27 ต.ค. 2023 เวลา 09:30 • บันเทิง

รูมเมทสยองขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับฟังมาจากพี่บีมค่ะ ซึ่งขอแทนว่าบีมสั้นๆนะคะ
บีมเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนสมัยที่พึ่งเอ็นทราส์ติดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของภาคกลาง
แต่ด้วยเพราะบีมเป็นคนต่างจังหวัด เรียกว่าคนละภาคเลยก็ว่าได้ นั้นเลยทำให้ต้องมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี้ ทีแรกบีมก็ตั้งใจว่าจะมาหาหอพักอยู่ แต่ทางมหาวิทยาลัยมีกฎว่าต้องให้นักศึกษาใหม่เข้าอยู่หอในเท่านั้น และต้องอยู่เป็นเวลา1ปี ถึงจะมีสิทธิ์ออกไปหาหอนอกได้ และจำเป็นจะต้องแชร์ห้องกับคนอื่นอีก2คนด้วย (เรียกว่าจำเป็นต้องมีรูมเมท)
ตัวของบีมเองก็ไม่รู้ว่าจะไปแชร์ห้องกับใครดี เรื่องนี้เลยตกเป็นหน้าที่ของทางมหาลัยเป็นคนจัดการหานักศึกษาเข้ามาแชร์ห้องให้แทน
ก็เลยได้เพื่อนใหม่มีอีก2คนชื่อฝ้ายกับนา นาจะเป็นเด็กสาขาเดียวกัน ส่วนฝ้ายจะเป็นคนต่างสาขา บีมกับนาค่อยข้างสนิทกันเป็นพิเศษ แต่ฝ้ายเป็นคนพูดน้อย ออกจะไปทางเรียบร้อยๆหน่อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
และไม่รู้ว่าเพราะฝ้ายเป็นแบบนี้หรือเปล่า มันเลยทำให้ฝ้ายมักจะถูกเพื่อนๆในสาขาบูลลี่อยู่ตลอดเวลา
แต่การที่ฝ้าย เป็นคนเงียบๆ สำหรับบีมแล้วมันทำให้เธอดูน่ากลัว บีมรู้สึกได้ถึงความน่าขนลุกภายใต้ความเรียบเฉยของฝ้าย
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาสักระยะหนึ่ง บีมก็เริ่มเห็นความผิดปกติของรูมเมทคนนี้มีละนิดๆ
ฝ้ายมักจะมีพฤติกรรมแปลกๆให้เห็นเสมอๆ เพราะเธอชอบวาดรูปน่ากลัวๆลงสมุดโน็ตอยู่เป็นประจำ บ่อยครั้งที่ฝ้ายมักจะชอบพูดคุยกับอะไรบางอย่างที่เพื่อนๆมองไม่เห็น และมักจะชอบสวดมนต์ภาษาแปลกๆในช่วงกลางคืน
แต่ที่แปลกยิ่งกว่า คือหลังจากที่อยู่กันมาได้ปีกว่าก็ค่อยๆเกิดเรื่องราวต่างๆเพิ่มมากขึ้น แต่ทุกเรื่องมันจะต้องเกี่ยวข้องกับฝ้ายทั้งสิ้น
ในมหาลัยแห่งนี้มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ เช่นเกิดอุบัติเหตุในโรงยิม เกิดเหตุการณ์นักศึกษากระโดนตึกลงมาตาย รวมไปถึงเกิดเหตุแทงกันตาย
แต่จุดเชื่อมที่น่าสนใจก็คือ ผู้เสียหายและเสียชีวิตทั้งหมด ล้วนเป็นคู่กรณีของฝ้ายทั้งนั้น
และทุกครั้งที่เกิดเหตุใครหลายคนก็มักจะเห็นฝ้าย ยืนร่วมดูเหตุการณ์นั้นเสมอด้วยสีหน้าสีตาที่มีความสุขมาก
แต่แล้วในก็มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นบีมได้กลับมาที่หอพักช่วงบ่ายๆ พอเข้ามาในห้องบีมก็ได้ยินเสียงของฝ้าย กำลังพึมพำหรือละเมออะไรสักอย่าง พอเข้าไปดูก็เห็นว่า ฝ้ายกำลังนอนอยู่บนเตียง และกำลังนอนดิ้นไปมาเหมือนพยามต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น และปากก็พึมพำๆเหมือนกำลังบริกรรมคาถาอยู่
และไม่นาน....เหตุการณ์ในห้องก็สงบลง บีมเลยวิ่งเข้าไปหาและถามด้วยความเป็นห่วง
“มึงโอเคไหม เมื่อกี้เป็นอะไร ฝันร้ายรึป่าว”
“กูโอเค แต่กูแนะนำนะ สองสามวันนี้ มึงกับอีนาอย่าพึ่งกลับห้องเลย ไปหาห้องอื่นนอนก่อนจะดีกว่า”
ฝ้ายตอบหวนๆ และพยามแนะนำให้เพื่อนย้ายห้องชั่วคราว
แน่นอนว่าบีมไม่เข้าใจเหตุผล แต่ก็เชื่อว่ามันมีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ
“กูไม่รู้หรอกนะว่าทำไม แต่เออ..กูไม่กลับห้องก็ได้...”
“แค่กๆ...”
ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่ จู่ๆฝ้ายก็เริ่มไอ ไอเหมือนคนกำลังจะตาย และก็เริ่มอ้วกออกมาเป็นก้อนเมือกสีดำๆและตะปูอีก4-5ดอก
“เชี้ย!!”
บีมตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ามาก และด้วยความกลัวจึงทำให้เธอถอยหลังกรูดจนติดผนัง
“ออกไป!!! กูบอกให้มึงออกไป!!”
ฝ้ายหันมาตวาดใส่บีม พร้อมกับเอามือปิดปากตัวเองแล้วไอขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็มีเลือดอีกจำนวนมากที่ไหลออกมาจากปากของฝ้าย
ใจบีมอยากจะหนีมากแต่ขามันแข็ง เลยต้องทำให้บีมนั่งมองเพื่อนตัวเองนั่งสวดภาวนาบริกรรมคาถาแล้วเป่าพรวดลงแขนขาตัวเองอยู่แบบนั้นพร้อมกับอ้วกออกมาเป็นตะปูอีก2-3กอง
เมื่อความกลัวมาถึงขีดสุด บีมเลยรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย แล้วสาวเท้าโกยอ้าวออกจากห้องทันที
พอวิ่งออกมาได้ก็โทรหานา ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเหมือนคนบ้าด้วยความกลัว
นาตามมาเจอบีมก็เห็นว่าเพื่อนเอาแต่น้องร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเหมือนคนบ้า เลยพยามเรียกสติเพื่อนให้ได้มากที่สุดเพราะจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“อีบีม ตั้งสติ มองกูดีๆนี้! ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ ใจเย็นๆมึง แล้วค่อยๆเล่า”
พอบีมตั้งสติได้ก็เล่าเหตุการร์ทั้งหมดให้นาฟัง ซึ่งนาฟังจบก็ตกใจมาก
“นั้นไงกูว่าแล้ว! กูคิดไว้อยู่แล้วเชียวพฤติกรรมอีฝ้ายมันเหมือนคนเล่นของเลย”
แต่ทว่าอาการของฝ้ายตอนนี้ก็เหมือนคนโดนของเช่นกัน...
“ว่าแต่มึงหยิบอะไรมาด้วยน่ะ” นาทักขึ้นเพราะเห็นว่าที่มือของบีมมีสมุดเล่มหนึ่งอยู่ด้วย
เมื่อบีมก้มมองก็เลยรู้ว่าเป็นสมุดที่ฝ้ายชอบเอาไว้วาดรูปประจำนั้นเอง
บีมกับนา ทั้งสองคนเลยถือวิสาสะเอาสมุดฝ้ายมาดู
ที่น่าตกใจก็คือด้านในมีแต่รูปน่ากลัวๆที่ฝ้ายวาดไว้ และมันคือรูปจำลองเหตุการณ์อุบัติเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่ที่น่าขนลุกกว่านั้นก็คือ วันที่ที่ฝ้ายเขียนลงในภาพนั้น...ทั้งหมดล้วนเป็นวันที่ก่อนเกิดเหตุทั้งสิ้น
เหมือนกับว่าฝ้ายรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
บีมพลิกสมุดเล่มนี้มาจนถึงหน้าสุดท้าย ก็ได้พบกับข้อความที่ฝ้ายได้เขียนไว้1หน้ากระดาษ
‘ไม่รู้ว่าจะมีใครมาเห็นข้อความนี้ของฉันไหม...ฉันแค่อยากจะระบายให้ใครสักคนได้ฟัง....ฉันเป็นเด็กกำพร้า ที่พ่อแม่ก็ตายตั้งแต่ฉันยังเล็ก ฉันเลยถูกคุณปู่เลี้ยงมาโดยตลอด คุณปู่ของฉันท่านใจดีมาก แต่ท่านก็อายุไม่ยืน...
คุณปู่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็กลับทิ้งมรดกทุกอย่างไว้ให้ฉัน ทั้งบ้าน เงินทอง..และวิชาไสย์เวทย์ทั้งหมด แน่นอนว่ามันสร้างความไม่พอใจให้กับพวกลูกๆของปู่มาก หลังจากที่ปู่เสีย ฉันก็ถูกเลี้ยงมาอย่างทารุณตลอด
พวกเขาเกลียดฉัน
เวลาที่พวกเขาอารมณ์ดี พวกเขาก็จะพูดดีกับฉัน จะมีของกินดีๆให้ แต่ถ้าวันไหนที่พวกเขาอารมณ์เสียไม่ว่าจะกับอะไรก็ตาม
ฉันคือสนามอารณ์...
ฉันถูกเตะต่อยและทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด คนทั้งบ้านเกลียดฉัน และทุกคนจ้องจะฆ่าฉัน
แต่ฉันกลับรักพวกเขามากเกินไป
มากเกินกว่าที่จะฆ่าได้..
ฉันเลยพยามเอ็นทราสให้ติดและหนีมาเรียนต่อที่นี้ และได้มาเจอกับเธอ2คน
บีม และ นา
พวกเธอเหมือนแสงในชีวิตของฉัน ฉันได้รับความรักและความห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจครั้งแรกจากพวกเธอ..ซึ่งแตกต่างกับครอบครัวของฉันและคนอื่นๆที่จ้องทำร้ายฉัน ไอ้คนพวกนั้นที่มันชอบแกล้งฉัน รังแกฉันที่มหาลัย..มันสมควรตาย
ใช่ถ้าเธออ่านมาถึงตรงนี้ฉันมั่นใจได้เลยว่าเธอเดาถูก...เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในมหาวิทยาลัย..เป็นฝีมือของฉันเอง
ฉันไม่รู้ว่าวาระสุดท้ายของฉันจะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะพวกเขาคงไม่ปล่อยฉันไว้นานแน่ๆ แต่ฉันอยากให้พวกเธอรู้อย่างหนึ่งว่าฉันดีใจที่มีพวกเธอเป็นเพื่อน’
พออ่านจบบีมกับนาก็ตัดสินใจจะกลับไปห้องนั้นอีกครั้ง แต่เพื่อความชัวร์ ทั้งคู่ก็เอาเรื่องนี้ไปบอกกับอาจารย์หอ และขอให้เขาไปเป็นเพื่อน แน่นอนว่าอาจารย์หอไม่เชื่อที่บีมเล่า แต่ก็ยอมไปด้วยกันเพื่อความสบายใจของนักศึกษา
เมื่อมาถึง อาจารย์ก็เปิดประตูห้องเข้าไป แต่กลับมีกลิ่นคาวคลุ้งของเลือด ตีโชยตลบออกมาอย่างน่าขนลุก
ชัดเลยว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ
อาจารย์รีบไปเปิดไฟห้อง และเมื่อแสงไฟสว่างขึ้น ทั้งสามคนก็พบกับร่างของฝ้ายที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นกลางห้อง และร่างของฝ้ายนั้นก็ชุมโชกไปด้วยเลือด
บัดนี้ตามเนื้อตัวของฝ้ายนั้นมีเเต่รอยแผล ผิวที่เคยขาวอมชมพูก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นผิวช้ำเลือด และมีแต่รอยแผลเหวอะหวะ บริเวณพื้นก็มีเเต่กองลิ่มเลือดสีดำ เศษเล็บ เศษผิว และตะปูหงิกงอจำนวนมาก
สภาพของฝ้ายในตอนนี้เรียกว่าไม่สู้ดี
ฝ้ายเหมือนคนที่เสียสติไปแล้วและพูดไม่รู้เรื่อง มือไม้ก็คอยแต่ข่วนจิกตัวเอง และดึงตะปูออกมากจากผิวหนังลงพื้น
ที่ละดอก..
ทีละดอก..
และดอกสุดท้ายที่ฝ้ายดึงออกมาคือที่คอบริเวณหลอดลม เมื่อดึงออกมาก็ตามมาด้วยเลือดจำนวนมากที่พ่นออกมาจากลำคอ ก่อนที่ฝ้ายจะล้มฟุ้บลงไป และไม่นานนักฝ้ายก็สิ้นใจ...
บีมและนาพร้อมใจกันกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว อาจารย์หอเองก็ตกใจมาก แต่อาจจะเพราะด้วยคุณวุฒิหรือวัยวุฒิที่มากกว่าถึงสามารถดึงสติกลับมาและรีบติดต่อกู้ภัยได้ในเวลาไม่นาน
เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างความโกลาหนขึ้นในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก แต่ที่เรื่องไม่แดงจนเป็นข่าวดังนั้นก็เพราะทางมหาวิทยาลัยยอมเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อปิดข่าว และพยามทำให้คดีนี้มันเงียบเชียบที่สุด
หลังจากฝ้ายเสีย บีมกับนาก็ไปงานศพฝ้ายในฐานะของรูมเมท ก็ได้พบกับทางครอบครัวของฝ้าย บีมยืนยันว่าสมาชิกในครอบครัวของฝ้ายเขามีพฤติกรรมแปลกๆกันทั้งบ้านจริงๆ
แค่มองดูก็ทำให้ขนลุกได้แล้ว
โดยเฉพาะป้าฝัน ป้าแท้ๆของฝ้าย ที่บีมเจอครั้งแรกก็กลับรู้สึกไม่ถูกชะตา บีมรู้สึกว่าป้าร้ายลึกมากจริงๆจนไม่น่าเข้าใกล้
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่บีมไปนั่งแอบอยู่ๆใกล้ๆกับโลงของฝ้าย ก็ดันได้ยินว่าฝันมาพูดข้างๆโลงของฝ้ายว่า
"อโหสิให้กูนะ เพราะจริงๆของเหล่านั้นมันควรจะเป็นของกูตั้งแต่ต้น"
ลึกๆใจบีมเชื่อไปเกือบ100%เลยว่าป้าฝันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฝ้ายแน่ๆ เเต่การจะเอาเรื่องไสยศาสตร์ไปเป็นหลักฐานให้ตำรวจก็ไม่ได้
บีมเลยยอมหยุดเรื่องตรงนี้ลง
ทว่าหลังจากที่ฝ้ายเสียไปได้3เดือนเศษๆก็มีข่าวแจ้งกลับมาว่า ป้าฝันเสียชีวิตแล้ว ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ้าน บีมก็ได้ทราบมาอีกว่า ทางตำรวจได้สันนิฐานคาดว่าป้าฝันน่าจะลื่นและล้มลงคอไปสับกับมีดพร้า เสียชีวิตคาที่ในสภาพขอเกือบขาด
พอบีมได้ฟังแบบนั้นก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีก ว่าเป็นป้าฝันนี้แหละที่ข้างฝ้ายเพื่อนของเธอ
และฝ้ายก็น่าจะมาเก็บป้าฝันไปเรียบร้อยแล้ว...
หลังจากการเสียชีวิตของป้าฝันและฝ้าย นับจากนั้นมาก็ไม่เคยมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอีกเลย จวบจนบีมเรียนจบ
โฆษณา