28 ต.ค. 2023 เวลา 11:55 • นิยาย เรื่องสั้น

เเจ๊คเพื่อนยาก ตอนที่3

เรื่องที่เเม่อยากตบเเป้งลงบนใบหน้าของฉันนั้น ได้ยินแล้วไม่กล้าดีใจจึงนั่งนิ่ง
รู้อยู่ว่า แม่ชอบแต่งหน้าตามแบบผู้ใหญ่วัยกลางคน คือผัดหน้าให้ขาวเข้าไว้ จนดูคล้ายพวกแสดงลิเก แต่สีของผิวหน้าของฉันหากขาวเกินก็จะตัดกับสีผิวคอคล้ำๆ ฉันไม่คิดว่า การแต่งหน้าแบบนี้จะทำให้ดูงามได้
คนรุ่นแม่รุ่นยายดูจะเชื่อกันว่าไม่ขาวแปลว่า ไม่สวย  แต่ฉันก็ไม่อยากกล่าวคำทัดทานเพราะเกรงใจแม่  เลยนั่งลงช่วยเด็ดใบโหระพาสำหรับใส่แกงพะแนงเนื้อ 
แล้วจู่ๆน้าอ้วนก็หันมาทางฉันร้องถามอย่างข้องใจ “ แล้วเอ็งมาทำไมกันป่านนี้ 
มัวทำอะไรอยู่วะถามจริงๆ ”
เมื่อถูกน้าอ้วนถามฉันเสียงเศร้าชี้แจงเรื่องตกรถครั้งนี้ “ก็ครั้งก่อน  เเม่พาไปเที่ยวน้ำตกพลิ้วที่เมืองจันท์ ฉิ่งฉับทัวร์ออกช้ากว่ากำหนดตั้งเกือบชั่วโมง”
เเม่ร้องเเหว “ เเหม มันคนละงานกันไอ้คราวไปเที่ยวครั้งนั้น คนเขาจ่ายเงินจองเเล้ว โชเฟอร์ก็ต้องคอยผู้โดยสารสิ รถนั่นเราเรียกมากันเอง  ไม่ใช่รถที่วิ่งกันตามสถานี ”
น้าอ้วนหัวเราะหึร้องถามแม่ “ ลูกสาวอายุเท่าไร ”
แม่ทำปั้นปึ่ง “ อยากรู้หรือไง จะว่ามันโตแล้วแต่ไม่รู้เรื่องรู้ราวละสิท่า”
พวกผู้ใหญ่สมัยนั้นดูจะไม่ค่อยถามว่าเด็กเรียนชั้นไหนปีอะไร  มักชอบถามหาอายุเหมือนว่าเป็นสิ่งที่บอกความคืบหน้าในทางความคิด
น้าอ้วนหัวเราะแหะๆ แล้วอธิบาย “ รถมารับเรากับรถนำเที่ยวมันคนละอย่างกัน
อย่างไอ้ฉิ่งฉับทัวร์นั่นน่ะ  อย่างไรเขาก็ต้องคอย เพราะผู้โดยสารมักไม่จ่ายค่ารถก่อน ผัดไว้จะจ่ายวันเดินทาง  บางคนไม่รับปากมั่นเหมาะมัวแต่สองจิตสองใจไม่รู้ว่าจะไปได้ไหมหรือจะไปดีไหม ก็เอาเเต่รอดูว่า เพื่อนจะไปกันหรือเปล่า  ถ้ารู้แน่  ก็วิ่งตามไป  ไอ้พวกนี้มันไม่มีทางจ่ายเงินให้ก่อนอยู่เเล้ว ”
ใช่เลย  คนเราไม่ชอบคอยใครเเต่คนที่ทำตัวให้ผู้อื่นคอยก็มีให้เห็นประจำ
ยายนอมพูดขึ้นบ้าง  แสดงความชิงชังพวกมาสาย “ ขืนโชเฟอร์ชิงออกรถตามเวลา เขาก็สูญเสียรายได้จากไอ้พวกมาช้า  ดีไม่ดีอาจต้องมีปากเสียงกับคนที่มาไม่ทันแต่ชิงจ่ายค่ารถไปก่อน เงินไม่ใช่น้อยๆนะ แต่ยังไงไอ้พวกมาทีหลังนี่มันก็ทำไม่ถูก ทำให้คนอื่นต้องเสียเวลาคอย ”
ฉันนึกหาเรื่องเล่าที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลง
เลยพูดถึงเรื่องที่หญิงสูงวัยหลังวัดกล่าวชมลุงว่าใจกว้าง  ทำอาหารต้อนรับเต็มที่  เลี้ยงดูแขกดีไม่แพ้คนรวย อีกทั้งจัดหาลิเกฉลอง
แม่ทำคิ้วขมวด อารมณ์ขุ่นมัวเพิ่มหนักขึ้นมาอีก “ แก่แล้วยังปากไม่ดี  พูดจาเหน็บแนมลุงนะเนี่ย "
ฉันกล่าวแย้งแทนยายคนนั้น “ เขาพูดชมไม่ใช่หรือแม่ว่าลุงใจกว้าง ”
สีหน้าแม่ไม่ดีขึ้นถามกลับอย่างข้องใจ“ แล้วทำไมต้องพูดเป็นทำนองลุงไม่ใช่คนมั่งมี  อยากชมเรื่องใจกว้าง ก็ไม่เห็นจะต้องพูดถึงฐานะ เอ็งรู้ไว้เถอะ  ผู้ใหญ่น่ะเวลาจะว่าใคร เขาไม่ว่ากันตรงๆหรอก เขาใช้วิธีเหน็บกัน  เอ็งยังไม่รู้ละสิท่า ”
ฉันนั่งใคร่ครวญคำพูดของแม่เป็นเหตุให้มือเด็ดใบโหระพาช้าลง  และเมื่อได้เห็นแม่ครัวร่างใหญ่เจียวไข่ได้อย่างคล่องแคล่วทะมัดทะแมงชวนให้ติดตามดูจังหวะเคลื่อนไหวของมือไปอย่างเพลินๆความผิดหวังที่ตกรถค่อยๆลบเลือนไปบ้าง
ไข่เจียวหนานุ่มทำจากไข่เป็ดนับร้อยฟองถูกตีคนให้เข้ากันแล้วเทลงเจียวในกระทะก้นลึกน้ำมันไม่ร้อนจัด สังเกตได้จากการที่ไม่มีควันโขมงลอยขึ้นมา  แม่ครัวกดตะหลิวลงตรงกึ่งกลางของไข่เพื่อกระจายความหนาให้ทั่วเท่ากันทั้งแผ่น
แล้วตักใส่ถาดกลมใหญ่ เหมาะนักที่จะทานร่วมกับน้ำพริกกะปิ โดยมีผักต่างๆทั้งผักสดและผักต้มเป็นเครื่องเคียง
ผักต้มบางอย่างเช่นผักกระเฉดสำหรับเลี้ยงแขกเหรื่อนิยมราดน้ำกะทิเพื่อให้ได้รสชาติหวานมันและกลบข้อด้อยตอนลวกสุก คือผักกระเฉดจะค่อยๆเหี่ยวคล้ำแถมเหนียวทานยากแต่ถ้าราดน้ำกะทิขาวๆก็จะดูเขียวขึ้นน่าทาน แต่ผักกระเฉดราดกะทิจะมีให้เห็นเฉพาะเวลามีงานเลี้ยงแบบบ้านๆ
แม่ครัวร่างใหญ่ตัดไข่เจียวจากถาดกลมแบ่งใส่จานใหญ่เห็นฉันจับตามองเพลิน ก็หันมาเลิกคิ้วให้และยิ้มอย่างอารมณ์ดีชี้แจงสรรพคุณของไข่ “ หมอบอกว่า ไข่นี่แหละเป็นอาหารที่ดีที่สุดของคน  มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เอ็งรู้ใช่ไหม  แถมยังทำกินง่าย และกินร่วมกับอะไรก็ได้ทั้งนั้น ”
“ เพื่อนหนูที่โรงเรียนบางคนเอาข้าวมากินเอง  กับข้าวเป็นไข่ประจำเลย ” ฉันพูดเสริมเอาใจ
แม่ครัวพยักหน้าขึงขัง “ ถ้ากินร่วมกับอาหารอื่นละก้อ ไข่ที่เห็นเป็นอาหารพื้นๆน่ะแหละ  จะไม่เหลือกลับบ้านไปได้หรอก ”
“ใช่จ้ะ แถมทำง่ายมากแค่เทลงน้ำมันร้อน ก็ยกกินได้แล้ว ” ฉันรีบเออออหมายตีสนิทด้วย
ขณะที่แม่ครัวส่งยิ้ม มองเหมือนอยากถามเชิงว่าแล้วเคยทอดไข่เจียวกับเขาหรือเปล่า  ยายนอมซึ่งยืนทำฝอยทองอยู่ดีๆกลับพูดโพล่งดูแคลนความสามารถของฉันขึ้นมา “ ไอ้แบบนั้นมันง่ายไป เอ็งทำได้แค่นี้ละสิท่า อย่างเอ็งจะทำอะไรเป็น  โหระพากะมังเดียวยังเด็ดไม่เสร็จสักที ”
ถ้อยคำสบประมาทถามแบบจู่โจมทำให้ฉันอึ้งไปชั่วขณะ
ไม่รู้จะตอบแก้ตัวอย่างไรดี
สีหน้าไม่พอใจของแม่ที่มีต่อฉันขุ่นมัวหนักขึ้น น้ำเสียงดุดันบอกให้ลูกสาวเร่งมือ “ เด็ดโหระพาเร็วๆหน่อยสิ อย่ามัวแต่นั่งคลำ ”
จู่ๆก็ถูกเอ็ดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ฉันถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
แต่ยายนอมปากไวนอกจากจะไม่ระวังคำพูดแล้ว ยังไม่รู้จักดูอารมณ์ของคนเป็นแม่อีกด้วย  จึงพูดเปิดโปงความรู้สึกค้างคาใจขึ้นมาในตอนนั้น  “ เท่าที่ข้าเห็นเอ็งมา  ดูๆแล้ว อย่างเอ็งน่ะ ทำอะไรไม่ทันกินหรอก โตขึ้นจะแย่ ”
ถ้อยคำแสดงความกังขาเชิงดูแคลนที่กล่าวออกมาต่อเนื่องนั้นสร้างความรำคาญใจให้แม่ซึ่งอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ก่อนแล้ว  จึงกล่าวไล่ให้ฉันไปที่อื่นข้อหา “ อยู่ไปก็เกะกะครัวเขา ”
ฉันนั่งคอตก สองจิตสองใจลังเลว่าจะเร่งมือช่วยทำกับข้าวหรือน่าจะเดินออกไปที่อื่นอย่างไหนจะดีกว่ากันหนอ
น้าเล็กซึ่งหั่นเนื้ออยู่กับแม่เห็นฉันทำท่ากระอักกระอ่วนใจจึงแนะนำให้กลับไปนั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านเขา“ พอใกล้ถึงเวลาแห่  แล้วค่อยกลับมาให้แม่เอ็งตบแป้งให้ดีกว่า ”
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนคิดว่า เช้าวันนี้ เจอแต่เรื่องไม่ดีเลย
กลับถึงบ้านลุงก็นั่งเหม่อซึม มือที่กำลังจะกดปุ่มข้างจอโทรทัศน์เปลี่ยนใจชักกลับ  เช้าๆวันอาทิตย์แบบนี้ไม่มีรายการที่ฉันติดตาม จะดูการ์ตูนญี่ปุ่นก็ยังไม่ถึงเวลาออกอากาศ
ขณะที่รู้สึกว้าเหว่ก็นึกถึงแจ๊คขึ้นมาเลยหาข้าวให้ร่างผ่ายผอมนั้นกิน  รู้สึกว่า ฉันกับแจ๊คหัวอกเดียวกันคือ ไม่มีใครสนใจเราแล้ว
ได้นั่งเล่นอยู่ด้วยกันก็นึกสงสัยว่า สุนัขที่ถูกทอดทิ้งและกำลังจะเข้าสู่วาระสุดท้ายในชีวิตอย่างแจ๊คยังรักตัวกลัวตายอยู่หรือเปล่า หรือว่าจริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้ต้องการจะมีชีวิตต่อไปแต่ทำไงได้ในเมื่อลมหายใจมันยังมี
จู่ๆเสียงน้าเล็กร้องเอ็ดลูกชายวัยหกเจ็ดขวบดังขึ้นก่อนเข้าบ้าน“ ไปเล่นกับเขาได้อย่างไร  เขามันเด็กโตกว่า”
พอสิ้นเสียงเอ็ดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายร้องไห้ฮือหัวเข่าข้างหนึ่งเป็นแผลถลอกเห็นเลือดแดงซึมออกมาเพราะเล่นไล่จับวิ่งหนีเพื่อนรุ่นพี่ น้าเล็กเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันมองลูกชายอย่างเแค้นใจร้องถามซ้ำสอง “ไปเล่นกับเขาได้ไง เขามันเด็กโตกว่า ” แล้วทายาแดงให้ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
ฉันพอจะเข้าใจว่า เพราะน้าเล็กรักลูกจึงรู้สึกเจ็บใจเมื่อเห็นลูกชายเจ็บด้วยเหตุผลที่ช่วยไม่ได้คือพ่อหนูน้อยวิ่งเล่นอยู่กับเด็กที่โตกว่า ถูกวิ่งไล่ตามหกล้ม หัวเข่าได้แผล
จิตประหวัดถึงแม่ที่ไล่ฉันออกจากครัวก็คงด้วยเหตุผลเดียวกันคือเพราะรักลูกจึงไม่ชอบใจที่ใครมาพูดดูแคลนว่า ลูกสาวทำงานช้าน่าเป็นห่วง เลยพาลรู้สึกขวางหูขวางตาคนเป็นลูกถึงจะเห็นๆอยู่ว่าฉันอืดอาด  แต่ก็ไม่คิดว่าฉันจะแย่ขนาดเอาตัวไม่รอด
แม่มีทัศนคติว่าคนเราชอบพูดอะไรเกินจริง  ตัดสินตามความพอใจ  พอถูกใจก็ชื่นชมว่าดีนักฉันใด  ไม่ชอบใจก็มักว่าให้เสียหายฉันนั้น  แต่เมื่อมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปแก้ต่างแทนลูก  ก็สู้อดใจไม่ต่อปากต่อคำด้วย  และหาทางออกโดยไล่ฉันไปให้พ้นหน้า กันไม่ให้ต้องถูกใครพูดตัดสินตามใจชอบอีก
จริงๆแล้ว ยายนอมก็เป็นเพียงแค่เพื่อนบ้านเท่านั้น  ไม่ใช่ญาติโกโหติกา ไม่พึงพูดจากับฉันเช่นนี้
แม่เคยบอกว่าพวกพูดจาโผงผางเป็นคนไม่รู้จักเกรงใจคนอื่น แต่ฉันก็โตพอจะเข้าใจว่าบางครั้งเกี่ยวบางครั้งไม่เกี่ยว ที่แน่ๆคือ คนที่ชอบพูดจาแบบนี้มักเป็นพวกที่ไม่วางท่าหยิ่งและไม่ถนัดหรือไม่พิถีพิถันกับการเลือกสรรคำพูด  การพูดออกมาโพล่งๆจึงอาจกระทบความรู้สึกของอีกฝ่าย
เสียงตีฆ้องร้องป่าวเป็นสัญญาณให้ตั้งขบวนแห่ฉันเอ่ยลาแจ๊ค  รีบวิ่งกลับวัด
เหล่าสาวงามในชุดสไบเฉียงปรากฏกายเชิดหน้าเฉิดฉายยืนรอเวลาเข้าขบวนแห่เบื้องหน้าพระอุโบสถ
จู่ๆผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งมายื้อยุดฉุดข้อมือดึงฉันให้กึ่งวิ่งกึ่งเดินพาไปยังที่ลับตาคนน้ำเสียงเหนื่อยหอบ“ ตามหาตัวอยู่นะ มัวทำอะไรอยู่หรือไอ้น้อง ถึงได้มาเข้าพวกไม่ทัน  น้องสาวเธอมองหาเธอตลอดเผื่อใจว่าพี่สาวจะรีบตามมา
มาอยู่กับหมู่คณะก็ต้องก้าวไปให้ทันพวกทันหมู่สิ ใครจะอยากรอเรา ” ปากก็พร่ำบ่นมือก็เร่งถอดเสื้อผ้าเพื่อผัดเปลี่ยนสวมสไบสีเขียวให้ฉัน
แม่ไม่รอช้าตามมาตบแป้งให้ตามที่ตั้งใจใบหน้าฉันขาวโพลนอย่างที่นึกไว้ แต่ก็ยินดีที่ได้สวมใส่ชุดไทยย้อนยุค  ได้ร่วมขบวนแห่อยู่ในกลุ่มสาวงามลูกหลานเจ้าภาพ
เหล่านางฟ้าหันมายิ้มต้อนรับทักทาย ญาติผู้พี่ร้องถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาเหรอ ”
ส่วนน้องสาวซึ่งเป็นคู่กรณีเลิกงอนยิ้มแป้นดีใจที่เห็นพี่สาวปรากฏตัวในชุดแบบเดียวกัน
เสียงดนตรีจากลำโพงดังขึ้น ขบวนแห่ตั้งแถวยาวเเละเพลงทำขวัญนาคจากพ่อเพลงไวพจน์ เพชรสุพรรณดังกระหึ่ม  ความรู้สึกเคว้งคว้างจากการพลัดกลุ่มหายไปเนื้อเพลงที่ฉันได้ยินขณะนั้นยังความรู้สึกซาบซึ้งตรึงใจแก่ฉันยิ่งนัก
" ถึงวันสัญญา ญาติพี่น้องก็มาด้วยความศรัทธาใช่ไหม  บวชลูกหลานทั้งที  น้องและพี่ร่วมใจ  หมดสิ้นห่วงใย บ้านเหนือบ้านใต้เขามา " 
  พอเพลงร้องถึงตรงนี้ มารดาพ่อนาคที่ยืนถือไตรครองเพ่งมองลูกชายคนโตที่กำลังจะได้เข้าพิธีบวชอย่างตื้นตันใจ  น้ำตาที่หยาดไหลลงมาด้วยความยินดีอย่างเหลือเกินทำให้ใบหน้าร่ำไห้ของป้าบิดเบี้ยวราวกับรู้สึกเจ็บปวด เเล้วเพลงก็ร้องต่อ
"นาคเรา เอ้าเฮ ได้ดูหนังลิเก แม้เมาอย่าเซสงสาร 
ดื่มแต่เพียงหอมคอ  ใครอย่าก่อเหตุการณ์
บวชลูกบวชหลาน ครั้งนี้เป็นงานมงคล"
  พอจบเพลงก็มีเสียงโห่สามลาดังขึ้นตามมา  โห่  ฮิ้วโห่ ฮิ้วโห ฮิ้วโห่ ฮิ้ว จากนั้นคณะกลองยาวก็ตีกลองกันครื้นเครงสนุกสนาน  เสียงโหม่ง โหม่ง โหม่ง โมงเท่งโมง เท่งโมงเท่งโมง ดังกังวานต่อเนื่องซ้ำกันยาวนาน  กลองยาวเดินนำหน้าขบวนแห่ ชายหญิงที่กล้าๆหน่อยก็เดินร่ายรำให้เข้าจังหวะเสียงกลองสนุกสนาน
พ่อนาคเดินก้มหน้าสำรวมใต้ร่มสัปทนพนมมือถือดอกบัว ธูปเทียน   มารดาถือไตรครอง  บิดาถือตาลปัตรและสะพายบาตรยิ้มกริ่ม    ญาติพี่น้องเดินประคองเครื่องบวชและเครื่องอัฐบริขารให้รวมทั้งของถวายพระอุปัชฌาย์และพระคู่สวดเหล่าผู้ร่วมอนุโมทนาเดินหน้าบานรั้งท้ายเป็นขบวนยาวเวียนขวาวนรอบพระอุโบสถสามรอบ
งานอุปสมบทเสร็จสิ้นไปด้วยดี  แขกเหรื่อและเจ้าภาพได้ทานอาหารกันอย่างอิ่มหมีพีมันก่อนอำลาจากกัน
  ลูกจ้างหญิงเก็บล้างทำความสะอาดภาชนะถ้วยชามกันอย่างขมีขมัน ฝ่ายชายช่วยกันเก็บโต๊ะกวาดล้างถูพื้น
ขนย้ายหม้อไห
แล้วญาติสนิทของเจ้าภาพรวมถึงแม่ครัวก็มาชุมนุมกันบ้านลุงทุกคนพากันสบายใจอิ่มใจที่ได้ร่วมงานบุญและคุยกันเรื่องสัพเพเหระ
   พี่ป้าน้าอากล่าวถึงสีหน้าท่าทางพ่อนาคที่ถูกจับตามองตอนเข้าพิธีในโบสถ์ แสดงความใส่ใจกับสภาพร่างกายรวมถึงอากัปกิริยาของแขกเหรื่อ   รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบเห็นใครต่อใครโดยเฉพาะพวกที่เพิ่งมีโอกาสจะได้เจอกันในงานนี้แหละ มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมายสมความคาดหวังได้พบพี่น้องพร้อมหน้าพร้อมตา
เรื่องเกี่ยวกับโต๊ะอาหารก็มีอย่างเช่น ขนมจีนหมดก่อนเพื่อน  ด้านงานล้างจาน ก็ดูเหมือนคนช่วยทำงานมีไม่พอ  เลยเถิดไปถึงเรื่องหมูหมากาไก่ และพูดถึงงานเลี้ยงโต๊ะแบบใหม่กันโดยนำอาหารมาวางให้ทีละอย่าง
และค่อยๆยกอาหารที่ทานเสร็จแล้วไปเก็บ เรียกงานเลี้ยงแบบนี้ว่าโต๊ะจีน เริ่มแพร่หลายขึ้นมาแล้วในหมู่ผู้ที่มีอันจะกิน
ลุงป้าสีหน้าเบิกบานปลาบปลื้มที่ได้จัดงานบุญจนลุล่วงไปด้วยดี นั่งยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ทั้งสองยินดีต่อคำชมแต่ปล่อยวางต่อคำบ่น  ได้เกาะชายผ้าเหลืองสมใจตามความเชื่อที่ว่าจะนำบิดามารดาไปสู่สวรรค์ยามล่วงลับไปแล้ว
ฉันสังเกตว่า แจ๊คก็มาอยู่ร่วมกับคนด้วย แทรกตัวเข้ามาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน นอนนิ่งอยู่ใต้ถุนร้าน ไม่ได้เป็นเป้าสายตาของใคร
ขณะนั้นฉันคิดเพียงว่า วันนี้คนเยอะ แจ๊คก็เลยมาร่วมวงศ์ไพบูลย์ มิทันเฉลียวใจเลยว่าสุนัขแก่คิดไกลกว่านั้น เเละได้ทำในสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงเลย
โฆษณา