Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
13 ต.ค. 2023 เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ปีนี้! กองทุน “ผลงานดีสุด” เป็นกลุ่ม “กองหุ้นเทคฯ” โชว์ผลตอบแทนสูงสุด +66.89%
ส่วน “ดิ่งหนักสุด” มาจาก “กองหุ้นจีน” ตั้งแต่ต้นปีติดลบไป -36.58% !!!
1
สาระ Fund วันละนิด: รู้หรือไม่?...ผ่าน 9 เดือนแรกมา ผลงานกองทุนทั้ง 39 ประเภท (ที่มา:
aimc.or.th
) มีที่ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกและลบใกล้เคียงกัน
โดยมี 20 กอง คิดเป็น 51% ที่ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็น “บวก” ในขณะที่อีก 19 กอง คิดเป็น 49% มีผลตอบแทนเฉลี่ยเป็น “ลบ”
“กองหุ้นเทคโนโลยี” เป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุด +21.48% ตามมาด้วย “กองหุ้นญี่ปุ่น” +16.70%, “กองทุนน้ำมัน” +15.10%, “กองหุ้นเวียดนาม” +13.82% และ “กองหุ้นสหรัฐ” +12.29%
ส่วนกลุ่มกองทุนที่ผลตอบแทนเฉลี่ยดิ่งมากสุด ได้แก่ “กองหุ้นพลังงาน” -16.66% ตามมาด้วย “กองหุ้นจีน” -13.83%, “Fund of Property Funds-Thai” -11.67%, “กองดัชนีSET50” -8.99% และ “กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก” -8.58%
จะเห็นว่า “กองหุ้นไทย” ไปติดกลุ่มผลงานดิ่งหนักสุดถึง 2 ประเภทเลยทีเดียวในปีนี้
แล้ว 5 กองทุน ที่ผลงาน “ดีสุด-แย่สุด” ของแต่ละกลุ่มในปีนี้ มาจากกลุ่มไหนบ้างนั้น? ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ ได้รวบรวบรวมเอาไว้ให้แล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
5 "กองทุน" ผลงานดีสุดจาก "5 กลุ่ม" ตั้งแต่ต้นปี...โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ย +40.12%...แชมป์มาจากกลุ่ม “กองหุ้นเทคฯ” +66.89%
อย่างไรก็ตาม ถ้าคัดมาดูเฉพาะกองทุนที่มีผลงาน “ดีสุด-แย่สุด” ของแต่ละกลุ่มออกมาดูแล้ว ภาพอาจจะแตกต่างออกไปบ้างเล็กน้อย (ที่มา:
morningstarthailand.com
) โดย 5 กองทุน ที่มีผลงานดีสุดของแต่ละกลุ่มนั้น มาจาก 5 กลุ่มกองทุนดังนี้
1.กองหุ้นเทคโนโลยี: ได้แก่ “ASP-DIGIBLOC-SSF: กองทุนเปิดแอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน เพื่อการออม” ของบลจ.แอสเซท พลัส ทำผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันได้ +66.89% เน้นลงทุนหุ้นบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) และ/หรือบริษัทที่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจและ/หรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือบริษัทที่ได้รับประโยชน์จาก การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
2
2.กองหุ้นสหรัฐ: ได้แก่ “MEGA10RMF: กองทุนเปิด MEGA 10 เพื่อการเลี้ยงชีพ” ของบลจ.ทาลิส +51.56% เน้นลงทุน เน้นลงทุนหุ้นผู้นำตราสินค้า (Brand Value) จากการจัดอันดับโดยสถาบันจัดอันดับตราสินค้า (Brand) ระดับสากล และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และที่มีสภาพคล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ (NYSE/NASDAQ)
3.กองหุ้นญี่ปุ่น: ได้แก่ “ASP-NGF: กองทุนเปิดแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท” ของบลจ.แอสเซท พลัส +31.20% เน้นลงทุนสร้างการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น
4.กองหุ้นตลาดเกิดใหม่: ได้แก่ “KWI EE EURO: กองทุนเปิดเคดับบลิวไอ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป เอฟไอเอฟ” ของบลจ.เคดับบลิวไอ +27.53% เน้นลงทุนหุ้นในแถบยุโรปตอนกลางและตะวันออก เช่น ประเทศรัสเซีย สาธารณรัฐเชค ฮังการี โปแลนด์ เป็นต้น
5.กองหุ้นเวียดนาม: ได้แก่ “PRINCIPAL VNEQ-X: กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ” ของบลจ.พรินซิเพิล +23.42% เน้นลงทุนหุ้นเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและ/หรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม
5 "กองทุน" ผลงานดิ่งหนักสุดจาก "5 กลุ่ม" ตั้งแต่ต้นปี...ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ -28.86% ที่ร่วงหนักสุดมาจากกลุ่ม “กองหุ้นจีน” -36.58%
ส่วนกองทุนที่มีผลงาน “ดิ่งหนักสุด” ของแต่ละกลุ่ม จะพบว่า 5 กองทุนที่ดิ่งหนักสุดมาจาก 5 กลุ่ม เรียงลำดับ ดังนี้
1.กองหุ้นจีน: ได้แก่ “UCI-SSF: กองทุนเปิดยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ – หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม” ของบลจ.ยูโอบี ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีติดลบ -36.58% เน้นแสวงหาผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นจีน (A-Shares) ได้แก่ Shanghai Stock Exchange (SSE) และ Shenzhen Stock Exchange (SZSE) ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม และแนวโน้มการเติบโตในด้านต่างๆ (trends)
2.กองหุ้นพลังงานทางเลือก: ได้แก่ “PRINCIPAL GCLEAN-A: กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล คลีน เอ็นเนอร์จี ชนิดสะสมมูลค่า” ของบลจ.พรินซิเพิล -34.30% เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี S&P Global Clean Energy
3.Global Sector Focus Equity: ได้แก่ “ASP-POWER: กองทุนเปิดแอสเซทพลัส ฟิวเจอริสติก พาวเวอร์ ซัพพลาย แอนด์ โมบิลิตี้” ของบลจ.แอสเซท พลัส -29.26% เน้นลงทุนหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์หรือใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานทดแทน และ/หรือ Clean energy เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ ลม คลื่น เป็นต้น รวมถึงแหล่งพลังงานอื่นๆ ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ เช่น บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) บริษัทที่ผลิตแบตเตอร์รี่ลิเธียม เป็นต้น
4.กองหุ้นใหญ่: เป็นกลุ่ม “กองหุ้นไทย” ที่ติดโผเข้ามาเช่นกันในปีนี้ ได้แก่ “SCBSEP: กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์(ชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม/บุคคล) ของบลจ.ไทยพาณิชย์ -22.18% ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยจำนวนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์
5.กองหุ้นสุขภาพ: ได้แก่ “SCBIHEALTH(A): กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Healthcare Innovation ชนิดสะสมมูลค่า” ของบลจ.ไทยพาณิชย์ -21.97% เน้นสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยจะลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพซึ่งเป็นธีมการลงทุนของกองทุน และเป็นนวัตกรรมในด้านนั้น เช่น การวินิจฉัยโรค การรักษาและการป้องกันโรค เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของผลงานกองทุน โดยมองผ่านกองทุนที่มีผลงาน “ดีสุด-แย่สุด” ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเพื่อใช้เป็นตัวแทนของแต่ละประเภทกองทุนนั้นๆ เป็นสำคัญ ซึ่งก็เป็นโอกาสการลงทุนได้ทั้งคู่ ทั้งกลุ่มที่บวกอยู่ก็อาจจะไปต่อได้ หากโมเมนตัมมีต่อเนื่อง
หรือกลุ่มที่ดิ่งหนักก็เช่นกัน อาจจะร่วงมาจนระดับราคากลับมาน่าสนใจอีกครั้งก็เป็นได้ แต่ที่สำคัญ “การจัดสรรเงินลงทุน” (Asset Allocation) อย่างเหมาะสม ยังเป็นกุญแจที่สำคัญในการลงทุนที่ไม่ควรละเลย ทั้งช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีด้วยในระยะยาว
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
41 บันทึก
29
50
41
29
50
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย