25 ต.ค. 2023 เวลา 16:14 • ธุรกิจ

“เปลี่ยนตัวเองให้เป็น RARE ITEM”

คำตอบก็คือ กลุ่ม “คนทำงาน” รุ่นใหม่เหล่านี้ (Effective People) มีความพยายามที่จะเรียนรู้ พัฒนาตนเอง ให้มีทักษะและทันโลก เพื่อให้เกิดประสิทธิผลที่ดี และมีความเป็นต่อ ในโลกของการทำงาน เรียกได้ว่าเป็น “Rare Item” ที่บริษัทไหน ๆ ก็ต้องการ
Effective People กับธุรกิจ
อุปนิสัยแบบ Effective People ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีผลกับธุรกิจขององค์กร ก็เพราะว่า การทำธุรกิจนั้น มีเป้าหมายในการขยายกิจการให้เติบโต และต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ซึ่งการมีบุคลากรที่พร้อมจะพัฒนา ก้าวไปกับการเติบโตที่คาดหวัง จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้น ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากธุรกิจจะต้องการคนแบบนี้มาร่วมงานแล้ว ในฐานะของการเป็นองค์กรหรือบริษัท ก็เป็นไปได้ว่า จะสามารถผลักดันให้บุคลากรของคุณที่มีอยู่ พัฒนาศักยภาพตัวเองเพื่อให้เป็น Effective People ได้ในอนาคต
แล้วถ้าคุณอยากพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เป็น Effective People แบบนี้บ้าง ต้องทำอย่างไร?  ลองอ่านเรื่องราวของ 5อุปนิสัย พัฒนาตนเองให้เป็นสุดยอด "ผู้นำ" และ "คนทำงาน" ที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ
1.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
สิ่งแรกที่จะทำให้คุณพัฒนาตนเองเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จได้นั้น คุณต้องมี “เป้าหมายที่ชัดเจน” ลองตั้งเป้าหมายในชีวิต หรือการทำงานของคุณ แล้วค่อย ๆ หาวิธีเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้นอย่างที่ตั้งใจ พร้อมทั้งกำหนดจุดยืน หรืออุปนิสัยแบบ Be Proactive ที่จะไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งเร้า หรือสถานการณ์แวดล้อม ที่มีผลทำให้เป้าหมายของคุณเปลี่ยนไป โดยคุณจะต้องเป็นผู้คิด ริเริ่ม กำหนดสิ่งที่จะทำ และกล้าตัดสินใจในสิ่งที่คุณคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว สิ่งนี้คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ควรปลูกฝังเพื่อการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคตนั่นเอง
2. การลำดับความสำคัญ ช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
อีกหนึ่งอุปนิสัยที่จะสร้างให้คุณเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในองค์กร ก็คือการ “จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็น”
โดยให้เริ่มจากการลิสต์งานในมือทั้งหมด แล้วจับกลุ่มเพื่อลำดับความสำคัญตามลักษณะงาน ตัวอย่างที่น่าสนใจ และทำให้เห็นภาพชัดขึ้น
จากหลักการบริหารจัดการเวลาของ Eisenhower’s Decision Matrix ที่แบ่งความสำคัญของงานจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ งานที่สำคัญ (Important) และ งานที่เร่งด่วน (Urgent)
โดยงานที่สำคัญ เป็นงานที่จะช่วยทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วยิ่งขึ้น ส่วนงานที่เร่งด่วน เป็นรูปแบบกิจกรรมกระทันหัน และอาจเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของผู้อื่นเป็นหลัก แต่มักจะต้องเป็นงานที่ทำทันทีทันใด นอกจากการจัดกลุ่มงานข้างต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ คุณจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องของความคุ้มค่าในงานที่ทำ ด้วยเงื่อนไขของ “ระยะเวลาในการทำงานนั้น ๆ และ เวลาที่เรามีอยู่”
เพื่อจะได้จัดลำดับงานที่ต้องทำได้อย่างไม่พลาด(ดูตัวอย่างจากโครงสร้างของ The Eisenhower Box) ซึ่งคุณจะเห็นว่า เราสามารถแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ คือ
1.งานสำคัญและเร่งด่วน เช่นโปรเจกต์เร่งด่วน วาระการประชุมเร่งด่วน 2.งานที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน เช่น งานในเชิงวางแผนกลยุทธ์เพื่อเป้าหมายระยะยาว (ซึ่งกลุ่มงานประเภทนี้แหละที่เป็นหนึ่งในวิธีการที่จะสร้างอุปนิสัยของการเป็น Effective People ในตัวคุณ) 3.งานไม่สำคัญแต่เร่งด่วน เช่น งานติดต่อประสานงาน งานข้อมูลระหว่างบริษัท และ 4.งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน เช่นงานเก็บตก ทำไม่เสร็จ งานรูทีนที่ค่อย ๆ ทยอยทำ ฯลฯ โครงสร้างนี้จะทำให้คุณยิ่งสามารถคัดแยกงานสำคัญตามลำดับก่อนหลังได้ชัดเจนมากขึ้น
สรุปง่าย ๆ ก็คือ “คุณต้องแยกประเภทของงานที่ทำ จัดลำดับความสำคัญของงานให้ถูกด้วยปัจจัยต่าง ๆเพื่อจะจัดสรรเวลากับงานที่ต้องทำได้อย่างลงตัว” นั่นเอง อย่าลืมติดตามผลของงาน เมื่อคุณทำงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่าลืมที่จะกลับมารีวิวผลงานของตัวเอง เพื่อปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาไปสู่เป้าหมายในอนาคต วิธีนี้ถือเป็นการจัดระบบความคิด ทำให้งานทันเวลาตามลำดับสิ่งที่ควรเป็นและจะช่วยพาคุณไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วยิ่งขึ้น
3.อัพเดตเทคโนโลยี พัฒนางานให้มีคุณภาพ
เมื่อเทคโนโลยีทำให้โลกหมุนเร็วขึ้น แน่นอนว่าทักษะความรู้เก่า ๆ ที่เคยมี ก็อาจจะใช้ไม่ได้ หรือไม่ตอบโจทย์การทำงานในโลกปัจจุบัน ซึ่งถ้าคุณอยากทำงานให้เก่ง และมีประสิทธิภาพแบบ Effective People นั้น จำเป็นที่จะต้องเปิดรับ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือองค์กรของคุณ ก็จะยิ่งช่วยสร้างให้คุณมีไอเดีย ต่อยอดระหว่างงานและเทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กันและจะทำให้คุณรู้ว่า “จะนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาปรับใช้กับงานของคุณให้ดีได้อย่างไร” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
4.ปรับทัศนคติเพื่อความสำเร็จในการทำงาน
ตัวอย่างอุปนิสัยที่ควรมีของการเป็น Effective People จากหนังสือ “The 7 habits of highly effective people” ของStephen R. Covey
โดยหนึ่งในหลักการที่น่าสนใจ และน่าจะเลือกนำมาปรับใช้กับวิธีการทำงานของคนทำงานอย่างได้ผลก็คือ “การเข้าใจคนอื่นก่อนที่จะเข้าใจตัวเรา”
เป็นการคิดเพื่อให้เข้าใจผู้อื่นก่อนเสมอ อย่าคิดที่จะเป็นแค่ผู้ชนะในการทำงาน คุณต้องทำความเข้าใจในเรื่องของทีมเวิร์ค แคร์คนที่ทำงานร่วมกัน เปรียบกับคำที่ว่า “ใจเขา ใจเรา” ลองปรับมุมมองจากการเป็นผู้ชนะ ให้เป็นแบบWin Win ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ากับลูกน้อง เพื่อนร่วมงานกับเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ คิดว่าสิ่งไหนจะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ทั้งเราและเขา สามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ นั่นแหละคือคำตอบของความสำเร็จ
5.อย่าหยุดพัฒนาตนเอง
ถ้าคุณอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน เป็นคนเก่งขององค์กร สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือการ “ไม่หยุดพัฒนาตนเอง”
ในเมื่อข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว และพฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนรุ่นใหม่มีการพัฒนาศักยภาพและทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อการพัฒนาของทุกคนไม่หยุดอยู่กับที่ จึงเป็นเหตุผลที่คุณจะต้องก้าวไปข้าง และพยายาม“พัฒนาตนให้ทันคน” อยู่เสมอเช่นกัน เริ่มจากการเปิดรับความคิดของผู้อื่น เรียนรู้ หาข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อนำมาต่อยอดวิธีคิดในชีวิตและการทำงาน อย่าลืมที่จะต้องแบ่งเวลาให้เป็น ระหว่างการทำงาน และการเรียนรู้ ถึงจะเรียกได้ว่า คุณพร้อมที่จะเป็น Effective People แบบเต็มตัว
อุปนิสัย และวิธีการคิดอีกหลายแบบ เพื่อที่จะสามารถพัฒนาให้คุณมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น เพื่อให้ได้เป็น “Effective People” ตัวจริงในองค์กร เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนอุปนิสัยเคยชิน แล้วลองตั้งต้นดูจากบทความนี้ ไม่ว่าเป้าหมายอะไรที่ตั้งไว้ เราเชื่อว่าคุณจะเป็นหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานได้อย่างแน่นอน
#เปลี่ยนตัวเองเป็นrareitem
โฆษณา