17 ต.ค. 2023 เวลา 13:50 • ท่องเที่ยว
เกาะฮ่องกง

ขอพรสุขภาพดีที่ฮ่องกง

วันนี้ จะพาไปเที่ยวที่ใกล้ๆ ประเทศไทยนี่เอง คือ ฮ่องกง นั่งเครื่องบินแป๊บเดียวก็ถึงแล้วนะคะ โดยจะเน้นในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการขอพรด้านสุขภาพ ที่แรกคือ วัดหว่องไท่ซิน (Wong Tai Sin Temple) หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดหวังต้าเซียน (Huang Daxian) ตามนามขององค์เทพหลักประจำวัดนั่นเองค่ะ การเดินทางก็ง่ายๆ คือ นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปลงสถานี Wong Tai Sin แล้วออกจากทางออก B3 เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงวัดแล้วค่ะ
ก่อนเข้าวัด แนะนำให้แวะที่หน้าประตูทางเข้า ชมศิลปะกิเลนขนาดใหญ่หน้าวัดเสียก่อน เป็นรูปหล่อที่น่าเกรงขามจริงๆ ค่ะ เชื่อกันว่า กิเลนนี้จะดักจับสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้าไปในเขตวัดค่ะ
กิเลนหน้าวัดหวังต้าเซียน
ทางขึ้นวิหารหวังต้าเซียน
ทางลาดขึ้นวิหารหวังต้าเซียน
จากนั้น เดินขึ้นบันไดไปด้านบน ก่อนจะเจอวิหารหลัก จะได้พบกับรูปปั้นเทพประจำนักษัตรก่อน ถึงตรงนี้ คนส่วนใหญ่จะมองหาเทพนักษัตรประจำตัวของแต่ละคนเพื่อสักการะกัน จากนั้นก็เจอทางขึ้นไปสู่วิหารใหญ่กันแล้ว
เทพนักษัตรหวังต้าเซียน
เทพนักษัตรหวังต้าเซียน
เทพนักษัตรหวังต้าเซียน
แต่ก่อนจะเข้าไปสู่วิหารหลัก ขอเล่าเรื่องของวัดหว่องไท่ซิน และองค์เทพประจำวัดนี้กันเสียก่อน วัดหว่องไท่ซินได้รับการสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1921 เป็นวัดในลัทธิเต๋า ที่สถิตขององค์เทพหวังต้าเซียน สำหรับที่มาที่ไปขององค์เทพนี้ เล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนานว่า เดิมท่านเคยอยู่บนสวรรค์ แต่ทำผิดกฏแห่งฟ้า จึงถูกลงโทษให้ลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ในช่วงราชวงศ์จิ้น (Jin Dynasty) เมื่อ 328 ปีก่อนคริสตกาล นามเดิมคือ ฮวงชูปิง (Huang Chuping) อาศัยอยู่ที่เจ้อเจียง (Zhejiang)
โดยการลงมาเกิดนี้ ท่านเกิดมาในครอบครับที่ยากจน แค่เพียงอายุ 8 ขวบก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ครั้นเมื่ออายุย่างเข้าวัยรุ่น ท่านได้เริ่มฝึกลัทธิเต๋า และมีโอกาสได้พบเจอกันปรมาจารย์เทพเซียน จึงกราบเป็นอาจารย์ และไปร่ำเรียนกันต่ออีกนานตั้ง 40 ปี กว่าที่ท่านเองก็จะบรรลุ
หลังจากบรรลุการฝึกลัทธิเต๋าแล้ว ท่านฮวงชูปิงยังมีชื่อเสียงเลื่องระบือไกลในความเก่งกาจด้านวิชาแพทย์ ที่ไม่ว่าโรคอะไรร้ายแรงแค่ไหนก็รักษาได้ จนได้รับการยกย่องให้เป็นเทพ ทำให้เมื่อมีวัดที่สถิตของท่านเกิดขึ้น ก็เลยมีผู้คนมาสักการะเพื่อขอพรให้หายจากโรคภัยกันเป็นจำนวนมาก
ย้อนกลับมาที่วัดหว่องไท่ซินตรงทางขึ้นวิหารหวังต้าเซียนกันค่ะ นอกจากซุ้มประตูสวยงามสไตล์จีนแล้ว ในบริเวณทางขึ้นลง เป็นบันได 2 ด้านซ้ายขวา ส่วนตรงกลางเป็นทางลาด มีศิลปะปูนปั้นเป็นรูปมังกรอันงดงาม เมื่อขึ้นบันไดไปก็จะได้พบวิหารขององค์เทพที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างก็มาขอพร ในจุดนี้ ผู้เขียนได้เฉพาะภาพด้านนอกตัวอาคารมาฝากกันค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวสามารถไหว้ได้เฉพาะจากด้านนอก ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ สำหรับการขอพร นอกจากขอเรื่องสุขภาพแล้ว เชื่อกันว่า ขอเรื่องอื่นๆ ท่านก็ประทานพรให้
วิหารหวังต้าเซียน
วิหารองค์เทพหวังต้าเซียนนี้ เป็นอาคารทรงจีนขนาดใหญ่ ใต้หลังคาเป็นศิลปะไม้ ทางเข้าด้านหน้ามีรูปหล่อเต่าและนกกระเรียนอันงดงามอยู่ 2 คู่เฝ้าประตูอยู่
หลังจากสักการะเทพหวังต้าเซียนแล้ว ยังมีอาคารด้านข้าง และด้านหลังที่สำคัญอีกหลายอาคาร
วิหารหวังต้าเซียน
แต่ที่อยากเน้นให้ไปสักการะกันเป็นพิเศษ คือ วิหารไตรเทพ (Three Saints Hall) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพขององค์เทพ 3 องค์ ใน 3 ศาสนามาอยู่รวมกัน คือ ศาสนาพุทธ ขงจื้อ และเต๋า ประกอบด้วย องค์เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู และเทพลูซู โดยวิหารนี้ สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1935 ก่อนจะมีการบูรณะในปี ค.ศ.1946, 1996 และ 2009 ตามลำดับ
วิหารไตรเทพนี้ เห็นได้ชัดเจนในรูปลักษณ์อาคารทรงจีน หลังคาสีเหลือง ด้านในที่ประดิษฐานรูปเคารพนั้น ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพเช่นกัน จึงนำมาให้ชมกันได้เฉพาะภาพของตัววิหาร ซึ่งผู้ที่มาสักการะจะจุดธูป และถวายของไหว้ต่างๆ ไว้ด้านหน้า
จากนั้น เดินอ้อมไปด้านหลังจะมีทั้งสวนสวยๆ และเทพองค์อื่นให้ได้สักการะอีก แต่ที่เป็นเป้าหมายของผู้คนจำนวนมาก คือ บริเวณที่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพจันทรา หรือเทพเจ้าหยุคโหล่ว (Yuelao) ค่ะ
แต่ส่วนใหญ่นิยมเรียกขานท่านกันว่าเป็นผู้เฒ่าแห่งจันทรา (The Old Man from The Moon) ซึ่งคนจีนเชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งความรักด้วย เนื่องจากมีตำนานเล่าว่า เดิมทีท่านกับภรรยาได้ร่วมชีวิตเคียงคู่กันอย่างมีความสุข จนภรรยาของท่านเสียชีวิตลง ท่านผู้เฒ่าก็ได้เพียรสวดมนต์ภาวนานึกถึงหญิงอันเป็นรักแท้ของท่าน จนสวรรค์เห็นใจ ทำให้ได้ขึ้นไปครองคู่กันอยู่บนดวงจันทร์ โดยมีหน้าที่จดบัญชีรายชื่อของคู่รักทั้งหลายบนโลก
เทพด้ายแดง
รูปปั้นของท่านผู้เฒ่าแห่งจันทรานี้ เป็นชายชราหน้าตาใจดี มือขวาถือบัญชีรายชื่อที่จะบอกหมดว่า ใครเป็นเนื้อคู่กับใคร มือซ้ายถือด้ายแดงที่เชื่อมออกไปสองด้าน ถึงมือของหญิงชายคู่หนึ่ง ที่ว่ากันว่าเป็นตัวแทนของบ่าวสาว โดยเจ้าสาวอยู่เบื้องขวา และเจ้าบ่าวอยู่เบื้องซ้าย ทั้งหมดเป็นรูปปั้นสีทองอร่าม
อันว่าด้ายแดงที่ว่านี้ จริงๆ แล้วเป็นด้ายใหญ่มาก น่าจะเรียกว่าเชือกแดงมากกว่านะคะ และมีด้ายแดงเล็กๆ จำนวนมากที่ผู้คนที่มาสักการะนำมาผูกไว้ ซึ่งการมาผูกด้ายแดงที่นี่ ก็เป็นการมาขอคู่ครองนั่นเอง หนุ่มๆ สาวๆ ก็เลยมากันตรงนี้เยอะเป็นพิเศษ โดยชายหนุ่มที่อยากหาคู่รัก ให้ไปขอกับรูปปั้นฝ่ายเจ้าสาว และในทางกลับกัน หญิงสาวที่อยากหาเนื้อคู่ก็ให้ไปขอกับรูปปั้นฝ่ายเจ้าบ่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่าลืมบอกกล่าวกับเทพเจ้าหยุคโหล่วเสียก่อนนะคะ เรียกว่า บอกผู้ใหญ่ไว้ก่อนที่จะไปกระซิบกับผู้น้อย
เอ๊ะ แล้วถ้าเป็นคนที่มีคู่ครองอยู่แล้วล่ะ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ผู้ที่มีคนรักที่ดีอยู่แล้ว ก็สามารถมาสักการะเทพจันทราได้ด้วยเหมือนกัน เพื่อขอพรให้ได้ครองรักกันไปจนแก่เฒ่านั่นเอง เรียกได้ว่า ไม่ว่าคนมีรัก หรือไม่มีรัก มาที่นี่ ท่านผู้เฒ่าจะช่วยให้สมหวังได้ทั้งนั้นค่ะ
จากนั้น ขอพาท่านผู้อ่านไปวัดอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นวัดยอดนิยม และมีชื่อเสียงด้านการขอพรเกี่ยวกับสุขภาพเหมือนกัน นั่นคือ วัดแชกงหมิว (Che Kung Miu or Che Kung Temple) หรือที่นิยมเรียกขานกันว่า วัดกังหันลม (หรือบางคนเรียกว่า วัดพัดลม)
วัดแห่งนี้ อยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้า Tai Wai station กับ Che Kung Temple station เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตของท่านแชกง (Che Kung) หรือนายพลแช (General Che) ซึ่งตำนานเล่า ท่านเป็นนักรบที่เก่งฉกาจในยุคราชวงศ์ซ่ง (Song Dynasty) และยามใดที่นายพลแชออกรบ จะมีบัญชาให้นำกังหัน 4 ใบพัดติดไว้ด้านหน้ารถศึกด้วย เชื่อกันว่าทำให้มีอำนาจ และเมื่อท่านแชกงรบชนะเป็นที่เลื่องลือ กังหันของท่านก็เลยเป็นที่เคารพนับถือไปด้วย
แชกงหมิว
และยังมีเรื่องเล่าว่า นอกจากท่านนายพลแชจะมีชื่อเสียงเกริกไกรในการเป็นนักรบแล้ว เวลาที่ท่านไปไหนแล้วเกิดมีโรคระบาด โรคก็มักจะหายไปเหมือนกลัวฤทธีของท่านนายพล ทำให้ในระยะต่อๆ มา แม้ท่านนายพลแชจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่หากพื้นที่ใดในประเทศจีนเกิดโรคระบาดแล้วหาทางออกไม่เจอ ก็มักจะนิยมสร้างวัดเพื่ออัญเชิญวิญญาณของท่านนายพลแชให้มาช่วย แล้วโรคระบาดก็จะหายไปจากหมู่บ้านที่มีวัดของท่านแชกง
นายพลแช
ทำให้วัดที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงนายพลแชนี้ มีชื่อเสียงในหลายด้าน คือ ทั้งการมาเคารพสักการะนักรบผู้เรืองเดช และการมาขอพรในด้านต่างๆ เพราะท่านนายพลแชได้กลายเป็นเสมือนเทพเจ้าองค์หนึ่งแล้ว
นายพลแช
สำหรับวัดแชกงหมิวในฮ่องกงนี้ ต้นกำเนิดสามารถย้อนไปถึงยุคราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) โดยสถานที่ตั้งเรียกว่าย่านซาทิน (Sha Tin) ซึ่งเป็นบริเวณที่เคยมีการเกิดโรคระบาด ก็เลยมีผู้คิดสร้างวัดเพื่ออัญเชิญให้นายพลแชมาประทับ และเมื่อสร้างวัดเสร็จ โรคระบาดก็หายไปจริงๆ วัดแห่งนี้ก็เลยกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ก่อนที่จะมีการบูรณะให้ทันสมัยขึ้นในปี ค.ศ.1890
แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1993 แทนที่จะบูรณะซ้ำ ก็ได้มีการสร้างเป็นวัดใหม่ที่สวยงามเช่นในปัจจุบันขึ้นมาเสียเลย โดยวัดใหม่นี้อยู่ด้านหน้าของตัววัดเดิมที่มีขนาดเล็ก ไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้มีจิตศรัทราที่มักจะเดินทางมากันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังปีใหม่จีนที่ว่ากันว่า ผู้คนจะแห่กันมาที่วัดนี้กันนับแสนคนเลยทีเดียว
ตัวอาคารวัดใหม่แห่งนี้ เป็นอาคารขนาดใหญ่ บนหลังคามีมังกร 2 ตัว อาคารนี้ ส่วนด้านในมีรูปปั้นสูงใหญ่สีทองอร่ามของท่านแชกงในชุดนักรบ ถือดาบ ทางด้านข้างมีกังหัน ๔ ใบพัดอันมีชื่อเสียงของท่าน (เนื่องจากกังหันมีรูปร่างและขนาดพอๆ กับพัดลม ทำให้มีคนเรียกวัดนี้วัดพัดลมกันอยู่บ้างพอควร เรียกว่า ถ้ามีนักท่องเที่ยวถามหาวัดพัดลม ก็จะมีผู้บอกทางมาวัดแชกงหมิวได้)
กังหัน
สำหรับผู้ที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ นอกจากจะไหว้ขอพรจากท่านนายพลแชแล้ว ก็จะหมุนกังหัน เชื่อว่าจะเป็นการหมุนสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต และดังได้กล่าวแล้วว่าสานุศิษย์มักจะแห่มากันเป็นจำนวนมากในวันหลังปีใหม่จีน ก็เพราะเชื่อกันว่า หากได้หมุนใบพัดตั้งแต่ต้นปี ก็จะมีโชคมีลาภ สุขภาพดีไปตลอดทั้งปีนั่นเอง แล้วพอปีนี้หมุนเสร็จ ปีหน้าก็มาหมุนกันใหม่อีก จะได้เริ่มต้นดีทุกๆ ปีไป
ว่ากันว่า กังหันทั้ง 4 ใบต่างก็มีความหมาย คือ ใบพัดแรก เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย ใบพัดที่ 2 ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ใบพัดที่ 3 เป็นการขอโชคลาภ และใบพัดที่ 4 ให้สมปรารถนาในทุกๆ เรื่อง เรียกว่ามาที่นี่ ได้สมหวังทุกสิ่งค่ะ
แต่ดังได้กล่าวแล้วว่า การนำเที่ยวในวันนี้ ผู้เขียนเน้นเรื่องการขอพรด้านสุขภาพเป็นสำคัญ จึงได้นำเสนอวัดหว่องไท่ซิน และวัดแชกงหมิว ซึ่งต่างก็โดดเด่นในเรื่องนี้ทั้งสองวัด ส่วนการขอพรด้านอื่นๆ ที่ว่ากันว่า ทั้งสองวัดนี้ขอได้แทบทุกอย่าง ก็ถือเป็นของแถม
นอกจากนั้น ผู้เขียนยังอยากถือโอกาสนี้รำลึกถึงท่านหวังต้าเซียน และนายพลแช ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า ทั้งสองท่านต่างก็เคยเป็นคนธรรมดา แต่เก่งฉกาจ สร้างบารมีจนเป็นที่นับถือ และได้รับการยกย่องเป็นเทพ ขอให้องค์เทพทั้งสองปกปักท่านผู้อ่านทุกท่านให้ปราศจากโรคภัย และมีโชคลาภกันถ้วนหน้าด้วยเทอญ ..

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา