เราได้อะไรจาก การมาอุ่นเครื่องจอร์เจีย และ เอสโตเนีย ครั้งนี้บ้าง
ตอนนี้เกมอุ่นเครื่อง 2 นัด ที่ไทยไปเยือนยุโรปก็จบลงแล้วนะครับ ทีมชาติไทยมีผลงานแพ้จอร์เจีย 8-0 และ เสมอเอสโตเนีย 1-1
แน่นอนมุมแย่ๆ ก็มีเยอะ ทั้งเรื่องปัญหาการเดินทาง เรื่องการไม่ยอมส่งตัวผู้เล่นให้ทีมชาติและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ในคลิปนี้ ผมจะเล่าให้ฟังว่า เราเจอข้อดีอะไรบ้างในการอุ่นเครื่องสองเกมนี้ครับ
ข้อแรก เราได้ค้นพบนายทวารที่พร้อมจะเป็นมือหนึ่งให้ทีมชาติชุดใหญ่ ในเกมฟุตบอลโลกเจอจีน และ สิงคโปร์ นั่นคือ กัมพล ปฐมอรรคฆกุลย์ นายทวารจากราชบุรี เอฟซี
ในเกมจอร์เจีย เขาเซฟไป 14 ครั้ง มากที่สุดในประวัติศาสตร์บอลไทย ตั้งแต่มีการบันทึกมา ส่วนในเกมกับเอสโตเนียก็เซฟลูกยากๆ ไป 2 หน
กัมพลอาจต้องแย่งชิงเบอร์หนึ่งทีมชาติกับฉัตรชัย บุตรพรหม และ ปฏิวัติ คำไหม แต่ตอนนี้ใครๆ ก็เชียร์ว่า กัมพลนี่แหละ ควรเป็นเบอร์หนึ่งเลย
ข้อสอง เราได้ค้นพบกองหลัง ที่น่าจะเล่นด้วยกันได้ดี ทั้งเอเลียส ดอเลาะห์ ที่เล่นเด่นมากในเกมกับเอสโตเนีย ส่วนอีกคนคือจักพัน ไพรสุวรรณ คนที่ทำประตูได้ สองคนนี้พร้อมลงตัวจริงทันที ในเกมกับจีน แต่ก็อาจต้องขับเคี่ยวกับพรรษา เหมวิบูลย์ และ มานูเอล ทอม เบียร์ ที่ไม่อยู่ในทีมชุดนี้ด้วย
ข้อสาม เราได้เห็นการคัมแบ็กกลับมา ของทริสตอง โด ที่วิ่งไม่มีหมดตลอด 90 นาที คือไทยมีปัญหาเรื่องแบ็กซ้ายอยู่ เพราะธีราทร บุญมาทัน ช้าลงไปมาก ต้องเปลี่ยนมาเล่นกองกลางแทนแล้ว
ดังนั้นเป็นตัวเลือกที่ดี ถ้าเอานิโคลัส มิคเกลสัน ไปยืนฝั่งซ้าย และเอาทริสตอง โดไปยืนขวา หรือให้สองคนนี้สลับฝั่งกันก็ได้
ข้อสี่ เราเห็นปัญหาชัดเจนในแนวรุก ด้วยความที่เกมกับจอร์เจีย และ เอสโตเนีย ครั้งนี้ เราเอากองหน้าไปแค่ 2 คน คือยศกร บูรพา และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ซึ่งเป็นกองหน้าทีม u-23 ทั้งคู่ ยังไม่มีทักษะในเการ เก็บบอล และจบสกอร์ที่ดีพอ
นั่นแปลว่า ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้กองหน้าคุณภาพดีขึ้นอย่างธีรศิลป์ แดงดา และ ศุภชัย ใจเด็ด น่าจะทำให้ศักยภาพเกมรุกของเราดีขึ้นกว่านี้อีก
รวมถึงตัวริมเส้น ที่บดินทร์ ผาลา สอบผ่านคนเดียว คนอื่นๆ พลาดโอกาสในการแอสซิสต์ เพราะจ่ายบอลไม่แม่นพอ ซึ่งจุดนี้ เราจะได้ตัว เอกนิษฐ์ ปัญญา, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เข้ามา ทำให้ทีมจะมีความแกร่งมากขึ้น
ข้อห้า ตำแหน่งที่กฤษฎา กาแมน ควรลงเล่น ไม่มีคำถามอีกแล้ว ว่าควรเป็นมิดฟิลด์ หรือ กองหลังตัวกลาง ในเกมกับเอสโตเนีย กฤษฎาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเล่นตอนอยู่กับชลบุรี และทำหน้าที่ได้ดี
ดังนั้นกับทีมชาติไม่มีอะไรต้องคิดเยอะ ใส่กฤษฎาเป็นกองกลางตัวรับได้เลย จะเล่นร่วมกับ ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น หรือ วีรเทพ ป้อมพันธุ์ก็แล้วแต่ แล้วใช้เซ็นเตอร์แบ็กธรรมชาติจริงๆดีกว่า
แน่นอน หลายคนบอกว่า การมายุโรปครั้งนี้เสียดายของ แทนที่จะเอานักเตะชุดใหญ่จริงๆ มา เพื่อลองทีมครั้งสุดท้ายก่อนเจอจีน แต่ดันทิ้งขว้างโอกาสนั้นไป
ใช่ นั่นก็จริงครับ แต่อย่างน้อย เราก็ควรเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นจากสองนัดนี้ให้มากที่สุด
อย่างน้อย ฝั่งเกมรับ เราได้ทีมที่ดีแล้ว เหลือแค่ฝั่งเกมรุกที่ต้องหาส่วนผสมที่ลงตัวให้ได้เร็วที่สุด
ชนาธิปจะลงไหม ถ้าลงจะลงตรงไหน, สุภโชค ควรยืนปีกซ้ายเหมือนตอนอยู่ซัปโปโรหรือไม่ ในเมื่อบดินทร์ก็เล่นดีทั้งกับไทยลีกและทีมชาติ มีคำถามให้ขบคิดอีกเยอะครับ
อีกข้อหนึ่ง ที่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่ก็เป็นผลพลอยได้ คือ คู่แข่งจีน จะไม่รู้เลยว่าไทยเล่นยังไง เพราะเราไม่ได้ส่งทีมตัวจริงมา
scout อะไรก็ไม่มีประโยชน์ จีนนึกไม่ออกแน่ว่า ชนาธิป, สุภโชค, ธีรศิลป์, ศุภณัฏฐ์ ทุกคนเหล่านี้เมื่อลงเล่นพร้อมกันจะเป็นยังไง เพราะไม่เคยเห็น อย่าว่าแต่จีนเลย คนไทยก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน
ตอนนี้นับดูอีกแค่ไม่ถึง 1 เดือนฟุตบอลโลกจะเริ่มแล้วครับ เราไม่เหลือเกมอุ่นเครื่องใดๆ อีกแล้ว ต้องไปวัดกันที่ "หน้างาน" อย่างเดียวเลย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ทีมชาติไทยจะมีลุ้นต่อไปในฟุตบอลโลก หรือจะเกมโอเวอร์ตั้งแต่รอบแรก เราจะได้รู้คำตอบกันในวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ครับ
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
