8 พ.ย. 2023 เวลา 17:10 • ท่องเที่ยว
โคโลราโด

แบกเป้ไป Hiking @ Maroon Bells, Aspen, Colorado

วันนี้ปันได้ไปเจอโพสต์ของเพจการท่องเที่ยวรัฐโคโลราโด ที่ปันเคยไป W&T มาก่อน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของ Aspen ที่ปันไปทำงาน สถานที่นั้นก็คือ Maroon Bells และปันก็ได้เคยไปเที่ยว Maroon Bells ด้วย เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์จากตรงนี้ด้วย จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันได้เลย
  • 16 August 2022
ทริปการเดินทางไป Maroon Bells นั้น เป็นการเดินป่า (Hiking) ล้วนๆ ดังนั้นหากใครที่ได้มีโอกาสมาที่นี่ ก็ควรเตรียมรองเท้าสำหรับเดินป่ามาด้วยละกันละนะ
วันนั้นปันก็มากับเพื่อนทั้งหมด 5 คน เป็นคนไทย 4 คน และคนเม็กซิกันอีกคน ด้วยความที่วันนั้นพวกเรา Day Off (เป็นวันหยุด) กันทั้งหมด ก็เลยนัดกันไปที่ Maroon Bells กัน ปันออกจากที่พักประมาณ 7:45 ที่บ้านพักที่ Snowmass
ตารางเดินรถสายต่างๆ ของ Aspen
โดยนั่งรถบัสสาย SM จากที่พัก ไปต่อรถที่ Brush Creek ซึ่งเป็นป้ายหยุดรถที่ตีนเขา จากนั้นก็นั่งรถสาย BRT (หรือ L ก็ได้) ผ่านสนามบิน Aspen Pitkin (ASE) ไปลงที่ป้าย Hwy.82 & Roundabout จากนั้นก็นั่งรถสาย CM ไปที่ Aspen Highlands เพียงแค่ป้ายเดียวเท่านั้น
Aspen Highlands
ปันลงมาซื้อตั๋วเข้าไปที่ Maroon Bells ที่นี่ ราคาประมาณ 20$ (~720 บาท) ซึ่งเราสามารถ Book จองมาล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ได้เลยนะ
หลังจากได้ตั๋วแล้ว ก็ขึ้นรถบัสไปอีกต่อซึ่งเป็นรถที่จะพาเราไปยังอุทยาน Maroon Bells กันเลย ปันนั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางก็ผ่านพื้นที่เขตภูเขา แล้วก็ลำธาร Maroon Creek
หลังจากที่นั่งรถไปได้สักพัก ก็ได้เดินทางมาถึงทางเดินเขากันแล้ว เบื้องหน้าจากที่ลงจากรถ ก็คือแนวเทือกเขาร็อคกี้ และยอดเขา Maroon Peak ที่เป็นยอดเขาที่นักปีนเขา นิยมพิชิตยอดเขาของที่นี่ โดยมีความสูงประมาณ 14,000 ฟุต (~4,320 เมตร) และด้านขวาของ Maroon Bells นั่นก็คือยอดเขา Pyramids Peak มีความสูงไล่เลี่ยกัน คือ 4,280 เมตร
ทะเลสาบ Maroon Leaks และยอดเขา Maroon Peak
วันที่ปันเดินทางมาที่นี่ ฝนเพิ่งตกมาใหม่ๆ ยอดเมฆก็เลยบังยอดเขา ทำให้มองไม่เห็นยอดของ Maroon Peak ได้ชัดเจนนัก ถ้าเป็นวันที่อากาศสดใสคือ จะสวยกว่านี้มาก แล้วก็จะได้เห็นยอดของมันด้วย แล้วจุดที่ปันถ่ายรูปนี้คือ ถ่ายตรงด้านล่างของ Trail บริเวณทะเลสาบ Maroon Leak
Maroon Bells ในช่วงกลางหน้าร้อนตอนเดือนสิงหา คือแบบพืชพรรณ ต้นไม้เขียวชอุ่มมาก มีลำธารสายเล็กสายน้อย ที่เบื้องหลังคือแนวเขาร็อคกี้เนี่ย ทำให้ปันนึกถึงอะไรรู้มั้ย?
นึกถึงนอร์เวย์อ่ะ ที่จะเป็นเทือกเขาสูง สลับกับลำธารแบบนี้ แต่ต่างกันตรงที่นอร์เวย์จะมี ฟยอร์ด ที่เป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่อ่ะ แต่ที่นี่จะไม่มี
เส้นทาง Trail ที่ปันจะทำการ Hiking ในครั้งนี้ มี 2 Trail หลักๆ คือ Scenic Loop และ Maroon-Snowmass Trail โดยเราจะเดินทางผ่าน Maroon Lake Trail เป็นเส้นทางเดียวที่ใช้ทั้งขาไป และขากลับการ Hiking ที่ Maroon Bells แห่งนี้
ข้อมูลการเดินทางของ Trail ต่างๆ ใน Maroon Bells
ปันเดินผ่าน Maroon Lake Trail ระยะทางประมาณไป-กลับ 1 ไมล์ (~1.6 กิโลเมตร) ผ่านทะเลสาบ Maroon Lake ตรงนี้ก็ปกติ ไม่ได้ขึ้นชันอะไรเลย ตรงนี้ก็ถ่ายรูปดอกไม้ภูเขา คู่กับภูเขาสักกรุปก่อนจะเดินทางกันต่อ
จากนั้นปันก็เริ่มเดิน Hiking กัน โดยเริ่มจากจุดแรกก็คือ Scanic Loop Trail ซึ่งเป็นทางเดินชมธรรมชาติแบบเบาๆ ระยะทาง 1.5 ไมล์ (~2.5 กิโลเมตร) แนวการเดินจะเป็นแบบวงกลม ความสูงตรงนี้จะไม่มาก ประมาณ 100 ฟุต (30 เมตร) ตั้งแต่ระดับความสูง 9,600-9,700 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่จะไม่อนุญาตให้นำหมามาเดินใน Trail
พวกปันเลือกเดินไปทางฝั่งขวา กลับมาทางซ้ายนะ ช่วงที่เดินไปใน Trail ช่วงแรกก็เป็นทางเดินใหญ่ แต่เมื่อเดินผ่านตรงทะเลสาบ ทางก็เริ่มชัน บางช่วงก็คือต้องเกาะหินอ่ะ ไม่งั้นจะร่วง แต่ทางโดยรวมก็ไม่ได้โหดไรมากหรอก
ระหว่างที่เดินเดินไป ก็ไปเจอกับฝรั่งนักท่องเที่ยว มาทักพวกปันว่า เหมือนพวกเขาเจอหมีด้วยนะ ให้ห่างๆ หน่อยละกัน ถ้าเจอ คือคนเมกาก็จะเป็นคนที่มักจะทัก จะคุยกับคนแปลกหน้านะ ไม่เหมือนบ้านเราที่ต่างคนต่างไป ไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ใช่มะ แต่ที่นี่คือเจอกัน ถ้าอยากคุยอยากเตือน เขาจะเป็นฝ่ายทักเราเลย อย่างตอนโริดทริปนี่ก็ทักเยอะแหละ 😀😀
หลังจากที่เขาเตือน ก็นี่ก็ระวังไว้เลย คือกลัวโดนหมีสุดๆ แต่ก็ไม่ได้ระแวงอะไรมาก ก็ทำตัวปกติ เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางปันก็ชื่นชมธรรมชาติกันไป ซึ่งสวยทุกมุมที่ถ่ายรูปออกมาให้เห็นกันได้ ผ่านช่วงตรงที่เป็นดงต้นเบิร์ชแล้ว ก็จะเป็นทุ่งหญ้า จากนั้นแล้วก็จะเป็นป่าดงดิบ ป่าดงดิบที่แบบ ต้นไม้หน่อยใหญ่ปกคลุมข้างทางไปหมด แต่ก็ยังมีพื้นที่ Trail ให้เดินต่อไปได้อยู่นะ
ทางเดิน Scenic Loop Trail ฝั่งขวา
มาถึงบริเวณที่น่าจะเป็นด้านในสุดของ Trail ปันก็ได้มานั่งพักกันก่อน ประมาณ 15 นาทีได้ ระหว่างนี้ก็ได้มาถ่ายรูปกันก่อน หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกันต่อเลย ทีนี้จะเป็นการเดินมาฝั่งซ้ายแล้ว ระหว่างทางนี้ก็ผ่านผืนป่า ต้นไม้ใหญ่ และช่วงนี้กลุ่มเมฆก็ลอยตัวมาบังภูเขากันให้เห็นเลย เป็นทะเลหมอกให้ปันได้แวะถ่ายรูป แล้วจากนั้นก็เดินต่อไป ก่อนที่จะโผล่ออกมาตรงสะพานไม้ จุดบรรจบกับฝั่งขวา ที่เราเดินเข้าไป
ทางเดิน Scenic Loop Trail ฝั่งซ้าย
มองไปด้านหลังที่เป็น Maroon Peak ตอนนี้ก็ได้ถูกเมฆบังจนหมดไปแล้ว คือไม่เห็นตัวภูเขาเลยอ่ะ
ปันเดินอยู่ใน Trail นี่ประมาณชั่วโมง แต่การเดินทางเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ Trail ที่ปันได้เดินมาเนี่ยบอกเลยคือ “ออเดิฟ” ของจริงอยู่ที่นี่เลย นั่นก็คือ “Maroon-Snowmass Trail” พาเราขึ้นไปชมทะเลสาบ Crater Lake ที่ขอบอกเลยว่า “โหดสุดๆ”
กับระยะทางไป-กลับ 3.6 ไมล์ (~5.7 กิโลเมตร) และระดับความสูงที่ต่างกันถึง 520 ฟุต (~155 เมตร) แถมระหว่างทางก็หฤโหดอีกนะ จุดเริ่มต้นจะอยู่ตรงป้ายในภาพเลยว่า Crater Lake ให้เลี้ยวขวา
ป้ายทางแยก Crater Lake และ Scenic Loop Trail
หลังจากนั้นแล้ว ทางเดินก็มีความลาดชันขึ้นมาทันที ปันเดินผ่านจุดแรก เป็นพื้นที่ป่าเบิร์ช พร้อมกับความลาดชันประมาณ 10 องศาได้ สัมผัสได้เลย ว่าเดินมาไม่เท่าไหร่ ก็เหนื่อยแล้ว ก็เลยขอแวะมานั่งพัก ก่อนจะพัก ปันก็ได้สังเกตว่ามีป้ายให้ระวังหมีด้วยนะ ที่นี่คือหมีจะเยอะมาก โดยเฉพาะที่โคโลราโดที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาร็อคกี้ ดังนั้นสัตว์ป่าจะเยอะมาก โดยเฉพาะหมี และกวาง
ปันมาแวะพักบริเวณกลางป่าเบิร์ชกัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่ Crater Lake โดยจะต้องเดินต่อไปประมาณไมล์กว่าๆ หลังจากนั้นก็เดินต่อมาได้สักพัก ก็ไปเจอกับกองหินสไลด์ลงมาจากเขา คือเห็นสไลด์ลงไปถึงหน้าผา
หลังจากเดินผ่านแนวหินสไลด์มาแล้ว หมอกก็ลงจัดเลย มองแทบไม่เห็นยอดเขา ปันกลัวไรมั้ย กลัวฝนจะตก เพราะฟ้าครื้ม เมฆหมอกลง กลัวฝนจะตก แล้วมันอาจทำให้เดินลำบากไปอีกอ่ะ
Maroon-Snowmass Trail
จากนั้นก็เดินไปเรื่อย ตามทางต่อไปเรื่อยๆ จากระยะทางประมาณ 400 ฟุตก่อนถึงทะเลสาบ Crater Lake ตรงนี้จะเป็นทางเดินที่หินที่สุดละ คือมันหินจริงๆ เป็นหินแหลม ต้องค่อยๆ เดินไป ไม่งั้นสะดุดหินแหลม อาจเป็นอันตรายได้ เป็นลานหินแหลมกว้างใหญ่มาก ที่นี่ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ มาบ้างแล้วละ
พื้นที่บริเวณนี้ปีนก็ได้ไปพบกับสัตว์ป่า ลักษณะเหมือนหนูภูเขาด้วยนะ ตัวมันจะเล็กๆ ขนสีน้ำตาล วิ่งเร็วด้วยละ ซึ่งปันก็ได้ถ่ายภาพมันมาให้ดูด้วยละ
ลานหินแหลม Maroon Snowmass Trail
หลังจากหลุดจากลานหินแหลมมาได้แล้ว จากนนั้นก็เดินทางต่อไปอีกประมาณ 15 นาที ก็ถึงทะเลสาบ Crater Lake แล้วละ ก่อนถึงทะเลสาบจะมีป้ายเขียนว่า ตัวทะเลสาบให้ไปทางซ้าย
ที่สุดแล้วก็ได้เดินทางมาถึงที่ทะเลสาบ Crater Lake ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ที่เห็นในภาพที่นี้ก็คือ Maroon Peak ในวันฝนปรอยละ หากมาในวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าเปิดนะเราสามารถมองเห็นยอดเขา Maroon Peak ได้ชัดเจนกว่านี้
ทะเลสาบ Crater Lake และ Maroon Peak
พวกปันใช้เวลาในการเดินเท้ามาถึงที่นี่เกือบชั่วโมงเลยทีเดียว กับการเดินทางมาถึงที่นี่ มาถึงแล้วก็ได้เห็นวิวของทะเลสาบ และก็ได้แวะถ่ายรูปไว้ด้วย ณ ที่ตรงนี้ เป็นจำนวนมาก ระหว่างนั้นก็ได้เห็นสุนัขจิ้งจอกมาวิ่งเล่นแถวทะเลสาบ แล้วก็มีเป็ดว่ายน้ำอยู่ตรงทะเลสาบด้วยละ นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมก็ไม่มากเท่าไหร่ เนื่องจากวันที่มาเป็นวันธรรมดาด้วยละมั้งนะ
ความรู้สึกปันในวันนี้คือแบบเหนื่อยตรงที่เดินขึ้นมานั่นแหละนะ แต่เมื่อมาถึงที่ทะเลสาบแล้ว เห็นวิวบรรยากาศของธรรมชาติและพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ของ Maroon Bells มันทำให้ปันได้ผ่อนคลาย แล้วหายเครียดจากการทำงานไปด้วยเลย เป็นความรู้สึกที่ปันอยากจะเก็บไว้ในความทรงจำ และได้เหมือนมาปักหมุด หนึ่งในการเดินทางท่องเที้ยวเชิงธรรมชาติของแนวเทือกเขาร็อคกี้ด้วย
แนะนำว่าหากใครที่ได้มีโอกาสมาที่นี้ ไม่ว่าจะเที่ยว หรือมา W&T ที่นี่ ก็แนะนำว่า Maroon Bells ต้องไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ มันอธิบายได้ไม่หมดหรอก ในความรู้สึกของปัน นอกจากจะให้คนที่มีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ได้มาสัมผัส สถานที่สวยงาม ธารน้ำไหลจากเทือกเขาร็อคกี้อากาศที่เย็นทั้งปี แม้ในฤดูร้อน และอื่นๆ อีกมาก กับบรรยากาศและความรู้สึก ที่ไม่สามารถหาได้ในเมืองไทย
ปันได้มานั่งพัก ชื่นชมกับบรรยากาศธรรมชาติที่หาไม่ได้จากบ้านเรา นานเป็นชั่วโมงแล้ว จากนั้นก็ได้เดินทางลงข้างล่าง เพื่อที่จะกลับไปที่ Aspen Highlands ปันก็ใช้ทางกลับทางเดิมนั่นแหละ ก็คือเส้น Maroon Snowmass Trail แต่ขากลับ ด้วยความที่เป็นขาลง ดังนั้นก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าตอนขามา ลำบากก็แค่ ตอนที่ผ่านลานหินแหลม ใกล้กับใกล้กับทะเลสาบเท่านั้นแหละ แล้วก็ระวังนิดนึง ในเรื่องของความลื่นด้วย เนื่องจากฝนตกด้วย อาจเกิดอันตรายตามมาได้ โดยใช้เวลามาถึงข้างล่างแค่ 45 นาทีเท่านั้น
โดยลงจาก Crater Lake ตอน 12:45 และมาถึงข้างล่างตอนประมาณ 13:30 ซึ่งปันมาโผล่ตรงทะเลสาบ Maroon Lake ข้างล่าง ตามแนว Maroon Lake Trail ไปจนถึงทางเข้า Maroon Bells ตรงที่ลงมาจากรถบัสตอนเช้า พวกปันขึ้นรถบัสขาออกจากที่นี่ เที่ยวบ่ายสองโมง ระหว่างนั้นก็แวะเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปคู่กับ Maroon Peak ก่อนที่จะออกเดินทาง
พอถึงบ่ายสองแล้ว ก็ได้ขึ้นรถออกจากที่ Maroon Bells ไปแล้ว รถก็มาจอดที่ Aspen Highlands จากนั้นก็ต่อรถสาย CM เข้าเมือง Aspen ไปกินข้าวเที่ยงกัน มื้อเที่ยงวันนี้เป็นอาหารเม็กซิกัน โดยปันสั่งเป็นเมนูทาร์โก้ ราคา 14$ แล้วก็เดินเที่ยวเล่นในตัวเมือง Aspen หลังจากนั้นก็กลับที่พักไป
*เกล็ดความรู้เล็กน้อย ที่ Aspen ก็เป็นเมืองที่มี Trail ที่ลากยาวจาก Glenwood Springs ที่อยู่ทางตอนเหนือของ Aspen ผ่านเมือง Carbondale, Basalt-El Jebel, Snowmass (เก่า), Woody Creek จนมาจบเส้น Trail ที่เมือง Aspen แห่งนี้ ระยะทางประมาณ 42 ไมล์ (~65 กิโลเมตร) เป็นเส้นทางการทำกิจกรรม เช่น การ Hiking, ปั่นจักรยาน ตามรายทางที่ Trail พาดผ่าน*
ก็เสร็จไปแล้ว สำหรับการเดินทาง Hiking ชมธรรมชาติอันสวยงาม ที่ Maroon Bells แล้ว มาติดตามรอการเดินทางต่อเด้อ โร้ดทริปนี่เดี๋ยวไว้ว่างก็จะมาลงให้เรื่อยๆ น้าาาาาา
Contact Us
โฆษณา