1 พ.ย. 2023 เวลา 15:34 • การ์ตูน

Moriarty The Patriot : ประวัติศาสตร์อังกฤษโฉมใหม่ ย่อยง่าย แถมอร่อยด้วย !

สังเกตหรือไม่ว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้ วัฒนธรรมการดู Anime กลับมาแมสในไทยอีกรอบ หลังจากห่างหายไปนานเพราะถูกกระแส K-DRAMA และ K-POP ฝังกลบ ถ้าหากลองนับเวลาดูดี ๆ เทรนด์การดู และสะสมgoods จากอนิเมะเริ่มกลับมาอย่างจริงจังในช่วงต้นปี 2020 ที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่กับวิกฤตโควิดระลอก 2
การเข้ามาของโควิดทำให้ผู้คนเริ่มอยู่บ้านกันมากขึ้น จำนวนกิจกรรม outdoor ก็น้อยลง รวมถึงผู้ประกอบการหลายเจ้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงร้านค้าให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์แทน เรียกได้ว่าช่วงหลังโควิดเป็นต้นมา คนเสพติดบริการทางออนไลน์มากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยก็ว่าได้ ..
แน่นอนว่ากระแสของสื่อออนไลน์ก็โตขึ้นมากเช่นกัน ทั้งละคร เพลง ซีรีย์ การ์ตูน อนิเมะ ต่างก็พยายามแย่งพื้นที่ในสตรีมมิ่งให้ได้มากที่สุด แม้เกาหลีจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านสื่อบันเทิง โดยเฉพาะเพลงและซีรีย์ในตลาดโลก แต่ทางฝั่งญี่ปุ่นเองก็ไม่น้อยหน้า พยายามที่จะผลิตคอนเทนต์ใหม่ออกมาเรื่อย ๆ (แม้จะขายแค่คนในประเทศก็ตาม) แต่ที่เด่นดังที่สุดคงหนีไม่พ้นอนิเมะที่ถือเป็นของขึ้นชื่อมาอย่างยาวนาน
1
กลางปี 2020 ทาง WIT STUDIO สตูดิโอผลิตอนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่นก็ได้ทำการเปิดตัวอนิเมะเรื่องใหม่ที่ชื่อว่า Moriarty The Patriot หรือชื่อไทย มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ (ในไทยถือลิขสิทธิ์โดย Muse Thailand) สร้างเสียงฮือฮาเป็นจำนวนมากให้กับแฟนอนิเมะ ด้วยเรื่องที่ใช้เซ็ตติ้งในศตวรรษที่ 19 ตอนปลายของอังกฤษ แถมเนื้อหายังถูกดัดแปลงและนำมาวิเคราะห์ใหม่จากนวนิยายชื่อดังที่ใคร ๆ ก็รู้จักอย่าง เชอร์ล็อค โฮล์ม ของเซอร์อาเธอร์โคนัน ดอยล์ รวมถึงมีการสอดแทรกวัฒนธรรม และประเด็นการเมืองต่าง ๆ เข้ามาด้วย
ซึ่งในขณะนั้นเองในไทยก็กำลังมีกระแสการเมืองที่เข้มข้นพอดี ทำให้อนิเมะเรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามองในหมู่วัยรุ่นยุคใหม่ ว่าจะมีเนื้อหาเสียดสีสังคมหรือมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง
และก็สมกับที่ตั้งตารอคอยหลังการเปิดตัว มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ ก็ถูกจับตามองในฐานะอนิเมะที่เสียดสีการเมืองทั้งในสังคมปัจจุบันและในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้อย่างเจ็บแสบและโคตรสะใจ โดยเนื้อเรื่องเล่าถึง ศาสตราจารย์ วิลเลียม เจมส์ มอริอาร์ตี้ และกลุ่มคนที่รวมตัวกันเพื่อจะปฏิวัติจักรวรรดิอังกฤษที่แสนโสมม
ภายหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ได้แผ่ขยายดินแดนอาณานิคมไปอย่างกว้างขวาง แต่กลับถูกปกครองด้วยอภิสิทธิ์ชนที่มีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นในประเทศ สวนทางกับวิทยาการที่มีความก้าวหน้าแต่ชุดความคิดและระบบชนชั้นวรรณะยังฝังรากลึก กลายเป็นคำสาปให้กับชนชั้นล่างที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้เพียงเพราะคำว่า ‘ชาติกำเนิด’
2
การเล่นเรื่องชนชั้นวรรณะกลายมาเป็นจุดเด่นของเรื่อง เพราะตัวละครหลักเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระบบชนชั้น จนทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำลายระบบนี้ทิ้งไปเสีย และเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้นแม้ต้องแลกกับการที่เขาจะต้องเป็นศัตรูกับทุกคนก็ตาม
วิธีที่สามพี่น้องมอริอาร์ตี้เลือกใช้คือการสร้างละครแห่ง ‘อาชญากรรม’ ขึ้นมา โดยพวกเขาเองก็รับบทเป็นที่ปรึกษาด้านอาชญากรรมให้คนที่มีความแค้นกับเหล่าขุนนางที่ใช้ฐานะของตนเองเป็นเครื่องมือในการกดขี่ชนชั้นที่ต่ำกว่า คิดบัญชีกับเหล่าขุนนางชั่วเพื่อกำจัดปีศาจที่อยู่ในใจคน ชะล้างความบิดเบี้ยวและความมืดที่เกาะกินใจคนทีละเล็กทีละน้อยให้หายไป เพื่อที่จะนำอังกฤษไปสู่ที่ที่ดีกว่าเดิม
แม้จะตามกำจัดพวกขุนนางที่ทำความชั่ว แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ใส่หน้ากากการเป็นขุนนางอยู่เช่นกัน ฉากหน้าเป็นขุนนางที่ไม่มีพิษไม่มีภัย เป็นศาสตราจารย์ เป็นสมาชิกในสภาขุนนาง แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าเบื้องหลังพวกเขานี่แหละที่เป็นคนจัดฉากคดีฆาตกรรมทุกอย่างขึ้นมาเอง พวกเขาใช้ความหวาดกลัวของคนมาเป็นเครื่องมือ ทำให้ทั้งฝั่งขุนนางและสามัญชน ชนชั้นแรงงานหวาดกลัวในตัวของเจ้าแห่งอาชญากรรมนำไปสู่การร่วมมือกัน กลายเป็นแรงกระเพื่อมที่ทำให้อังกฤษมีโอกาสที่จะก้าวผ่านระบบชนชั้นตามเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้ซักที
ในแต่ละอาชญกรรมที่มอริอาร์ตี้เข้าไปมีส่วนร่วม ก็สะท้อนถึงสภาพสังคมอังกฤษในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน อย่างด้านการเมือง เรื่องการห้ำหั่นกันระหว่างสภาขุนนางและสภาสามัญชน โดยในเรื่องปรากฎขึ้นมาในบริบทการยื่นเรื่องกฎหมายเข้าสู่สภาขุนนาง ที่ ส.ส.ไวท์ลีย์ ต้องการยื่นเรื่องเพื่อให้สามัญชนสามารถมีสิทธิในการเลือกตั้ง แต่กลับถูกปัดตกทำให้เกิดการชุมนุมเรียกร้องสิทธิสำหรับสามัญชนขึ้น ซึ่งสุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะตัวแทนประชาชนอย่างส.ส.ไวทย์ลีย์ถูกฆาตกรรมโดยเจ้าแห่งอาชญากรรมขึ้นมาซะก่อน
ซึ่งตรงกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เกิด People Charter ขึ้นในปี 1838 ในตอนนั้นเองการยื่นเรื่องเข้าสู่สภาครั้งแรกก็ไม่สำเร็จเช่นเดียวกัน เชื่อมโยงไปถึงอำนาจในสังคมของชนชั้นกลางที่มีบทบาทอย่างมากจนทำให้เหล่าขุนนางในสภาถึงกับต้องจ้างวานให้มิลเวอร์ตัน เจ้าพ่อผู้กุมอำนาจสื่อสิ่งพิมพ์ในขณะนั้นเขียนข่าวโจมตี ส.ส.เพื่อปกป้องสิทธิพิเศษในการเป็นขุนนางต่อไป
3
แต่เพราะพื้นฐานแล้วตัวละครหลักของเราเคยเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ถูกกดขี่ เนื้อหาหลักเลยจะเน้นไปด้านสังคมมากกว่า และมักมีการอ้างอิงเหตุการณ์ บุคคลที่มีบทบาทสำคัญ และสถานที่จริงในประวัติศาสตร์ขึ้นมาพูดถึง ยกตัวอย่างเช่น คดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเขตไวท์ชาเปลของกรุงลอนดอนที่ผู้คนต่างเรียกคนร้ายว่า Jack The Ripper เพราะเขาใช้มีดในการก่อเหตุและไม่สามารถตามจับตัวได้ จึงทำได้แค่ตั้งฉายาเพื่อพูดถึงฆาตกรผู้นี้ขึ้นมา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 1888 และลากยาวเป็นระยะเวลาสามเดือนกว่าจะจบลงโดยที่ไม่มีใครในตอนนั้นรู้เลยว่าเขาคือใครกันแน่ อีกทั้งฆาตกรยังมีพฤติกรรมท้าทายหน่วยงานรัฐอย่างสกอร์ตแลนด์ยาร์ดด้วยการส่งจดหมายที่ประกาศกร้าวว่าตนจะทำการสังหารคน ทว่าข้อสันนิษฐานที่ว่าเป็นจดหมายของแจ็ค เดอะริปเปอร์ตัวจริงก็ค่อย ๆ หายไปเพราะหลังจากนั้นก็มีการส่งต่อมาอีกหลายฉบับ เลยคาดว่าน่าจะเป็นการส่งจดหมายก่อกวนซะมากกว่า หรืออาจเป็นคดีที่เกิดขึ้นเพราะพฤติกรรมลอกเลียนแบบไปเลย
แม้ในเหตุการณ์จริงไม่สามารถหาตัวจับได้ แต่ในมอริอาร์ตี้ผู้รักชาติถูกนำมาตีความใหม่ Jack The Ripper กลายเป็นสมญานามของนายทหารเก่าฝีมือดีที่ชื่อว่า แจ็ค แรนฟิลด์ ในสงครามอังกฤษ-อัฟกานิสถาน ภายหลังเกษียณตัวเองออกมาเป็นพ่อบ้านประจำตระกูลหนึ่งในอังกฤษ แต่เขาก็กลับสู่สนามอีกครั้งเมื่อมีคนนำสมญานามเก่ามาใช้เป็นฉากบังหน้าในคดีฆาตกรรมที่เขาไม่มีส่วนรู้เห็นเลยซักนิด
การที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ของสกอร์ตแลนด์ยาร์ดทำให้ฝ่ายประชาชนรวมตัวกันเป็นกองกำลังพลเรือนเพื่อตามจับฆาตกรด้วยตนเอง กลายเป็นชนวนที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายแตกคอและเริ่มหันปืนใส่กัน
บุคคลสำคัญอย่างสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียก็ถูกกล่าวถึงในอนิเมะเรื่องนี้ด้วย ในตอนที่ 23 จะมีฉากที่เชอร์ล็อกได้เข้าไปยังพระราชวังและคุยกับสมเด็จรวมถึงซีนในอีพีก่อนหน้าที่เราได้เห็นบทสนทนาระหว่างไมครอฟต์ ผู้เป็นพี่ชายได้เข้าไปรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการหายไปของเอกสารลับที่มีความสำคัญต่อประเทศอังกฤษ และได้รับคำสั่งให้ไปตามหาตัวผู้ที่ขโมยมันไป
เนื้อหาภายในเอกสารลับดัดแปลงมาจากเรื่องของโรแบสปิแอร์ โดยในเรื่องเป็นสายลับจากอังกฤษ และอังกฤษเลือกที่จะใช้การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นบททดสอบสังคม การใช้ความหวาดกลัวของประชาชนฝรั่งเศสเป็นเครื่องมือและทำให้โรเบสปิแอร์กลายเป็นตัวร้ายในสายตาทุกคน แต่แท้จริงแล้วเขามีเป้าหมายที่จะนำความเท่าเทียมมายังสังคมโดยการใช้ชีวิตตัวเองเป็นเครื่องเซ่นไหว้ในตอนจบ เหมือนกับสิ่งที่สามพี่น้องมอริอาร์ตี้กำลังจะทำ
องค์ราชินีได้ปรากฎตัวอีกครั้งในตอนจบซึ่งเป็นจุดที่เฉลยว่าข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายกับสภาขุนนางอังกฤษให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของสภาขุนนางที่อยู่เหนือสามัญชน ยาวไปจนการก่อตั้งองค์กร MI6 ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอยู่จริงและมีหน้าที่เป็นหน่วยสืบราชการลับในประเทศต่าง ๆ และส่งข่าวกรองให้กับรัฐบาลอังกฤษ โดยองค์กรเริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนในอนิเมะก็ถูกตั้งขึ้นในตอนท้ายเรื่องโดยมีลูอิส เจมส์ มอริอาร์ตี้ น้องชายของวิลเลียมเป็นหัวหน้าหน่วยและเป็นหน่วยงานราชการลับแผนกที่ 6 ขึ้นตรงต่อราชินีเพื่อปกป้องอังกฤษที่เกิดใหม่ หรืออีกนัยนึงคือการเริ่มต้นการก้าวข้าวผ่านระบบชนชั้นวรรณะที่ถูกฝังอยู่ในประเทศมาอย่างยาวนาน
หรือจะเป็นเหตุการณ์มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอนในปี 1666 ซึ่งถูกอ้างอิงและนำมาดัดแปลงให้เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แทน รวมถึงการปรากฏตัวของทาวเวอร์บริดจ์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ โดย 2 เหตุการณ์นี้ถูกนำมารวมกันอยู่ในตอนจบของเรื่อง
ถ้ามีตัวร้ายอย่างมอริอาร์ตี้แล้วจะขาดเชอร์ล็อก โฮล์มไปได้ยังไง ?
แม้ในเรื่องจะโฟกัสไปที่บ้านมอริอาร์ตี้ แต่เชอร์ล็อคก็เข้ามามีบทบาทด้วยเช่นเดียวกัน (ก็เป็นพระเอกในต้นฉบับนี่นะ :-P) เขายังเป็นนักสืบที่เป็นเหมือนแสงสว่างในโลกอันมืดมิดของชาวลอนดอน คอยมาแก้ปริศนาที่เจ้าอาชญกรรมทิ้งเอาไว้ และพาไขปริศนาเข้าจนได้ เป็นตัวแทนแห่งแสงสว่างตรงกันข้ามกับบทบาทฝั่งมอริอาร์ตี้ที่เป็นความมืดในโลกอาชญากรรม และเป็นตัวร้ายในสายตาของทุกคน
แต่ แต่ ขอสปอยอีกนิดนึงว่าในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณนักสืบและเจ้าแห่งอาชญกรรมในเรื่องมันไม่ธรรมดานะ แต่ทุกคนก็ต้องไปดูเอง เพราะเรียกได้ว่าในเรื่องได้มีการตีความความสัมพันธ์ระหว่างสองหนุ่มขึ้นมาใหม่ มีทั้งประโยคชวนเขิน ชวนให้จิ้น และชวนให้คิดตามอยู่เยอะเลยทีเดียว
Moriarty The Patriot จึงไม่ได้เป็นแค่อนิเมะทั่วไป แต่กลับสอดแทรกไปด้วยเกร็ดเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และตีความเหตุการณ์ใหม่ในมุมที่เราอาจจะคาดไม่ถึง แต่เข้าถึงได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องไปนั่งอ่านเอกสารหนา ๆ ก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาประวัติศาสตร์ได้เช่นกัน ถือเป็นอีกจุดหนึ่งของวงการอนิเมะที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างเวลาให้ผู้คนสามารถรู้จักและเข้าใจกับประวัติศาสตร์ได้มากขึ้นเลยทีเดียว หากใครมีเวลาว่าง เราเลยชวนคุณมาดูอนิเมะเรื่องนี้ที่ได้ทั้งความสนุกและสาระไปพร้อมกัน
ที่นรกไม่มีใครอยู่หรอก เพราะปีศาจทุกตัวอยู่บนโลกนี้ไงล่ะ
Catch Me If You Can, Mr.Holmes
William James Moriarty
อ้างอิง
ไกรฤกษ์ นานา. (3 พฤษภาคม 2566). Jack the Ripper ฆาตกรบันลือโลก มีตัวตนหรือไม่?.
เข้าถึงได้จาก ศิลปะวัฒนธรรม: https://www.silpa-mag.com/history/article_9816#google_vignette
สมชัย สุบรรณวรรณ. (6 มิถุนายน 2560). มหากฎบัตร แมกนา คาร์ตา : แปดศตวรรษของพัฒนาประชาธิปไตยของสหราชอาณาจักร.
เข้าถึงได้จาก BBC NEWS ไทย: https://www.silpa-mag.com/history/article_9816#google_vignette
โฆษณา