30 ต.ค. 2023 เวลา 05:48 • นิยาย เรื่องสั้น

สายลมแห่งความคะนึง

ไม่ว่าจะพัดผ่านมา... หรือพัดพาไปอีกกี่ฤดู
สายลมของวันวานก็ยังคงมีเธอผู้นั้นยิ้มร่าอยู่ในความทรงจำเสมอ
ทุกผู้คนที่เข้ามาในชีวิต ล้วนมีเหตุให้มา ล้วนมีเหตุให้ไป
และบางครั้งเราก็ไม่อาจรู้ถึงเหตุของการมาและการไปของพวกเขาเลย
และในยามที่สายลมของความคิดถึงกำลังจะผ่านไปอีกระลอก
ผมก็แค่เจียดเวลา เพื่อนเขียนถึงเธอคนนั้นเป็นครั้งสุดท้าย
ครั้งแรกที่ผมพบเธอ คงนานมาแล้ว
ยามที่ยังเด็ก ก็แค่รู้ว่าเธอยังเป็นเด็ก
วันวานเหล่านั้นไม่ได้รังสรรค์เวลาให้ผมกับเธอได้มีความทรงจำร่วมกันนัก
และมันก็ผ่านมาและเลยผ่านไป
หลายครั้งต่อมา ผมมีโอกาสได้รู้จักเธอมากขึ้น
แต่เป็นการรู้ในเพียงการรับรู้ของผม
ผมรู้ว่าผมชอบเธอ
และในยุคสมัยนั้น...ผมก็คงหาอะไรไปแกล้งเธอ แต่ผมก็ลืมเลือนมันไปเสียแล้ว
เลือนรางอยู่บ้างก็แค่ผมไปขีดเขียนบนพื้นดินเป็นชื่อเธอ ‘ยัยฟันกระต่าย’
ผมเขียนมันริมกอไผ่ที่ใบไหวพลิ้ว
เป็นวานวันที่ผ่านมา ผ่านไป
ก้อนเมฆค่อยๆ ไหลไปบนท้องฟ้าพร้อมๆ กับกระแสธารของกาลเวลา
ตอนนั้นผมอยู่ชั้นประถมแล้ว มารหัวใจของผมก็มีไม่น้อย พวกคนที่หมายปองยัยฟันกระต่ายมีหลายคนพอสมควร
“พี่ขี้เบ้าแอบชอบพี่แพง” เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นให้ผมได้ยิน
วันนั้นผมไปท้าดวน ‘เกมส์ชนขี้เบ้า’ กับเขา เขา...ผู้ถูกขนานนามว่า ‘ไอ้ขี้เบ้า’
การปั้นก้อนดินเหนียวและเอามาชนกันโดยกลิ้งลงรางลาดที่พวกเขาขุดขึ้น เป็นกีฬาที่พวกเราฮิตกันมากในวัยเด็ก
ทั้งสนามปั้นสนามทดสอบ และสนามประลอง ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้ถุนอาคารเรียนไม้ทั้งสิ้น
ผมไปท้าดวลแล้วก็พ่ายแพ้แก่เขามาในครั้งนั้น
ไม่ว่าจะสนามประลองขี้เบ้าดินเหนียวหรือในสนามแห่งความรัก ผมมิอาจยอมได้
หากแต่สายลมวัยเยาว์ได้ผ่านกาลเหล่านั้นไปเสียสิ้น...
มีพวกเด็กรุ่นใหม่ๆ เติบโตขึ้นมา
พวกเรากลายมาเป็นรุ่นพี่ขึ้นทีละชั้นๆ จวบจนสนามรักนั้นราไปโดยปริยาย
ราไปทั้งที่ไม่ทันได้สู้กันเสียด้วยซ้ำ
ผมยังคงมองแพง ยัยฟันกระต่ายที่นั่งอยู่ในดวงใจผมมาหลายปี
มองเธอปั่นจักรยานผันผ่านสายลม มองผมสั้นที่ระต้นคอ
มองเรื่องราวต่างๆ ผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“เป็นโสดทำไม อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง”
ผมร้องเพลงนั้นจีบเธอจริงๆ เป็นบทเพลงของสุรพล สมบัติเจริญ ที่วนอยู่ในหัวผมในช่วงเวลาเหล่านั้น
“แหวะ” แพงกล่าว แล้วก็โลดลิ่วไปในสายลม
หลังจากครั้งนั้น
ผมก็มีเพียงรูปถ่ายที่กำลังง่วนทำการบ้านบนโต๊ะใหญ่กับเธอ
มีเพื่อนหญิงของเธอรวมอยู่ในนั้นอีกคนเป็นสาม
น่าจะเป็นพี่ที่เรียนพิเศษถ่ายเอาไว้
‘แพบ พอล’ ถูกรุ่นน้องรังสรรค์แซวว่าเป็นแฟนแพงมาอีกระลอก
ร่างสูงผอมที่ชอบทำหน้าเอ๋อ ซื่อๆ และดูไม่ประสากับคำแซวใดเลย
ผมก็ยังเคยไปแกล้งเขา เพราะริอ่านเข้ามาอยู่ในสนามรักของผม
วันเวลาได้ผ่านไปอย่างกรรโชก กระชากวันคืนทึ้งทิ้ง เพราะแพงย้ายโรงเรียน
ผมเศร้า และเฝ้าดูมวลเมฆบนฟ้า ดูว์พงษ์ผ่านมา ยังทักว่าเป็นไดโนเสาร์
สายลมปัดเป่าหมู่เมฆ ให้ไหลไปพร้อมกับเวลาที่ราวกับถูกสูบ
ผมลืมแพงไปแล้ว...
และก็พบเธออีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 5 ปี
สายลมหอบเอาฝนมาจากที่ไกลๆ โปรยลงให้ผืนแผ่นดินและหมู่ไม้ชุ่มฉ่ำ
และผมก็ลืมเลือนความรู้สึกแอบรักไปเสียแล้ว
วันคืนดังถูกเผาทำลาย ความทรงจำกร่อนจนเจียนจะหมด
มันอาจเป็นเพียงความทรงจำดีๆ ในวัยเด็ก จากความรู้สึกดีๆ ในวัยเด็ก ซึ่งดูเหมือนว่าเราไม่ได้ยึดติดในมันอีกแล้ว
ผมยังขี้อาย และยังคงมองเธอเสมอมา
“ฉันชอบผู้ชายตัวสูง” แพงเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ ผมนั่งเงี่ยหูฟัง
แต่ผมก็ไม่อาจสูงได้เท่าคุณสมบัติที่เธอตั้งไว้
ผมเฝ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลจักรวาลในช่วงเวลาหลายปี
ภาวนาขอให้ผมสูงได้มากกว่านี้
ขณะที่ผมก็ไม่อาจรู้ตัวเลยว่าผมกลับไปหลงรักเธออีกแล้ว
ในวันนั้น... วันศุกร์ที่เรานั่งรถโดยสารคันเดียวกันกลับหมู่บ้าน
มีน้องชายของเธอและเด็กเพียงไม่กี่คนในรถคันนั้น
ผมจำได้ว่าผมกระโดดลงจากรถ แล้วผมก็กลับไปชอบเธอทันที
สายฝนของวานวันโปรยมาแล้ว
และพอลมพัด ผมก็เย็นสบายไปถึงดวงใจ
มันผันเปลี่ยนอีกระลอก
เมื่อเธอย้ายรถโดยสาร ไม่อาจได้นั่งคันเดียวกับที่ผมเคยนั่งอีกต่อไป
ผมเฝ้าแต่คิดถึงเธอ คิดถึงวานวันที่มีเธอนั่งแล้วยังไม่ได้กลับไปหลงรัก
พอผมแอบรัก เธอก็ห่างผมออกไปอีก
ผมหาวิธีของผมจนได้ หาของที่ผมคิดจะมอบให้เธอให้จงดี
จำได้ว่าได้อีเมลของเธอมา นัดว่าจะเอาของไปให้ เป็นหนังสือนวนิยายแปลเกาหลีของควียอนนี
ผมเสียบรูปถ่ายของเธอในวัยเด็กรูปหนึ่งที่ถ่ายตอนเรียนพิเศษไว้ในหนังสือเล่มนั้น
แอบเสียดายเพราะมันอยู่กับผมมาเป็นขวบปี (หลังจากที่ผมไปเจอมันถูกทิ้งอยู่ในห้องเก็บของ)
แต่ในวันนั้น...รูปที่มีเธอแย้มยิ้มเห็นฟันกระต่าย แม้จะไม่ชัดเจนมาก แต่ผมก็อยากมอบให้เธอ
ผมปั่นจักรยานออกไปยังที่ๆ เธออยู่
ผ่านทางรถไฟ ผ่านท้องทุ่งนา
วันนั้น...ราวกลับวันเวลาหมุนย้อนกลับ
เธอสวยพริ้มแย้มยิ้มงดงาม อยู่ในวัยสิบหกในชุดนักเรียนที่ดูเก๋
ผมทำได้เพียงยิ้มอ่อนๆ ตื่นใจ และประหม่า
ผมมอบหนังสือที่ผมเตรียมไว้ให้เธอ
มอบให้เธอตรงนั้น ยามตะวันเช้ากำลังลอยสูงขึ้นในอีกวาระ แมกไม้ราวกับว่าร้องเพลง
มันละมุนละไมดังมีดอกไม้บานเงียบๆ ในดวงใจผม
เป็นเวลาเล็กๆ ที่แสนดี
แม้วันข้างหน้าเธอจะไปพบเจอผู้คนที่แสนดีมากมายแล้ว เธอก็ยังเคยวิ่งเล่นในใจผมเสมอมาโดยที่เธอก็ไม่อาจรู้ตัว
ผมไม่ได้เสียใจที่ผมกับเธอไม่อาจได้พบกันอีก ทั้งเรื่องหน้าที่การงานหรือเรื่องบุญพาวาสนาส่ง
สายลมยังคงพัดผ่านไปดังที่ผมเคยเห็น สิ่งที่ดูเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย
พอถึงเวลา...สายลมหนาวก็ยังมาในเวลาเดิม
ลมร้อนหอบเอาความสุขมาแด่เธอหลายฤดู
แม้ไม่มีผมเธอก็เป็นเธอคนเดิมที่ยังคงดูงดงามในกระแสธารของวันเวลา
เธอไม่เปลี่ยน สายลมก็ไม่เคยเปลี่ยน
เธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลย สายลมที่แสนงดงามก็พัดพาก้อนเมฆลอยลิ่วไปไกล
เป็นผมเองที่เคยชอบเธอ เคยแอบรัก
แม้จะรู้สึกเช่นนั้นในวานวันหลากปีหลายเวลา แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักเธออีก
แพงในความทรงจำของผม เป็นแพงคนนั้น ที่ผมคนโน้น เคยแอบรัก
และไม่ว่าสายลมของความรักจะพัดพานการพบมากี่ฤดู สายลมก็มิเคยเปลี่ยน
ยอดหญ้ายังคงพลิ้วไหว แมกไม้งอกงามโรยราตามวาระ
เธอก็ยังคงเป็นเธอที่แสนงดงาม
มีแต่ผมคนเดียวที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ผมที่ไม่ได้รักเธอเลย
ผมทำได้เพียงคิดถึงวันที่ผมปั่นจักรยานกลับ
หลังจากนำหนังสือไปมอบให้เธอเป็นครั้งแรก...และครั้งสุดท้าย
จดจำเพียงความรู้สึกอบอุ่นของสายลมที่พานพัดมาในวันนั้น
ให้ผมได้พบเจอ
และการเขียนถึงเธอในครั้งนี้ ก็คงเป็นบทอำลาแรก...ในครั้งสุดท้ายเฉกเช่นเดียวกัน
...
ตุลย์ในสายลมหนาวเมื่อคราวที่อบอุ่น เขียนวานนั้นในห้วงฝันของพุทราเดี่ยว
โฆษณา