5 พ.ย. 2023 เวลา 03:41 • ท่องเที่ยว
จังหวัดโอะกินะวะ

“จ๊อปิแนว” บันทึกปกาเก่อเญ่อผลัดถิ่นในดินแดนอาทิตย์อุทัย

ตอนที่ 1 ปกาเก่อเญ่อน้อยกับความฝัน
ผมเชื่อว่ามันคือความโชคดีของผม ที่มีโอกาสข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปใช้ชีวิตในดินแดนที่ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร ได้เห็นวีถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากวัฒนธรรมของตัวเองอย่างสิ้นเชิง
เดิมตัวผมอาศัยอยู่บนภูเขาสูงแบบชนบทในจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทย ผมชอบเดินป่า ชอบธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามวิถีชีวิตของคนปกาเก่อเญ่อ จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้คลุกคลีกับน้ำทะเลสักเท่าไหร่
แต่ครั้งนี้ต้องมาอาศัยอยู่บนเกาะที่ล้อมรอบด้วยทะเล ซึ่งมีแต่คลื่นสีฟ้าซัดสาดกระทบเข้าชายฝั่ง มากกว่าทิวทัศน์ที่ดีของภูเขาที่คุ้นเคย และยังมีเกาะเล็ก ๆ ล้อมรอบกว่าร้อยเกาะ ซึ่งถึงว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับหนุ่มปกาเก่อเญ่ออย่างผม จึงต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่พอสมควร
ผมเคยได้ยินมาบ้างว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นดินแดนแห่งการอนุรักษ์แบบสังคมนิยมและความเจริญก้าวหน้าในระดับเอเชียและระดับโลก ดังนั้นจึงเฝ้ารอคอยที่จะได้มาเยือนดินแดนแห่งนี้ด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ในวินาทีแรกที่ผมเหยียบย่ำอยู่บนแผ่นดินญี่ปุ่น ความรู้สึกสัมผัสแรกก็คือความตื่นเต้นกับความฝันที่เป็นจริงในบรรยากาศที่ไม่คุ้นชินมาก่อน ที่นี่ผมได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ตามที่เราเคยฝันไว้จริง ไม่ว่าผู้คนมากมายที่ดูเหมือนรีบร้อนตลอดเวลา หรือการเดินทางที่รวดเร็วสะดวกสบาย แม้ผู้คนจะเยอะแต่เหมือนว่าพวกเขามีวินัยค่อนข้างสูงมาก เช่นด้านการทำงานที่ว่องไวและยังเป็นระเบียงเรียบร้อยอีกด้วย
แม้แต่การซื้อของครั้งแรกคือต้องจ่ายผ่านตู้เก็บเงินอัตโนมัติ โดยไม่มีพนักงานเก็บเงินสักคนเดียว หรือเวลาไปทานข้าวร้านอาหาร ผู้คนมักจะยืนต่อแถว เพื่อรอให้โต๊ะว่างก่อนแล้วค่อยไปนั่งกิน รวมถึงการเดินของคนญี่ปุ่นนั้นว่องไวกระฉับกระเฉงมาก
เมืองที่ผมอยู่เป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น หรือแทบไม่มีพื้นที่ไม่ติดกับเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่นเลย มันตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากเกาะหลักของญี่ปุ่นประมาณ 400 ไมล์และเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ที่นี่คือจังหวัด “โอกินาวา” นั่นเอง
ดินแดนแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของสภาพอากาศอบอุ่น กึ่งเขตร้อน ผู้คนจึงใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ ยิ้มง่าย และเป็นมิตร พวกเขายังมีอัธยาศัยดีมากอีกด้วย อาจเพราะที่นี่มีภูมิประเทศที่ปกคลุมด้วยธรรมชาติอันงดงาม ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “บลูโซน (Blue Zone)” ที่มีประชากรอายุยืนยาวที่สุดของญี่ปุ่น
ณ ดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ มีอะไรให้หนุ่มปกาเก่อญ่อคนนี้ได้เรียนรู้อีกมาก ไม่ว่าการได้สัมผัสกับความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นแท้ ๆ และมีโอกาสได้เรียนรู้นิสัยของเขา ทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะมีความกล้าหาญ ความอดทน ความมีวินัยสูง แบบคนญี่ปุ่น ซึ่งทั้งหมดนี่คือความใฝ่ฝันที่ผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองมาตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาอยู่เลย
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณโครงการฝึกงานผู้นำเยาวชนแลกเปลี่ยนเกษตรไทยในประเทศญี่ปุ่นหรือ “JAEC The Japan Agricultural Exchange Council” ที่เลือกให้ผมได้รับเข้าฝึกประสบการณ์ที่นี่ จังหวัดที่ไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะมีวัฒนธรรมประเพณี รวมถึงอาหารการกินที่มีความหลากหลายอย่างน่าสนใจ
ทำให้การมาอยู่ในญี่ปุ่นครั้งนี้ จึงไม่ใช่การมาเที่ยวหรือทำงานอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผมมาในฐานะเด็กฝึกงานเพื่อหาประสบการณ์ด้านการเกษตรกับครอบครัวชาวญี่ปุ่น และไม่ใช่เฉพาะด้านการเกษตรอย่างเดียว ผมมีโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าวีถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี หรือประวัติศาสตร์อีกด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่นานถึงประมาณ 11 เดือนกับการต้องทำตัวให้เหมือนคนญี่ปุ่นมากที่สุด
แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ ว่าคนปกาเก่อเญ่ออย่างผมต้องปรับตัวในญี่ปุ่นอย่างไรบ้าง ซึ่งรับรองได้เลยว่า ประสบการณ์ของผมในครั้งนี้จะช่วยเปิดมุมมองให้ทุกคนได้รู้จักประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
โปรดติดตามตอนต่อไป...
โฆษณา