18 ต.ค. 2023 เวลา 12:03 • การ์ตูน

EP : 301 Watanabe สวรรค์ส่งมาอลเวง ... repost

ถ้านับจากที่ผมได้อ่านงานมังงะขึ้นหิ้งในดวงใจของผมอย่าง “ดอกฟ้ากับนายกระจอก” ผลงานของ อ. Kobonochi Eisaku เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้วนั้นก็มี เรื่อง Chocolat ショコラ (KuBoNoUchi EiSaKu) มาเฟียซ่า ป๋าช็อคโกแลต 2547-2549 และ Cherry หนุ่มบ้านนากับนางฟ้าจอมเปิ่น อีก 2 เรื่องนี้เท่านั้นที่มี สนพ. ในไทยซื้อมาพิมพ์ให้อ่านกัน
จริงๆต้องบอกว่า ดอกฟ้ากับนายกระจอกนี้ ออกมาเวอร์ชั่นแรกๆ นี่กับ สนพ แนวหน้า ผมจำไม่ได้ว่าแบบลิขสิทธิ์หรือเปล่า แต่ด้วยความดังและความสนุกทำให้มีออกมาหลายเวอร์ชั่นมาก มากกว่าที่ผมคิดไว้ว่ามีซัก 2-3 เจ้าที่นำมาพิมพ์ซะอีก
แต่ก็ยังมีอีกเรื่องนึงที่มี สนพ ไพเรทในไทยได้เคยพิมพ์เอาไว้ นอกเหนือจาก 3 เรื่องที่กล่าวมาครับ โดยเรื่องนั้นก็คือ Watanabe สวรรค์ส่งมาอลเวง ที่ต้องบอกว่าผมมารู้ว่ามีเรื่องนี้ตอนที่ออกเล่มจบออกมาแล้ว ซึ่งเล่มแรกๆ ผมหาซื้อไม่ได้เลย ด้วยความเงียบในการออกเรื่องนี้และต้องบอกว่าแนวงานของ อ. เขานั้น อาจไม่ใช่แนวสายหลักทำให้กระแสในบ้านเราเงียบราวกับไม่มีเลยทีเดียว นั่นทำให้กว่าผมจะหาเล่มครบและอ่านจบได้นั้นผมต้องรอมากว่า 20 กว่าปีเลยทีเดียวครับ
อะไรคือเอกลักษณ์ของผลงาน อ. เขาเหรอครับ ต้องบอกว่า อ.เอซากุ นี้สมบูรณ์แบบในทุกๆด้านอีกคนก็ว่าได้ครับ ตั้งแต่ลายเส้นที่หวานชวนฝัน วาดสาวๆ ออกมาได้น่ารัก ขณะเดียวกันหนุ่มๆก็ออกมาดูดี และชวนฮาไม่แพ้กัน รวมถึงลายเส้นฉากและดีเทล์ต่างๆ ที่เรียกว่าจัดเต็มสุดยอดตลอดมาครับ ความสมจริงของสถานที่ ฉาก และสิ่งต่างๆที่ปรากฎอยู่ในแต่ละตอนมันสะท้อนให้เราเห็นว่า
ความละเอียดและความใส่ใจในแต่ละตอนของ อ. ในการผลิตออกมาแต่ละครั้งนั้นต้องทุ่มเทและใส่ใจแค่ไหน ซึ่งตรงส่วนนี้ส่งผลให้หลังๆ บางจังหวะผมก็ได้เห็น อ. รับวาดงานโฆษณาของญี่ปุ่นอยู่เรื่อยๆครับ เพราะลายเส้นที่สะดุดตาของ อ. นี่แหล่ะครับ
ลายเส้นว่าสมบูรณ์แบบแล้ว เนื้อเรื่องก็สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกันครับ ต้องเรียกว่าตอนออก ดอกฟ้ากับนายกระจอกและผมได้อ่านตอนเรียน ม. ต้นหรือ ม.ปลาย ในยุค 90 ที่การต่อสู้ประเคนพลังคือสิ่งที่ทำให้การ์ตูนหลายเรื่องโด่งดัง ต้องเรียกว่าเป็นยุคแห่งการ์ตูนต่อสู้อย่างแท้จริงนั้น กลับสามารถมีเนื้อเรื่องความรักและการใช้ชีวิตของคนธรรมดาแทรกขึ้นไปอยู่บนหิ้งและหนังสือในดวงใจผมได้นั้น
ต้องบอกว่าสุดยอดมากๆ เนื้อหาสื่อถึงความเรียบง่ายและมองหาได้ทั่วไปในสังคม ณ ตอนนั้น ถูกเล่าและสื่อสารออกมาได้อย่างน่าอ่าน มอบทั้งความสุข เสียงหัวเราะและความประทับใจให้กับคนหลายๆคน อย่างน้อยก็ผมตลอดมา นั่นคือความยอดเยี่ยมของผลงานของ อ. เขาที่อยู่ในใจผมตลอดมาครับ
การเล่าเรื่อง รวมถึงมุขตลกเป็นอีกสิ่งที่ อ ทำได้ดีตลอดมาในผลงานของ อ. เขาเสมอครับ เราอาจไม่เจอปัญหาหนักสุดๆ ระดับโลกแตก หรือดับสลาย แต่ปัญหาในเรื่องจะเป็นปัญหาของคนทั่วไปที่คุณอาจเคยเจอ และหนทางในตอนสุดท้ายอาจเป็นฉากหนึ่งในชีวิตของคุณ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ในผลงานของ อ. เสมอ มาครับ
ตัดกลับมาที่ Watanabe ครับ เรื่องนี้อาจมีความแตกต่างจากที่ผมบอกอยู่บ้าง เพราะเรื่องนี้นำตัวละครจากนอกโลกที่ชื่อญี่ปุ่น อย่าง Watanabe จากดาว คานาย ที่อยู่ห่างจากโลกเรากว่า 2หมื่นปีแสง มาให้เรารู้จักครับ วาตานาเบ้ ที่เดินทางมายังโลกเพื่อศึกษาสิ่งต่างๆของโลกที่เขาไม่รู้จักนี้ ได้มาอยู่อาศัยกับครอบครัวธรรมดาๆ ครอบครัวนึง ที่มีพ่อเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็กๆที่คงไม่เหลือความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอะไรอีกแล้ว
ภรรยาที่คอยทำหน้าที่ดูแลบ้านพร้อมกับความรู้สึกแย่ๆที่ สามีไม่อาจขยับไปยังตำแหน่งใหญ่โตอย่างที่คิด และอย่างที่ครอบครัวเพื่อนบ้านเป็น ลูกสาวคนโตที่โตขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเบื่อหน่ายในโลกใบนี้
และคาดหวังว่าซักวันจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาพาเธอออกจากความน่าเบื่อและโลกใบนี้ และน้องชายคนเล็กที่เรียนอยู่ระดับประถมที่ถูกแม่ตั้งเป้าให้เขานั้นสอบได้คะแนนสูงๆเพื่อที่จะโตและได้ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ในตำแหน่งใหญ่ๆ ไม่เหมือนกับพ่อของเขา และครอบครัวนี้เองจะสอนให้ วาตานาเบ้ รู้ว่ามนุษย์โลกนั้นใช้ชีวิตอย่างไร ด้วยความรู้สึกอย่างไร และเพราะอะไร......
ถ้าตัดตัววาตานาเบ้ ออกไปเรื่องนี้มันคือเรื่องราวของ ครอบครัวเล็กๆส่วนใหญ่ของสังคมญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้นะครับ ไม่ได้มีคนไหนในครอบครัวที่มีความสามารถพิเศษ หรือ พลังพิเศษแตกต่างจากคนอื่นๆ บนโลกใบนี้ นั่นคือเนื้อหาที่แสนธรรมดามากๆ อันนึงเลยครับ สิ่งที่ อ. นำเสนอ ก็คือการนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นปกติในทุกๆวันในสังคมนี้ ผ่านการมองอย่างสงสัยว่าทำไมมนุษย์เราถึงทำแบบนั้น
เพราะอะไร เพื่ออะไร ในสายตาของ วาตานาเบ้ นั่นเองครับ วาตานาเบ้ จะค่อยๆเรียนรู้เรื่องราวที่แสนธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลานี้ พร้อมกับจดบันทึก เพื่อนำไปอธิบายให้กับคนบนดาวเขาเข้าใจว่า พวกมนุษย์บนโลกใบนี้นั้นเป็นอย่างไรครับ
แม้ดูเหมือนเนื้อหาจะเป็นการเล่าถึงเรื่องง่ายๆ แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆ นั่นก็คือการนำประเด็นที่ง่ายๆแต่เรามองข้ามไปแล้วมาถามคนอ่านอย่างเราๆอีกครั้ง อย่างเรื่องราวของความฝัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องมีอยู่แล้วครับ ในหลายๆเรื่องถ้าพูดถึงความฝันอาจจบลงเอยด้วยการสำเร็จ แต่เรื่องนี้ผมชอบที่เขียนให้มันจบแบบความเป็นจริงที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอ การที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำความฝันของเขาให้เป็นจริงนั้น ไม่ได้หมายถึงว่ามันคือความล้มเหลว
แต่มันอาจให้ความสำเร็จหรือความสุขในขณะที่เราทำก็ได้ แม้ผลออกมาไม่ดีหรือเป็นดังที่ฝันไว้ ผมว่าเรื่องนี้เขียนอะไรแนวนี้ออกมาได้อย่างน่าคิดและชวนให้เราคิดอยู่เสมอครับ
รวมถึงปัญหาอีกหลายอย่างที่ อ. นำมาเขียนให้เราอ่านในเรื่องนี้ครับ ซึ่งแต่ละตอนเป็นตอนสั้นๆ ซึ่งจะวนไปทั้งปัญหาของ พ่อ ของลูกสาว ของลูกชาย ส่วนของแม่ไม่ได้เจาะเป็นพิเศษ แต่ทุกปัญหาจะเชื่อมโยงกันก็เพราะทุกคนคือครอบครัวเดียวกันครับ ปัญหาแต่ละอย่างเวลาผมอ่านแล้วก็เข้าใจนะในฐานะของคนที่อายุประมาณนึงแล้วว่าแต่ละคนคือตัวแทนของแต่ละวัยที่มีปัญหาหนักๆต้องคิด
ซึ่งสำหรับตอนนั้นของแต่ละวัยนั่นคือปัญหาใหญ่ของวัยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนของลูกชาย ที่พอเกรดตก ความรู้สึกที่ว่าสิ่งที่พยายามทำมาอาจไม่สำเร็จก็ได้ ทั้งๆ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มันก็ต้องมีขึ้นมีลง(บ้านเราเด็กบางคนเกรดต่ำมาทั้งชีวิตยังไม่เครียดเลย555)
หรือ คุณพ่อซึ่งรู้สึกว่าตัวเองตันในหน้าที่การงาน อันทำให้ขาดการเคารพจากคนในครอบครัว รวมถึงอาจกลายเป็นส่วนเกินที่ไม่มีตัวตนในครอบครัว และถูกเมียเขาใช้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่บอกกับลูกชายตลอดเวลาว่าห้ามล้มเหลวอย่างพ่อเขานะ มันสร้างความท้อแท้ให้กับคนเป็นพ่อได้มากขนาดไหนกันนะ
แต่ปัญหาหลักของเรื่องที่ผมรู้สึกว่า อ. เขาเน้นเป็นพิเศษ ก็คือเรื่องของลูกสาวครับ สาว ม.ปลายที่คิดจริงๆจังๆว่าจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยให้เธอออกจากสิ่งหน้าเบื่อแบบนี้ได้ ม้าขาวแบบจริงๆจังๆไม่ใช่เปรียบเปรยนะครับ อันนี้ผมไม่เข้าใจเหมือนกันนะ แต่พอเข้าใจว่า ผู้หญิงทุกคนคิดถึงผู้ชายในฝันครับ แต่การที่คิดว่าความฝันจะช่วยตัวเองได้ แทนที่จะเป็นตัวเองนั้นมันคงไม่ใช่ความคิดที่ดี แน่ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจเป็นปัญหาหนักอกของคนในวัยเรียนวัยนี้ก็ได้
ในขณะเดียวกันผมก็ชอบที่เนื้อเรื่องใส่ความจริงที่ว่า ตัววาตานาเบ้ นั้นไม่อาจจะทิ้งความจริงที่ว่าตัวเขาเองมาขอพักอาศัยฟรีๆ กับครอบครัวธรรมดาแบบนี้ การนั่งกินนอนกินหรือตามติดชีวิตของคนในครอบครัวเพื่อให้ได้ความเข้าใจในมนุษย์โลกนั้น ไม่อาจทำได้ตลอดเวลา
เขาต้องช่วยทำมาหากินในบางครั้งด้วย อันพลักดันให้เขาได้สัมผัสถึงโลกเราจริงๆมากขึ้นและทำให้เขาได้เจอปัญหาของผู้คนมากขึ้นแบบที่เขาต้องการด้วย และบางปัญหาเขาต้องไปสัมผัสและยุ่งเกี่ยวเกินกว่าที่เขาคาดคิด ตรงจุดนี้เป็นลายละเอียดเล็กๆน้อยที่ผมว่าทำให้ดูเรื่องนี้มีความเป็นจริงที่ใกล้เคียงมากขึ้นครับ
การดำเนินเรื่องและการเล่าเรื่องเรื่องนี้เป็นแบบเรื่อยๆครับ ไม่ได้มีจุดพีคสุดๆออกมาเท่าไหร่ แต่ด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องของ อ. เขาบางปัญหาที่นำเสนอออกมาผมว่ามันสัมผัสได้กับความรู้สึกของคนอ่านอย่างผม แม้ไม่พีคมากเหมือนดอกฟ้ากับนายกระจอก เพราะเรื่องนั้นมีเวลาในการเล่าเรื่องที่นานกว่านี้ และมีความสดใหม่ของมุกและการเล่าเรื่องที่เราไม่เคยรู้จักงานของ อ. เขามาก่อนนั้น ตรงส่วนนี้เรื่องนี้ทำได้ไม่เท่ากับเรื่องนั้นครับ แต่ไม่ทิ้งลายเซ็นของความเป็น อ. ในเรื่องนี้แน่นอนครับ
และลายเส้นก็เป็นอีกอย่างนึงที่เรื่องนี้ทำได้ดีคงเส้นคงวา การวาดและการใส่ลายละเอียดเรื่องนี้ยังคงทำได้ดีไม่แพ้เรื่องก่อนๆของ อ. เขาครับผมชอบความสบายในลายเส้นของ อ. แต่ไม่ทิ้งลายละเอียดและการสื่อความหมายที่สื่อผ่านทุกตัวละครนะครับ อ่านทีไรก็รู้สึกอย่างนั้นทุกที
รวมถึงการวาดแนวล้อภาพวาดของปีกัสโซ่ ซึ่งเห็นมาตลอดว่า อ. ชอบเขียนแบบนี้ จนเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ อ. เขาแล้ว สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและแอบมองภาพวาดอย่างละเอียดไม่ได้ว่า อ.ใส่อะไรไว้ในภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไรตรงนี้บ้าง เป็นความสุขของการได้อ่านงานของ อ. อีกอย่างครับ
วาตานาเบ้ นี้ในไทย จัดจำหน่ายโดย สนพ ไพเรท Line Art Planning ครับ มีทั้งหมด 5 เล่มจบ ซึ่ง 5 เล่มนี้หายากมากครับในความรู้สึกผม และหาแบบหนังสือบ้านได้โครตยากเลย ไม่รู้ว่ายอดขายได้จริงๆ ของเรื่องนี้คือกี่เล่ม เพราะมันหามือสองไม่ได้เลยครับ
Watanabe สวรรค์ส่งมาอลเวง เป็นผลงานสั้นๆ ของ อ. เอซากุครับ ครบถ้วนในความเป็นตัวตนของ อ. อ่านง่าย เข้าใจง่าย ด้วยเนื้อหาที่เราเจอได้ตลอดเวลาแม้กับครอบครัวของเรา หรือช่วงชีวิตที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไปของใครบางคน ผ่านมุมมองของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวละครในสังคมนั้นอย่าง มนุษย์ต่างดาวชื่อ วาตานาเบ้ ที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่มนุษย์ได้ทำว่าทำเพื่ออะไร เพราะอะไร และทำไปทำไม โดยสิ่งเหล่านี้ได้ย้อนมาถามตัวเราเองในฐานะคนๆ นึงในสังคมบนโลกใบนี้ ว่านั่นคือสิ่งที่เราควรทำจริงๆหรือ
ในขณะเดียวกันก็ชวนให้เรากลับไปคิดถึงสิ่งที่เราได้ทิ้งมันไปทั้งๆที่มัน(เคย)เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา ทำให้ช่วงเวลาแห่งความสุขและความทุกข์ในสิ่งนั้นกลับมาให้เรารู้สึกอีกครั้งครับ เป็นผลงานง่ายๆ ที่แม้ไม่ถึงระดับสุดยอดที่ อ. เขาทำได้ แต่ให้เรามีความสุขจากการอ่านเรื่องนี้ได้ และทำให้ช่วงเวลานึงในชีวิตของผมอิ่มอีกครั้งครับ ... ใครเป็นแฟนห้ามพลาดนะครับ
ภาพ9.5/10
เรื่อง 9/10
ความประทับใจ 9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #5เล่มจบ #LineArtPlanning #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #การ์ตูนแนวดราม่า #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวสะท้อนสังคม #9คะแนน #Watanabeสวรรค์ส่งมาอลเวง #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #Kobonochi #Eisaku #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา