27 ต.ค. 2023 เวลา 07:00 • บันเทิง

สีผึ้งมหาสเห่น์ (ชื่อทั้งหมดในเรื่องขอใช้เป็นนามสมมุตินะคะ)

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ฟังมาอีกทีค่ะ เกิดขึ้นกับตัวเพื่อนของคุณตังเม คุณตังเมทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และในกลุ่มเพื่อนก็จะเป็นแก๊งสาวสายมู ที่ไหนเฮงที่ไหนดังพากันไปไหว้หมด
จนกระทั้งจู่ๆคืนหนึ่ง คุณมิ้น เพื่อนสาวในแก๊งก็ทักมาหาเป็นการส่วนตัว
“มึงพรุ่งนี้ไปกับกูหน่อยสิ” คุณมิ้นทัก
“ไปไหนวะ”
“กูอยากไปตำหนักเจ้าพ่อตง”
“ตำหนักอะไรน่ะ??” คุณตังเมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ตำหนักเจ้าพ่อตง...ตำหนักที่พี่มัดพี่สาวกูเป็นลูกศิษย์อยู่ไง”
“เอ่อ...ว่าแต่มึงจะไปทำไม ไม่ใช่สำนักเก้แน่น่ะ ...ไม่ของดำใช่ไหม” คุณตังเมไม่ค่อยมั่นใจ
“คนนี้ของจริงมึง ขาวจั้ว ศักดิ์สิทธิ์มากใครไปก็เฮงหมด ช่วงนี้กูว่าดวงกูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ งานมึงก็เห็นนายดุทุกวัน เงินก็ติดขัด แถมทะเลาะกับแฟนบ่อยอีก กูว่าจะไปลองปรึกษาอาจารย์ที่สำนักดูสักหน่อย..เพราะพี่กูชีวิตโคตรดีตั้งแต่เป็นศิษย์สำนักนี้”
คุณตังเมเห็นท่าว่าจะห้ามเพื่อนไม่ได้ ก็เลยยอมตกลงไปด้วยกัน
ตอนไปถึง ก็เห็นว่าเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว และพอขึ้นไปก็เห็นคนนั่งรอต่อคิวกันเต็มไปหมด และเมื่อมาถึงคิวของคุณมิ้น อาจารย์ก็พูดขึ้นมาเลยว่า
“อยากให้กูช่วยละสิ ช่วงนี้ดวงตกใช่ไหม”
ทั้งสองคนก็สะดุ้งแล้วมองหน้ากัน เพราะยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเลย อาจารย์คนนี้ก็รู้ซะแล้ว อาจารย์ก็ไม่รอช้า หันหลังกลับไปหยิบผอบทองเหลืองขนาดประมาณ2นิ้วขึ้นมาพร้อมกับให้ลูกศิษย์คนข้างๆหยิบขวดน้ำมันขวดเล็กอีกขวดมาให้แล้วก็มาบริกรรมคาถาอะไรอยู่สักพักก่อนจะเป่าพรวดลงไปอีกทีแล้วยื่นให้คุณมิ้น
คุณมิ้นรับของมาและหันไปยื่นซองสีขาวซองนึงให้ลูกศิษย์คนข้างๆนำใส่พานไป
“อาจารย์ค่ะ วิธีใช้ของสิ่งนี้ต้องทำยังไงบ้างค่ะ”
“เอ็งก็แค่เอาน้ำมันที่ข้าให้ หยอดลงที่สีผึ้งในผอบ หยดลงทุกๆเที่ยงคืน แล้วค่อยนำมันมาทาปาก ทาแก้ม จะทาตรงไหนก็ได้ จะทาวันละกี่รอบก็ได้ เดี๋ยวสิ่งดีๆก็จะตามมาเอง”
ฟังดังนั้นคุณมิ้นก็เลยก้มลงกราบอาจารย์ด้วยความเลื่อมใส คุณตังเมเองก็ได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
อาจารย์หันว่าถามคุณตังเมว่าอยากได้บ้างไหม แต่คุณตังเมก็ปฏิเสธเพราะแค่มาเป็นเพื่อนคุณมิ้นเท่านั้น
แต่ที่เหลือเชื่อเลยก็คือ หลังจากที่บูชาสีผึ้งและน้ำมันขวดนั้นมา ชีวิตคุณมิ้นก็ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด งานเงินความรัก เรียกว่าเฮงทุกด้าน จนกระทั้งเวลาผ่านมาเกือบปี..
จู่ๆคุณมิ้นก็มีอาการผิดปกติ มักจะเจ็บปวดตามตัว และปวดท้องบิดในทุกๆครั้งหลังพระอาทิตย์ตกดิน หาหมอเท่าไหร่ก็ไม่หาย ตรวจหาก็ไม่เจอว่าเกิดจากอะไร หนักเข้าก็เริ่มมีอาการที่ผิดปกติไปมากกว่าเดิม นั้นก็คือคุณมิ้นมักบอกว่าตัวเองเห็นผี เห็นผีเต็มไปหมด และผีพวกนี้ก็จะชอบมาพูดเยาะเย้ย
และยุแยงให้ฆ่าตัวตาย แบบ..โดดสิ โดดเลย แขวนเลยสิ กรีดเลย...ซึ่งมันทำให้คุณมิ้นเคยคิดจะฆ่าตัวตายอยู่บ่อยๆ จนทำให้คนในครอบครัวต้องเฝ้าดูคุณมิ้นตลอด...ทางครอบครัวพาคุณมิ้นไปตรวจรักษาอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร ไปกี่ครั้งก็ไม่พบ ซึ่งมันทำเอาทุกคนถอดใจ
พ่อมิ้นคุณมิ้น มาคุยกับคุณตังเมอยากพาคุณมิ้นกลับไปหาอาจารย์คนนั้นที่สำนักอีกครั้ง คุณตังเมเองก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรเสียหายเลยรีบพาไป
วันที่คุณตังเม พ่อแม่ของคุณมิ้น พาคุณมิ้นมาหาอาจารย์ที่สำนัก ก็ยังคงเป็นเหมือนกับวันแรกที่เธอเคยมาคือลูกศิษย์ลูกหาที่รอเข้าพบอาจารย์เยอะมากๆ แต่อาจารย์เองก็ให้ทุกคนรอไปก่อนเพราะเคสคุณมิ้นเป็นเคสฉุกเฉิน
พอมาเจออาจารย์คุณมิ้นก็ยิ่งดิ้นทุกรนทุกราย เดือนร้อนลูกศิษย์ผู้ชาย3-4คนต้องช่วยกันเข้ามากดเอาไว้ แล้วอาจารย์ก็เป่าคาถาใส่ตรงหน้าผากแล้วคุณมิ้นก็ค่อยๆสงบลง
อาจารย์หันมาพูดกับคุณตังเมว่าคุณมิ้นน่าจะโดนของ ไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจมารึป่าว แก้ยากด้วยนะ ทางคุณพ่อคุณแม่ก็บอกให้อาจารย์ช่วยได้เลย กี่บาทก็ยอม แต่อาจารย์ก็ไม่ได้คิดเงินอะไรจากพ่อแม่คุณมิ้นเพิ่ม
“พามันมาหากูทุกๆวันโกน จะอยู่หรือยอดก็ขึ้นอยู่ที่มัน” อาจารย์บอกแค่นี้
แน่นอนว่าหลังจากที่คุณมิ้นป่วยก็ต้องพักงานยาว คุณตังเมเองก็สลับกับพ่อแม่คุณมิ้น พาคุณมิ้นไปหาอาจารย์คนเดิมๆ อาการของคุณมิ้นมันดูแย่ลงเรื่อยๆ แต่ก็จะดีขึ้นเพียงชัวร์ครั้งชัวร์คราวเวลาไปหาอาจาร์ยให้อารย์ทำพิธีให้เท่านั้น พอผ่านไปอีกสัก2-3วันก็กลับมาเป็นอีก
อาการของคุณมิ้นแย่ลงเรื่อยๆจนคล้ายจะมีอาการวิกลจริต เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง บางครั้งก็พูดคนเดียว และมักจะหยิบผอบที่ผสมกับน้ำมันขวดนั้นมาทาปาก ทาแขนทาขาอยู่ประจบเหมือนเครื่องประทินผิว และคุณมิ้นจะห่วงผอบนี้มาก ใครก็แตะหรือเอาไปไม่ได้ ไม่งั้นเธอก็จะอาละวาด
ในวันหนึ่งที่คุณตังเมพาคุณมิ้นมาส่งบ้านหลังจากที่พึ่งกลับมาจากการไปหาอาจารย์...คุณมิ้นก็ดันลืมมือถือไว้ที่ห้องของคุณมิ้น เลยต้องวนกลับมาที่บ้านคุณมิ้นอีกครั้ง...จนได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด คุณตังเมเดินขึ้นมาบนห้องด้านบนก็ได้ยินเสียงเหมือนพี่มัดกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ พอมาถึงหน้าประตูก็เลยได้ยินสิ่งที่ไม่คาดฝันเพราะพี่มัด กำลังเอามือพลักหัวของคุณมิ้น และหัวเราะชอบอกชอบใจ พร้อมกับพูดทุกอย่างออกมา
“มึงแย่งทุกอยากไปจากชีวิตกู กูมาก่อนแท้ๆ แต่พอมีมึง พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจกูอีกเลย ไม่ว่ากูจะเรียนเก่งแค่ไหน ทำดีแค่ไหน หรือประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่เคยเหลียวแลกูสักนิด ถ้าไม่มีมึงสักคน ชีวิตกูก็คงจะดีกว่านี้...ค่อยๆตายช้าๆ ค่อยๆทรมานนะอีมิ้น”
คุณตังเมได้ยินทุกอย่าง ก็ตกใจมาก และในชั่วขณะนั้น พี่มัดก็หันมาเจอคุณตังเมเข้าพอดี คุณตังเมเลยสาวเท้าวิ่งหนี แต่ก็ไม่ทันเพราะพี่มัดเขาเปลียวและไวกว่า
เกิดการยืดยุดกันเกิดขึ้น คุณตังเมพยามต่อสู้กับพี่มัดเพราะเธอกำลังจะบีบคอของคุณตังเม
“มึงไม่กลับมาเลยนะ ถ้ามึงไม่กลับมามึงก็คงไม่ต้องตาย”
คุณตังเมพยามดิ้นรน และต่อสู้ ปรบจวบเหมาะกับตรงนั้นมีปุ่มฉุกเฉินที่พ่อแม่คุณมิ้นติดไว้ถ้ามีอะไรก็จะแจ้งเตือนไปทางมือถือทันที คุณตังเมเลยกดที่ปุ่มนั้นและเสียงไซเรนก็ดังขึ้น
พี่มัดตกใจกับเสียงเตือน เลยเผลอผละมือจากคุณตังเม คุณตังเมอาศัยจังหวะนั้นรีบหนีออกมาจากบ้าน และเอาโซ่ล็อคที่รั้วทันทีพร้อมดึงลูกกุญแจออกมา
พี่มัดที่วิ่งตามออกมาก็ได้แต่อาละวาด พร้อมพูดสาปแช่งคุณตังเม และไม่นานนัก เมื่อรถพ่อแม่คุณมิ้นมาจอด อาการอาละวาดของพี่มัดก็สงบลง มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน พี่มัดเปลี่ยนอากัปกิริยาที่พูดกับพ่อแม่ทันทีและโยนทุกอย่างมาให้คุณตังเม
“แม่...แม่เปิดประตูให้มัดหน่อย เมื่อกี้จู่ๆเมก็เข้ามาทำร้ายมัด น่าจะมีการเข้าใจอะไรกันผิดแน่ๆเลย..มัดอยากคุยกับน้องเขาสักหน่อย”
แม่กับพ่อคุณมิ้นก็ได้แต่ถอนหายใจ และถามพี่มัดกลับไปว่า
“ลูกแน่ใจใช่ไหม”
พี่มัดก็พยักหน้า แม่คุณมิ้นเลยเอากุญแจสำรองไปเปิด พี่มัดพุ่งออกจากประตูทันที แต่ก็ถูกคุณแม่คว้าไว้ก่อน และบอกให้เข้าไปคุยกันในบ้าน ส่วนคุณตังเมก็ไปหลบหลังพ่อคุณมิ้นแทน
พอเข้ามาในบ้าน สภาพในบ้านยังคงหลงเหลือร่องรอยของการต่อสู้ ข้าวของเครื่องในระเนระนาด
ทั้งหมดพากันกลับขึ้นมาบนห้องนอนของคุณมิ้น ซึ่งคุณมิ้นเองก็ยังหลับอยู่ด้วยฤทธิ์ยา
พี่มัดเล่าเรื่องทุกอย่าง กลับขาวเป็นดำได้อย่างน่าอัศจรรย์ กลายเป้นคุณตังเมเองที่เป็นคนหาเรื่องก่อนและเข้ามาทำร้ายก่อน จนคุณแม่ที่ฟังมานานน่าจะเต็มทนเลยชี้มือขึ้นไปที่หลอดไฟด้านบนให้ลูกสาวคนโตได้ดู
พอพี่มัดเงยขึ้นไป ก็หันมาถามคุณแม่ว่า
“แม่ติดกล้องไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ใช่ ในหลอดไฟมีกล้องวงจรปิดติดอยุ่
“ตั้งแต่มิ้นป่วยแม่ติดเอาไว้ดู แต่ไม่ได้บอกใครนอกจากพ่อเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด...ซึ่งมันก็มีจริงๆ..ในบ้านก็มีนะมัดกล้องวงจรปิดน่ะ มีทุกมุมของบ้านเลย แต่เป็นขนาดเล็กๆแม่ว่ามัดน่าจะไม่ทันสังเกตุ”
พี่มัดได้ฟังแบบนั้นก็ยิ่งหน้าถอดสี และเริ่มคลุ้งคลั่ง
“แม่...พ่อ...มัดขอโทษ...มัดไม่ได้ตั้งใจ...มัดไม่ได้ตั้งใจ...มัดไม่ผิด...มัดไม่ได้ทำ...คนที่ผิดคืออีมิ้น...เป็นอีมิ้นที่ผิด...อีมิ้นมันแย่งทุกอย่างไปจากมัด ถ้าไม่มีมัน ชีวิตมัดก็จะดีกว่านี้ พ่อกับแม่ก็จะรักแต่มัด..อีมิ้นมันโง่คิดว่าอาจารย์จะช่วยมัน มัดจ้างอาจารย์ไว้นานแล้ว ป่านนี้สีผึ้งนั้นเข้ากระดูกไปแล้ว...ยังไงมันก็ต้องตาย”
พอได้ฟังก็เลยรู้ได้ว่าทุกอย่างมาจากพี่มัด..พี่มัดน่าจะมีการว่าจ้างอาจารย์ทำคุณไสย์อยู่ก่อนแล้ว ประจวบกับช่วงนั้นที่คุณมิ้นมีประหาชีวิต เลยได้จังหวะแนะนำให้ไปเจออาจารย์และได้มอบผอบใส่สีผึ้งมาให้ทาทุกวันจนอาการแย่ขนาดนี้
แม่คุณมิ้นก็เอาแต่ร้องไห้และบอกว่ารักลูกทุกคน และผิดเองที่ทำให้พี่มัดรู้สึกแบบนั้น แต่พี่มัดกลับชักมีดปลายแหลมขึ้นมา นั้นเลยทำให้ทุกคนต้องค่อยๆถอยห่าง
พี่มัดเอามีดมาขู่ทุกคนด้วยความหวาดกลัว ร้องไห้สลับหัวเราะไปด้วย ก่อนที่จะตวัดมีดกลับหลังแล้วแทงเข้าที่ท้องตัวเองจนมิดด้าม ร่างของพี่มัดทรุดลงกับพื้น พี่มัดยังคงหัวเราะทั้งน้ำตา และบิดมีดในท้องอีก1ครั้งก่อนที่จะล้มหมดสติไป
ทุกคนกรีดร้องด้วยความตกใจ แม่รีบวิ่งเข้าไปดูพี่มัดก็ไม่หายใจแล้ว ทางคุณตังเมก็เข้าไปดูคุณมิ้น ทางนั้นก็ยังคงหลับสนิท คุณพ่อที่น่าจะสติครบมากที่สุด รีบกดโทรศัพท์ไปหากู้ภัย และตำรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่มาครบแล้วก็พาศพพี่มัดออกไปและพาคุณมิ้นออกไปด้วยเพื่อรักษาที่โรงพยาบาลต่อ เพราะบ้านในตอนนี้เละจนไม่พร้อมในการดูแลคุณมิ้นแล้ว
แต่คุณมิ้นก็อยู่ต่อได้อีกไม่ถึง3วันสุดท้ายก็เสียตามพี่มัดไปติดๆ ก่อนที่คุณมิ้นจะเสีย คุณมิ้นมีอาการเพ้อ บอกว่าเห็นพี่มัดมายืนเรียกให้ไปอยู่ด้วย พี่มัดน่ากลัว และร่างกายก็ค่อยๆซูบผอมลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดคุณมิ้นก็หยุดหายใจ
ทางครอบครัวเลยทำพิธีที่วัดเดียวกันและจัดพร้อมกัน คุณแม่เศร้าเสียใจมาก ร้องไห้อยู่ตลอด ที่งานศพก็มีเพื่อนร่วมงานของคุณมิ้นและพี่มัด และญาติๆในครอบครัวมาช่วยงาน ทุกคนต่างก็ถามถึงสาเหตุการตายของทั้งสองคน แต่ ทั้งคุณตังเม และพ่อแม่ของคุณมิ้นตกลงกันไว้แล้วว่า จะบอกแค่โจรขึ้นบ้านแล้วทั้งคู่เลยถูกฆ่าปิดปาก...
งานศพเป็นไปอย่างปกติ จนกระทั้งวันเผา ศพของพี่มัด ถูกเผาที่วัดข้างๆ เพราะวัดที่ตั้งศพมีเพียง1เมรุ จึงทำให้เผาพร้อมกันไม่ได้
ผ่านไปกว่า5ชั่วโมง สัปเหร่อทั้ง2วัดก็มาหาคุณแม่ที่บ้านซึ่งอยู่เยื่องๆกับวัด
“แม่เอ่ย..ศพลูกเอ็ง2คน ข้าเผามาเกือบ5ชั่วโมงแล้ว...ไม่ไหม้เลยซักศพ ข้าต้องเอาเกลือสาดแล้วนะ”
คุณตังเม กับคุณพ่อคุณแม่ของคุณมิ้นเลยรีบไปดู ก็จริงอย่างที่สัปเหร่อบอก ทั้ง2เมรุไม่มีเมรุไหนเลยที่ศพไหม้ ในตอนที่ส่องผ่านช่องเล็กๆหน้าเตาเผา คุณตังเมก็เห็นว่าโลงและของทุกอย่างไหม้หมดแล้ว เหลือก็แต่ตัวคุณมิ้นและพี่มัดนั้นแหละที่ไม่ยอมไหม้
สัปเหร่อเลยแนะนำให้พ่อแม่ไปพูดกับทั้งคู่ที่หน้าเมรุเผา ว่าอโหสิกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ติดอยู่ในใจ แล้วสัปเหร่อจะเอาเกลือสาดเข้าไปอีกทีเป็นการล้างอาถรรพ์ ซึ่งม็แปลกมากที่เมื่อสาดเกลือแล้ว..ศพของทั้งคู่ก็เผาได้ง่ายเหมือนปกติ และเมื่อเวลาผ่านไป1ชั่วโมงกว่าๆ ศพของทั้งคู่ก็ไหม้พอดี
เมื่อมาเก็บกระดูกก็ต้องตกใจ เพราะกระดูกทั้งคู่เป็นสีดำสนิท...
คุณแม่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่กอดคุณพ่อร้องไห้เพราะเสียลูกทั้งสองคนไปพร้อมๆกัน.
โฆษณา