4 พ.ย. 2023 เวลา 16:23 • ไลฟ์สไตล์

Optimal Stopping กับการเลือกคู่ชีวิต ❤️👩‍❤️‍👨❤️

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เข้าไปดูเพจ “KU หาคู่” ของเด็กเกษตร เห็นบางโพสมีคนเข้ามาตอบรับมาก ประกอบกับช่วงนี้ได้อ่านหนังสือเรื่อง “Algorithms to Live By” ในบทหนึ่งได้พูดถึงเรื่อง Optimal Stopping ซึ่งเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้หลายเรื่อง รวมไปถึงการเลือกคู่ด้วย
ในกลุ่มหาคู่นั้น หนุ่มๆสาวๆที่น่าดึงดูดใจ(อาจด้วยหน้าตา บุคลิก นิสัยที่เขียนบรรยายไว้) จะมีคนเข้ามาคอมเม้นท์เยอะมาก ปัญหาของกรณีนี้ไม่ใช่จะเลือกคนไหน แต่อยู่ที่ว่าควรคุยไว้กี่คนดี (จริงๆไม่สนับสนุนให้คุยหลายคนนะครับ) เนื่องจากเวลาและพลังงานของเรามีจำกัด ถ้าพิจารณาทุกคนเพื่อหาคนที่ดีที่สุดจากคนที่เข้ามาทั้งหมดก็อาจจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น(ตอบแชททั้งวัน)และสิ้นเปลืองพลังงานมาก
การใช้ Optimal Stopping จะเป็นการช่วยให้เราสามารถรักษาสมดุลระหว่างการพิจารณามากเกินไปกับการไม่ได้พิจารณาอย่างเพียงพอ
ผู้เขียนได้แนะนำวิธีแก้ปัญหานี้ 2 ทาง คือ
1.ใช้กฎ Look-Then-Leap Rule
2.ใช้กฎ Threshold Rule
แต่ละกฎมีการใช้อย่างไรมาดูกัน
1. กฎ Look-Then-Leap Rule ได้เสนอว่าในกรณีที่เราเริ่มต้นแบบไม่มีข้อมูลของคนที่คุยเลย(ทุกคนไม่เปิดโปรไฟล์เป็น public) และตัวเราเองไม่มีสเปคที่ตายตัว เช่น เงินเดือนต้องมากกว่า 50,000 บาท,ต้องสูงเกิน 175 คือตัดพวกนี้ไปหมด
ให้เรากำหนดช่วงเวลาที่จะเก็บรวมรวมข้อมูล เช่น 1 อาทิตย์ ในช่วงนี้เราจะไม่เลือกใครเป็นพิเศษไม่ว่าจะประทับใจแค่ไหน (เรียกว่าช่วง Look) พอครบกำหนดระยะ 1 อาทิตย์(Leap Phase) แล้ว ให้เราเตรียมตัวที่จะ commit กับคนที่เราประทับใจที่สุดที่เจอหลังจากผ่านระยะ 1 อาทิตย์แล้ว เพราะเราได้ศึกษามามากพอแล้วว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร
แล้วถ้าคนเข้ามาเยอะมาก ระดับ 5 คนขึ้นไป เราควรจะศึกษากี่คนเป็นขั้นต่ำถึงจะเหมาะสม กรณีนี้ผู้เขียนได้แนะนำให้ใช้กฎ 37% (ดูตารางประกอบ) จากตาราง ถ้ามีคนสนใจเรา 5 คน ผู้เขียนได้แนะนำว่าให้เราคุยอย่างน้อย 2 คน เพื่อเก็บข้อมูล แล้วหลังจากนั้น ถ้าเจอคนที่เราเห็นว่าดีกว่าค่าเฉลี่ยของ 2 คนแรกแล้ว ให้เราพิจารณาเลือกคบคนนั้น ซึ่งโอกาสที่จะได้คนที่ดีที่สุดจาก 5 คน คือ 43.33% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะแล้ว
กฎ 37% สามารถนำมาปรับใช้กับการกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมได้เช่นกัน เช่น สมมุติว่า ช่วงเวลาในการหาคู่ครองของเราอยู่ที่อายุ 18-40 ปี ถ้าใช้กฎ 37% อายุที่เหมาะสมที่จะเปลี่ยนจากระยะคุยไปทั่ว(Look) มาระยะหาคนคบจริงจัง(เข้าสู่Leap) คือหลังอายุ 26.1 ปี คนที่เราเจอหลังจากนี้อาจจะไม่ใช่คนที่perfect แต่เราก็มั่นใจได้ว่าเป็นคนที่ผ่าน algorithm step แล้ว (อะไรของคนเขียนนี่555)
แต่ถ้าในอีกกรณีนึงที่เรามีข้อมูลที่มากพออยู่แล้ว เช่น คนที่เข้ามาเป็นเพื่อนกันมาก่อนและเรามีเกณฑ์ในการเลือกคู่ที่ชัดเจนอยู่แล้ว ผู้เขียนให้ใช้วิธีที่ 2 แทน
2. กฎ Threshold Rule ผู้เขียนแนะนำว่าถ้าเราเจอคนที่มีคุณสมบัติมากกว่าเกณฑ์ (percentile) ที่เราตั้งไว้เราตัดสินใจเลือกคนนั้นไปได้เลย แต่ถ้ายังไม่ผ่านก็ต้องมองหาคนต่อไป
ผู้เขียนบอกว่าหลายๆคนมีปัญหากับวิธีนี้คือมีตัวเลือกน้อยเกินไป ผู้เขียนแนะนำว่าให้ลดมาตรฐานลง (lower your standards) แล้วจะมีตัวเลือกให้เราพิจารณามากขึ้น
ปัญหาอีกอย่างนึงที่ควรระวังคือความลังเลประเภทคนนั้นก็ดี คนนี้ก็โดน ซึ่งเมื่อปล่อยเวลาผ่านไปตัวเลือกจะหายไป เราอาจจะพลาดโอกาสตรงจุดนี้ได้ ( being more choosy the more applicants are left)
ผู้เขียนยังเน้นย้ำว่า จากวิธีนี้ไม่ว่ายังไงอย่าเลือกคนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาเด็ดขาด นอกเสียจากว่าเราไม่มีตัวเลือกแล้วเพราะเหลือคนนี้คนเดียว จากการที่คนอื่นเลิกคุยแล้ว หรืออายุเกินเกณฑ์ไม่มีคนเข้ามาให้เลือกแล้ว
จาก2วิธีนี้ ผู้เขียนไม่ค่อยแนะนำวิธีที่ 2 (Threshold Rule) เท่าไร โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเรามองหาคู่ชีวิตโดยการกำหนดมาตรฐานตายตัวบางอย่างขึ้นมาเช่น ระดับรายได้ การศึกษา จะมีข้อมูลอีกมากที่เราทิ้งไปไม่ได้นำมาพิจารณา และมองข้ามมิติทางอารมณ์(เช่น ความรัก)ไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมาจากประสบการณ์และการเปรียบเทียบนิสัยใจคอ(ในวิธีที่ 1)
นอกจากเรื่องการหาคู่ครองแล้ว วิธี Optimal Stopping นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นได้หลายเรื่อง เช่น การรับสมัครงาน, การคัดนักกีฬาเข้าทีม, การขายหุ้นในเวลาที่เหมาะสม, รวมไปถึงระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปิดไวน์ดื่มเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
โฆษณา