทำจากหินแบนๆไปที่โขดหินกลางทะเลที่อยู่ไกลออกไป
.
โดยเฮอร์คิวลิสต่อให้เขาเพียงครึ่งทาง แต่หนุ่มน้อยไฮรัสกลับบอกว่า ต้องแข่งก่อนจึงตัดสินได้ว่าใครจะถึงโขดหินและใครจะเลยโขดหินกันแน่ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะได้อย่างสนุกสนานจากผู้เข้าร่วมคัดเลือก
.
เฮอร์คิวลิสเป็นผู้เริ่มก่อนเขาสามารถขว้างจักรไปกระทบโขดหิน หนุ่มน้อยไฮรัสกลับใช้ความฉลาด โดยขว้างหินแฉลบไปตามผิวน้ำแล้วจึงเฉียงขึ้นข้ามยอดหินไปได้
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะพี่เฮอร์ถึงกับอุ้มไฮรัสขึ้นเป็นการยกย่อง เจสันกล่าวว่า "เวลานี้ข้าได้รวบรวมยอดฝีมือไว้ครบแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่เรือเท่านั้น"
.
.
อาร์กัสเป็นคนต่อเรือขนาดใหญ่ที่สุดที่เขาเคยทำมาคือ 40 ฝีพาย(ตามเทพนิยายคือ 50 ฝีพาย) มีแม่ย่านางซึ่งเรืออื่นๆอยู่ประจำหัวเรือหันหน้าออกสู่ทะเล แต่อาร์กัสเอาแม่ย่านางไว้ท้ายเรือ
แม่ย่านางของเขาคือเทพสตรีเฮร่าและหันหน้าเข้ามาในเรือ เพราะมีเสียงกระซิบสั่งให้ทำเช่นนั้น
.
หนังไม่ได้บอกว่าเจสันไปเอาเงินทองที่ไหนมากมายมาสร้างเรือ ผู้ชมในยุคนั้นก็ไม่มีใครสงสัยเลย ถ้าให้เดาคงเป็นเพไลอัสออกให้ เจสันจะได้ไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที
.
เรืออาร์โกออกเดินทางมา 5 วันโดยไม่มีจุดหมาย (เฮ้อ!ตูละแสนเบื่อจริงๆเล้ย) น้ำดื่มเริ่มร่อยหรอ พลพายมือแตกพอง อาร์กัสจึงแนะนำให้ใช้น้ำทะเลช่วยรักษา
.
เจสันจำต้องขอความช่วยเหลือพรข้อที่ 3 จากเฮร่า เธอแนะนำให้ไปทางทิศเหนือดินแดนแห่งโลหะสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นเกาะของเฟลิตัส
เทพเฟลิดัสเป็นเทพแห่งไฟและนักประดิษฐ์ ในเรื่องClash of the Titans เขาเป็นผู้ประดิษฐ์นกเค้าแมววิเศษชื่อบูโบ
.
ตอนนี้ท่านเทพไม่อยู่เฮร่าจึงแนะนำให้ไปที่นั่น โดยมีข้อแม้ว่า อาหารและน้ำเท่านั้น ห้ามแตะต้องสิ่งอื่นโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้น ทาลอส จะมาจัดการกับพวกเจ้า
.
เรืออาร์โกขึ้นฝั่งที่เกาะของเฟลิตัส ซึ่งมีอาหารและน้ำดื่มอุดมสมบูรณ์ ทุกคนพากันขนน้ำและอาหารขึ้นเรืออย่างสนุกสนาน ทางด้านเฮอร์คิวลิสผู้มีร่างกายใหญ่โตและแข็งแรง(ไฮรัสเป็นผู้พูดว่าแต่สมองน้อย) เขาเก่งกว่าทุกคนบนเรือลำนี้ จึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจสัน
.
เขาและไฮรัสไปพบกรุสมบัติของเทพเจ้าอยู่ในห้องเก็บสมบัติ ใต้รูปหล่อที่ทำด้วยสัมฤทธิ์(โลหะผสมระหว่างทองแดงและดีบุก บางคนเรียกบรอนซ์) ชื่อ ทาลอส
.
เฮอร์คิวลิสหยิบเข็มทองคำขนาดเท่าหอกติดมือมา แล้วเขากับไฮรัสก็ไปยืนจ้องรูปปั้นทาลอสที่หันหน้ามองไปทางอื่น ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย
.
ฉากนี้เรียกเสียงฮาได้สนั่นโรงหนังเลยทีเดียว เมื่อทาลอสค่อยๆหันหน้ามามอง 2 สหายและขยับตัวลงจากแท่น ตอนนั้นเจสันและลูกเรือเตรียมที่จะออกเรือ แต่เฮอร์คิวลิสกับไฮรัสยังไม่มา มาแต่ทาลอสโผล่มาจากช่องเขา
.
ทุกคนพากันเผ่นขึ้นเรือและออกแรงพายกันอย่างสุดกำลังเพื่อออกสู่ช่องแคบ หากพ้นช่องแคบนี้ก็ออกสู่ทะเล ทาลอสก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
.
นี่ก็เป็นอีกฉากที่เรียกเสียงฮาและฮามากกว่าทาลอสหันหน้ามาอีก เพราะเรือของพวกเจสันพายเลาะชายฝั่งที่มีเขาบังคนบนเรือไม่มีใครเเห็นทาลอส แต่ผู้ชมสามารถเห็นทาลอสซึ่งตัวสูงกว่าภูเขากำลังเดินอ้อมหลังเขา เพื่อไปดักหน้าพวกของเจสันที่ช่องแคบ
.
ทาลอสหยิบเรือขึ้นมาเหมือนของเล่น แล้วเขย่าให้คนบนเรือตกน้ำ จากนั้นก็โยนเรือลงน้ำจนแม่ย่านางหัก ทุกคนยกเว้นเจสันต่างพากันว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอด เจสันว่ายน้ำไปหาเฮร่าเพื่อขอคำแนะนำในการปราบทาลอส
.
นี่คือพรข้อที่ 4 ซึ่งเฮร่าบอกให้เจสันดูที่ส้นเท้าทาลอส เจสันจึงให้ลูกเรือซึ่งตอนนี้ทั้งพี่เฮอร์และไฮรัสก็มาสมทบไปล่อทาลอส ตัวเขาเองซ่อนตัวเพื่อแอบดู
.
เมื่ออยู่ในระยะใกล้ เจสันจึงเห็นว่าข้อเท้าข้างหนึ่งของทาลอสมีช่องโหว่จากการหล่อ เฟลิตัสใช้แผ่นโลหะปิดไว้ชั่วคราวเพื่อซ่อมในภายหลัง เจสันจึงใช้อาวุธออกแรงงัดแผ่นโลหะนี้ซึ่งปรากฎว่ามีของเหลวสีแดงคล้ายเลือดไหลออกมามากมาย
.
เฮอร์คิวลิสทำเข็มทองตก ไฮรัสเป็นคนเห็น เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปเก็บให้และเป็นเวลาเดียวกับที่ทาลอสล้มลงมาทับเขาตายโดยไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เพราะต่างก็พากันวิ่งหลบหนี
1
.
เฮอร์คิวลิสรวมทั้งคนอื่นๆพากันตามหาเพื่อนแต่ก็ไม่พบ เจสันไม่สามารถรอต่อไปได้จึงสั่งให้ออกเรือโดยไม่มีเฮอร์คิวลิสและไฮรัส
เพราะเฮอร์คิวลิสขอแยกตัว หากเขาไม่พบไฮรัสก็จะไม่ไปจากเกาะนี้ พวกลูกเรือก็ไม่ยอมออกเรือหากไม่มีเฮอร์คิวลิส
.
เจสันจึงจำต้องใช้พรข้อที่ 5 ซึ่งเป็นข้อสุดท้าย โดยการถามคำถามเฮร่าต่อหน้าทุกคนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เฮร่าตอบว่า "นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะช่วยเจ้าเจสัน ไฮรัสตายแล้ว ซีอูสให้เขามาถึงเพียงแค่นี้
.
ส่วนเฮอร์คิวลิสพระองค์มีงานอื่นให้เขาทำ ส่วนเจ้าจงไปที่ฟีเจียและหาชายตาบอด
ที่ชื่อฟีเนียสเขาจะช่วยเจ้าได้" ด้วยเหตุนี้ลูกเรือจึงยอมออกเดินทางต่อเพื่อไปฟีเจีย
.
ฟีเนียสเป็นชายตาดีเหมือนคนอื่นๆ ซีอูสได้ให้พรเขาเป็นผู้หยั่งรู้แต่เขาใช้มันในทางที่ผิดจึงถูกลงโทษให้ตาบอด ฟีเนียสรำพึงรำพันว่า "ท่านเทพข้าไม่ได้ทำผิดทุกวัน แต่ทำไมท่านถึงลงโทษข้าทุกวัน ทำไมไม่ทำให้ข้าตายไปเสียเลย"
.
ที่เขาต้องต่อว่าท่านเทพเช่นนี้ เพราะทุกๆวันจะมีผู้แอบนำอาหารมาให้ แต่พอเขาเริ่มรับประทานก็จะมีนกผี(รูปร่างเหมือนคนทาสีดำ มีปีก ข้าพเจ้าว่าคล้าย ค้างคาวผีมากกว่า) มาแย่งอาหารทุกมื้อ ฟีเนียสจึงต้องอดกินอาหาร ทั้งๆที่เขาพยายามซ่อนอาหาร แต่พวกมันก็มีวิธีเอาไปจนได้
.
เจสันและลูกเรือได้หาวิธีจับนกผีใส่กรงอย่างไม่ยากเย็น ฟีเนียสจึงบอกทางไปคอนครีส โดยการแล่นเรือไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือใช้เวลา 5 วัน ก็จะพบก้อนหินมรณะ เมื่อผ่านก้อนหินมรณะ เดินทางไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นชายฝั่งคอนครีส
เขาได้ถามเจสันว่า "ท่านมีเทพอะไรคุ้มครองหรือ" เมื่อเจสันตอบว่า"ไม่มี" เขาก็บอกว่า "ถ้าไม่มีเทพคุ้มครองก็ผ่านหินมรณะไม่ได้"
.
จากนั้นฟีเนียสได้ให้ของสิ่งหนึ่งแก่เจสัน เป็นรูปปั้นสูงประมาณไม่ถึงคืบไว้ห้อยคอมีรูปร่างเป็นเงือกผู้ชาย คือ ท่อนบนเป็นคนท่อนล่างเป็นปลา
.
จากการ search หาข้อมูลพบว่า ทาลอส ฟีเนียสและเทพเงือกไม่มีในเทพนิยายกรีก ใกล้เคียงที่สุดของเทพเงือก คือ โพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทรที่ขี่ม้าน้ำ
.
คณะของเจสันเดินทางต่อไปจนถึงช่องแคบที่แคบมากแห่งหนึ่ง ทุกอย่างเงียบสงบมากจนอาร์กัสกลัว ประสบการณ์หลายสิบปีที่ผ่านมาสอนให้เขารู้ว่า ทะเลที่เงียบสงบนั้นจะวางใจไม่ได้เพราะเหตุร้ายกำลังจะตามมา
.
ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ปรากฎเรือลำหนึ่งกำลังเข้ามาในช่องแคบนี้ เมื่อเรือผ่านเข้ามาได้ระยะหนึ่ง ภูเขาหินทั้งสองข้างก็เริ่มสั่นสะเทือน มีก้อนหินทั้งเล็กและใหญ่ร่วงลงมา แม้แต่เรือของเจสันก็ได้รับผลกระทบ
.
เกิดคลื่นรุนแรง.ภาพตรงหน้าที่เห็นก็คือเรือลำเมื่อครู่ได้อับปางลง แต่เจสันก็สั่งให้เดินเรือต่อ เขากำรูปปั้นเงือกและสวดอ้อนวอน ขอให้ผ่านไปอย่างปลอดภัยในใจ
แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น ยิ่งเข้าใกล้จุดที่เรืออับปางสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้าย ในที่สุดเจสันก็หมดความอดทนที่จะขอต่อพระเจ้า เขาได้ขว้างสิ่งที่ฟีเนียสให้มาลงน้ำ
.
ทันใดนั้นก็มีฟองอากาศขึ้นจากน้ำขนาดมหึมา ตามด้วยชายที่มีร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์(ประมาณซีอูสที่เจสันไปเจอที่โอลิมปัส) ท่านเทพใช้แขนทั้งสองข้างยันหินผาทั้งสองด้านที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหากันเพื่อบดขยี้เรือทุกลำที่ผ่าน เป็นการเปิดทางให้เรือของเจสันผ่านไปอย่างปลอดภัย
.
เมื่อเรือสามารถผ่านช่องแคบนี้ได้ เจสันจึงหันกลับไปมองอีกครั้ง เขาได้เห็นเทพเงือกกำลังค่อยๆดำลงไปในน้ำ โดยมีหางขนาดยักษ์เหมือนหางปลาให้เห็นชั่วแวบ
.
เรือลำที่อับปางมีผู้รอดชีวิต 3 คน 1 ในนั้นคือ มีเดีย นักเทศน์หญิงสาวแสนสวยแห่งโบสถเฮคะธี มีเดียเดินทางมาโปรยดอกไม้เพื่อบูชาหินมรณะ โดยเดินทางจากคอนครีสตอนเช้ามืดของวันนี้ เท่ากับเจสันเดินทางมาถึงคอนครีสแล้ว
.
มีเดียได้ขอแยกทางไปเมื่อขึ้นฝั่ง เจสันต้องการไปสืบดูลาดเลาเพียงลำพัง แต่อะคาธัส(ลูกชายเพไลอัส) ต้องการไปด้วย เจสันไม่ไว้ใจอะคาธ้สตั้งแต่ตอนอยู่ที่ช่องแคบ เพราะเห็นอะคาธัสจงใจให้ยามบนเสากระโดงเรือที่คอยเฝ้าดูสถานการณ์ ตกทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง จนไม่มีใครช่วยเขาได้
.
เจสันจึงบอกกับอะคาธัสว่า เขาเกรงอะคาธัสลอบแทงเขาด้านหลัง จึงเกิดการต่อสู้แล้วอะคาธัสตกน้ำไป เจสันส่งคนลงไปจับตัวก็ปรากฎว่าคนของเจสันเป็นศพโดยไม่พบร่องรอยอะคาธัส จึงเข้าใจว่าเขาคงตายแล้ว
.
ที่โบสถเฮคะธี มีเดียเต้นรำบูชาเทพ(ดาราสมัยโน้นแต่ละคนสวยอรชรจริงๆ)โดยมี
เอติเตสราชาของคอนครีสมาร่วมด้วย แล้วมีเดียก็ประกาศว่า "วันนี้เราได้ต้อนรับผู้
มาเยือนชื่อเจสันขอให้ก้าวออกมา"
.
เจสันจึงก้าวออกมาโดยมีราชาต้อนรับอย่างดีและถามถึงเหตุผลในการมา เจสันตอบว่าเพื่อสันติภวพ ส่วนจำนวนคนที่ขนกันมาเขาตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ราชาได้ขอให้เจสันพาลูกเรือทุกคนมาร่วมเลี้ยงฉลอง(โดยที่เจสันของเราก็หาได้เฉลียวใจไม่ (ช่างเป็นพระเอกที่มองโลกสวยเสียนี่กระไร)
.
เมื่ออิ่มกันแล้วราชาก็เปลี่ยนท่าทีจากมิตรกลายเป็นคู่อาฆาตทันที เขาได้บอกเจสันว่าเขารู้วัตถุประสงค์ของเจสันที่ต้องการมาขโมยขนแกะทองคำของเขา ขนแกะนี้เป็นของขวัญจากพระเจ้า มันได้นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ดินแดนที่ครอบครอง
.
จากนั้นราชาเอติเตสได้สั่งทหารคุมตัวเจสันและพวกไปคุมขังรอการประหาร โดยผู้ที่เปิดเผยให้รู้ถึงแผนการนี้คือ อะคาธัส โอรสของเพไลอัส เจสันจึงเพิ่งถึงบางอ้อ
.
มีเดียมอมเหล้าทหารยามแล้วช่วยพวกเจสันหนี เธอทำไปด้วยความรักที่มีต่อเจสัน จนยอมทรยศต่อบ้านเกิดของเธอ เธอพาเจสันไปยังที่เก็บขนแกะทองคำ ส่วนคนอื่นๆไปรอที่เรือและเตรียมพร้อมที่จะหนี
.
เจสันกำลังเอื้อมมือไปจะปลดขนแกะทองคำออกจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่ได้เฉลียวถึงอันตรายใดๆ ทันใดนั้นทางด้านหลังของเขาก็ปรากฎร่างของมังกร7หัว โดยที่หางมังกรได้รัดร่างของอะคาธัส ที่ส่งเสียงตรางด้วยความทรมาน
.
โชคดีของเจสันที่อะคาธัสดอดมาก่อน มิเช่นนั้นร่างที่มังกรรัดอาจเป็นเจสันแทน เพราะมีเดียเองก็ไม่เคยรู้เรื่องมังกรนี้ เธอรู้เพียงที่ซ่อนขนแกะทองคำเท่านั้น
ในที่สุดเจสันก็สามารถปราบมังกรได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทั้งนี้คงเป็นเพราะมังกรมี
หัวมากเกินไปเลยเกะกะกันเอง
.
อาร์กัสเห็นเจสันหายไปนานเลยมาตามและพาคนมาด้วย 2 คน ขณะเดียวกันราชา
เอติเตสก็ทรงทราบว่านักโทษหนีหายไปหมดแล้ว ที่แรกที่พระองค์ตามมาก็คือต้น
ไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บขนแกะทองคำ
.
พระองค์ได้พบว่าขนแกะทองคำหายไปแล้วจริงๆ พระองค์พบแต่ศพของมังกร7หัว และ ศพของอะคาธัส ราชาเอติเตสแค้นมาก พระองค์สั่งทหารถอยออกมา แล้วจึงประกาศแก่เหล่าเทพให้ช่วยให้พระองค์ได้แก้แค้น ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟพวยพุ่งมาเผามังกรยักษ์จนเหลือแต่โครงกระดูก
.
พระราชาให้ทหารไปเก็บฟันมังกรซึ่งมีอยู่ 7 ซี่ มาให้พระองค์ จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของเทพ (เผลอๆก็ซีอูสเจ้าเก่า) ราชาเอติเตสก็ได้สร้างกองทัพปีศาจขึ้นมา 7 ตน เจสันจึงให้อาร์กัสพามีเดียหนีลงเรือไปก่อน เขากับลูกนัอง 2 คนคอยระวังหลัง
.
ระหว่างที่กำลังหนี มีเดียถูกยิงด้วยธนูและทำท่าจะไม่รอด เจสันจึงใช้ขนแกะทองคำคลุมร่างเธอไว้ เธอจึงมีชีวิตรอดและส่งยิ้มกับเจสัน
จนคนพากษ์(สมัยก่อนใช้วิธีพากษ์สด)ต้องบอกว่า "มัวแต่ยิ้มกันอยู่นั่นแหละเดี๋ยวก็หนีไม่ทันหรอก" คนดูต่างก็พากันปรบมือชอบอกชอบใจ
.
กองทัพปีศาจ 7 ตนนั้นเป็นปีศาจโครงกระดูกมีอาวุธครบมือ ทั้งโล่ห์ และดาบ ใหม่ๆ
ก็ยีนนิ่งๆดูไม่มีพิษสง แต่พอราชาสั่งให้จัดการ จู่ๆทุกตัวก็ย่อตัวเตรียมรบและก้าวย่างอย่างมีระบบ เรียกเสียงปรบมือและฮือฮาจากคนดูได้สนั่นโรงภาพยนตร์ทีเดียว
.
เจสันและพวกต่อสู้พลางถอยพลาง(ถอยไปทางทะเล) ผลการสู้รบแน่นอนว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เจสันเสียลูกน้องไปทั้งสองคนเหลือเขาคนเดียว กองทัพปีศาจไล่ต้อนเขาจนถึงหน้าผาริมทะเลโดยมีเรืออาร์โกจอดรออยู่ไม่ไกลนัก(หนังไม่ได้บอก
แต่เดาได้)
.
เจสันจึงใช้กระบวนท่าสุดท้ายก็คือการเผ่นหนี ด้วยการกระโดดลงน้ำ ปีศาจโครงกระดูกเห็นเจสันหนี พวกมันก็ส่งเสียงกริ้วกร๊าวดีอกดีใจไล่ตาม และกระโดดน้ำ
เลียนแบบด้วย
แต่ปรากฎว่าไม่มีปีศาจตนไหนโผล่ขึ้นมาสักตัว ท่ามกลางเสียงปรบมือ เสียงหัวเราะ และโห่ร้องของคนดูทั้งโรงภาพยนตร์ ที่เอาใจช่วยเจสันจนดังกึกก้อง
.
หนูนิ
.
หมายเหตุ!
.
1. ภาระของเจสันยังไม่จบสิ้น ระหว่างนี้ซีอูสปล่อยให้มีความสุขกับมีเดียไปก่อน
.
2. รายการหนังพาไปของ Thai PBS เคยบอกว่าโรงภาพยนตร์ที่อินเดียสนุกที่สุดไม่เหมือนใครในโลก เพราะคนดูมีส่วนร่วมด้วย ขอโทษค่ะน้องยอดและน้องบอล เมืองไทยมีมาก่อนแล้วตั้งแต่น้องทั้ง 2 ยังไม่เกิด ค่ะ
2 บันทึก
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย