27 ต.ค. 2023 เวลา 06:30 • บันเทิง

เลี้ยวไปหลอน

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่พี่นกต้องเดินทางไปบ้านคุณยายที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน
ก่อนจะถึงวันเดินทาง พี่นิดที่เป็นลูกพี่ลูกน้องก็โทรเข้ามาหาพี่นก
"มึงจะมายังไง" พี่นิดถาม
"กูเดินไปมั้งไกลขนาดนั้นก็ต้องขับรถไปดิ"
"กูหมายถึงมึงมาเส้นทางไหน" พี่นิดยังคงถามต่อ
"ก็ไปทางเดิมแหละ ไปเลี่ยงเมือง เเล้วมาโผลาหลังบ้านยายไง มึงถามแปลกๆล่ะนะ" พี่นกเริ่มสงสัย
"เส้นนั้นมึงมาไม่ได้!!" พี่นิดพูดขึ้นด้วยความตกใจ
"เอ้า!!อะไรของมึงวะ ทำไมไปไม่ได้ เเล้วทำไมมึงต้องมาขึ้นเสียงด้วย"
พี่นกเริ่มสงสัยเพราะน้องจากพี่นิดจะขึ้นเสียงใส่ เสียงแกเหมือนจะสั่นๆด้วย
แปลก....
"เออ....แถวนั้นเขากำลังทำทาง...มึง...มึงอย่าไปเส้นนั้นเลย...เชื่อกูเหอะ..ถือว่ากูขอ"
"เออๆไม่พูดกับมึงละ เเค่นี้ก่อนเดี๋ยวค่อยเจอกัน" พี่นกพูดแค่นั้นแล้ววางสายไปแต่ก็ยังมีคำถามในใจอยู่มากมาย
พี่นกเดินทางตั้งแต่ช่วงสายๆนั้นเลยทำให้กว่าจะเข้าเขตจังหวัดก็มืดมากแล้ว และเพราะความมืดเลยทำให้พี่นกตัดสินใจไปเส้นทางเลี่ยงเมืองดีกว่า เพราะอยากถึงบ้านยายไวๆ และหากถ้าเขาทำถนนจริงอย่างที่พี่นิดบอก อย่างน้อยๆก็น่าจะยังพอมีทางให้รถวิ่งอยู่บ้างอยู่ดี
พอขับรถเข้าไปทางเลี่ยงเมืองได้สักพัก พี่นกบอกว่า..ถนนเส้นนี้มันไม่เหมือนเดิม
ที่ไม่เหมือนเดิมนั้นก็เพราะว่า มันปราศจากผู้คน แถมมันยังวังเวงจนน่าขนลุก ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ไม่มีป้ายเตือนว่าเป็นเขตก่อสร้างหรือการวางอุปกรณ์เลยซักนิด
ยิ่งขับรถเข้ามาเรื่อยๆ ก็ยิ่งเปลี่ยว สองข้างทางของถนนเส้นนี้ปกติจะมีบ้านคน มีแสงไฟ แต่ตอนนี้ นอกจากจะไม่มีคนแล้ว ก็ยังไม่มีบ้านหลังไหนเลยที่เปิดไฟเลยสักดวงเดียว มันมืดและเงียบมาก
ในขณะที่กำลังขับรถไปและวิเคราะห์บรรยากาศรอบๆไป อยู่ๆพี่นกก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน แต่ที่แน่ๆมันเป็นเสียงลงฝีเท้าที่หนักมาก ซึ่งตอนนั้นพี่นกอยู่ในรถแต่ยังได้ยินอย่างชัดเจน เลยนี้บ่งบอกว่าน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ และเสียงนี้เหมือนกำลังวิ่งไล่ตามรถของพี่นกอยู่ด้วย
ใจหนึ่งก็กลัว แต่อีกใจก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร เลยตัดสินใจเหยียบเบรค แล้วหันกลับไปกวาดตามองดูรอบๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรเลย รอบตัวพี่นกในตอนนั้นมีแต่ความมืด
พี่นกตัดสินใจขับรถต่อไป แต่อีกซักพัก ก็ได้ยินเสียงแบบเดิมอีก ครั้งนี้พี่นกเลยไม่จอดและตั้งใจค่อยๆขับรถต่อไปอย่างมีสติ
จนเมื่อตอนใกล้จะถึงช่วง4แยก เสียงนั้นก็ค่อยๆหายไป
พอเสียงนั้นหายไปใจก็ค่อยชื้นมาหน่อย แต่ในช่วงจังหวะที่กำลังผ่อนคลายลง ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์แว้นซ์กันมาอย่างดัง มากันน่าจะประมาณ5-6คันได้ ไม่รู้ความเร็วเท่าไหร่ แต่เร็วกว่ารถที่พี่นกขับอยู่พอสมควรแน่นอน
ตอนนั้นพี่นกยังคิดอยู่เลยว่าจะรีบไปไหนกันขับไวขนาดนี้ เดี๋ยวก็ได้ชนอะไรตายหรอก พูดไม่ทันขาดคำ ก็มีรถตู้สีขาวขับแซงขึ้นไป แล้วตามมาด้วยเสียงดังโครมใหญ่
รถชนกันต่อหน้าต่อตาของพี่นก ซึ่งก็คือพวกมอไซด์ที่เพิ่งแซงไปกับรถตู้สีขาวนั้นแหละ ไม่รู้เสียหลักหรือเกี่ยวกันเองล้ม หรือโดนรถตู้กวาดไป
ตอนนั้นพี่นกก็ต้องค่อยๆชะลอรถเพราะไม่งั้นก็จะต้องเป็นอีกคันนึงทีชนไปด้วยกันแน่
พี่นกตั้งใจจะขับรถไปจอดตรงด้านหน้าจุดเกิดเหตุ เพื่อโทรหากู้ภัย แต่ในขณะที่ขับรถผ่านจุดที่รถมอเตอร์ไซต์ล้มกันอยู่..ก็เห็นศพคนนอนเกลื่อนถนน แต่ภาพติดตาที่สุดของคุณนกคงเป็นศพนึงบนถนน ร่างกายเขาบิดผิดรูป แถมขายังหักและบิดพาดขึ้นมาบนหัว
แต่สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด..นั้นก็คือ พี่นกเห็นว่า มีเงาตะคลุมๆหลายเงายืนอยู่ตรงจุดที่ศพนอนแน่นิ่งกันอยู่ และเมื่อขับผ่านรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ไม่ไกล...ก็ทำเอาพี่นกแทบช็อคเพราะว่า...เมื่อมองเข้าไปด้านในรถคันนั้น มันมีโครงกระดูกพาดอยู่ตรงที่นั่งคนขับ
วินาทีนั้นพี่นกบอกแกกลัวจนคอเกร็งไปหมด กลัวจนไม่รู้จะต้องร้องออกมายังไง ได้แต่ค่อยๆขับรถออกมาอย่างมีสติ
พี่นกตั้งสติค่อยๆขับจนถึงบ้านคุณยาย พอมาถึงก็เลยเล่าให้พี่นิดฟังว่าเจออะไรมา และนั้นเลยทำเอาพี่นิดหน้าซีดตาม
" กูบอกมึงแล้วว่าไม่ให้มาทางนั้น ก็ยังรั้นอีก โชคดีเเล้วที่เจอเเค่นี้ มึงรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้แถวนั้นมีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้น รถตู้ไปเสียหลักไปกวาดเอาแก๊งซิ่งตายคาที แล้วมึงรู้ไหมว่าหลังจากนั้นผีก็ดุมาก ตามหลอกคนที่ขับผ่านแถวนั้นทุกคืน คนแถวนี้พอพระอาทิตย์ตกแถวนั้นเขาก็ปิดบ้านนอนกันหมดแล้ว ใครก็ไม่ใช้แล้วถนนสายนั้น"
พอได้ฟังดังนั้นพี่นกก็ถึงกับบางอ้อขึ้นมาทันที
โฆษณา