6 พ.ย. 2023 เวลา 06:12 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

ทำหนังแบบหวังจิง High Profit Only

เรื่องเพศ ความรุนแรง และอารมณ์ขันแบบหวือหวา มุกตลกหลุกโลก รวมๆกันแล้วอาจจะเป็นคำว่า"ไร้รสนิยม" เป็นสูตรสำเร็จของผู้กำกับหวังจิงในบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกง เขาครองความยิ่งใหญ่ของหนังฮ่องกงในยุค 1990 ตั้งแต่ยอดเซียนเกาจิ้งทั้งภาคหลักภาคแยก God of Gamblers ไปจนถึงหนังโคตรฮิตหลายเรื่องของโจวชิงฉือ อย่างอุ้ยเสี่ยวป้อ Royal Tramp ไปจนถึงหนังบู๊ หนังเปลือยเกรดสาม อย่าง Sex & Zen และ Naked Killer
หวังจิงทำงานเป็นผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และผู้เขียนบท โดยทั่วไปแล้วมักสร้างหนังไร้สาระ ไร้เหตุผล แต่ถูกใจผู้ชม ซึ่งผสมผสานเรื่องลามกเบาๆ มีความรุนแรงนองเลือด และตลก หนังของเขาไม่เสแสร้งว่ามีศิลปะ หนังของหวังจิงทำหน้าที่เดียวเท่านั้นคือ ทำรายได้ดีในบ็อกซ์ออฟฟิศเพียงอย่างเดียว
ในยุครุ่งเรื่องเขามีผลงานออกมาปีหนึ่งๆ นับสิบเรื่อง ทั้งสร้าง กำกับ หรือไม่ก็มีส่วนในการเขียนบท หนังเขามักจะมีงบประมาณต่ำและใช้เวลาสร้างประมาณ 15 ถึง 20 วันเท่านั้น
แต่น่าแปลกที่ว่างานของเขายังคงสามารถดึงดูดดาราชื่อดังอย่างโจเหวินฟะ ,หลีเหลียนเจี๋ย ,หลิวเต๋อหัว และแน่นอนว่าโจวชิงฉือ ให้มาร่วมงานได้ไม่ขาด ดาราหลายคนโดยเฉพาะโจวชิงฉือเคยบอกว่าหวังจิงคือผู้กำกับที่เขาช่วยให้กลายเป็นดาราดัง โดยเฉพาะการอาศัยมุกตลกแบบไร้รสนิยมมาสร้างเสียงหัวเราะ '''
นอกจากนี้หวังจิงยังเชี่ยวชาญในการสร้างหนังเกรด 3 ซึ่งเป็นหนังสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นที่ผสมผสานเรื่องเพศแบบซอฟต์คอร์ ความรุนแรง และการนองเลือด ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาทำให้คนดูหนังรู้จักชูฉีในเรื่อง “Sex and Zen II” (1996) หนังตลกอีโรติกประเภท 3 ที่เขียนบทและอำนวยการสร้างโดยหวังจิง S
ex and Zen II เป็นส่วนผสมที่มีของเรื่องเพศที่หยาบคายและคำสอนทางลัทธิเต๋าที่ไม่น่าเข้ากันได้ แต่หวังจิงก็นำ "การแสวงหาการผจญภัยทางเพศทำให้เขาต้องปลูกถ่ายองคชาตของม้าให้กับตัวเอง" เข้ากับหลักคำสอนทางเต๋าได้อย่างไม่น่าไปด้วยกันได้
#ทำหนังก็ต้องมีกำไร
หวังจิงบอกว่าการสร้างหนังเป็นธุรกิจและไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ธุรกิจก็ต้องทำเงิน สร้างกำไร เขาตั้งเป้าที่จะสร้างหนังที่นำผู้ชมเข้าโรงหนังเท่านั้น และด้วยเหตุนี้จึงสร้างผลกำไรที่ดีให้กับนักลงทุน ซึ่งเขาพยายามสร้างความสุขให้คนกลุ่มนี้อยู่เสมอ
“สิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจนี้คือการรักษาอำนาจเอาไว้ และเคล็ดลับในการคงอำนาจนั้นเรียบง่าย ถือว่าภาพยนตร์เป็นธุรกิจ ไม่ใช่งานอดิเรกส่วนตัวของคุณ”
“คนทำหนังต้องมองไปที่กฎของอุปสงค์และอุปทาน หากคุณชอบหนังบางประเภท แต่ผู้ชมไม่ต้องการก็อย่าสร้างมันขึ้นมา” เขากล่าวและว่า
"ผมพยายามให้สิ่งที่ผู้ชมต้องการ”
ถึงปัจจุบันนี้ หวังจิงได้กำกับหนังทั้งหมดประมาณ 100 เรื่อง เขียนบทประมาณ 200 เรื่อง และผลิตประมาณ 160 เรื่อง และร่วมแสดงในหนังประมาณ 70 เรื่อง เขาจัดการเพื่อให้บรรลุความสำเร็จด้านปริมาณขนาดมหาศาลนี้ได้โดยการปรับปรุงกระบวนการผลิตหนังให้มีประสิทธิภาพถ่ายทำเสร็จภายใน 15-20 วัน ส่วนใหญ่ถ่ายทำไปพร้อมกับการเขียนบทและ และมอบหมายงานให้กับผู้อื่นมาช่วย จะเห็นว่าหนังจำนวนมากของเขาจะมีชื่อผู้กำกับอื่นมากำกับร่วมด้วย
#สูตรสำเร็จ
เมื่อพูดถึงเคล็ดลับสู่ความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์ของหวังจิงแล้ว หลายคนสงสัยว่ามันคืออะไร
คนที่ทำงานร่วมกับเขามาก่อนต่างพูดเสียงเดียวว่า หวังจิงเป็นคนทำงานหนัก เขาตื่นแต่เช้าและทำงานและเล่นเกมคอมพิวเตอร์ แต่ การทำงานหนักเพียงอย่างเดียวมักจะไม่นำไปสู่ความสำเร็จขนาดนี้ เคล็ดลับของเขาคือสามารถเข้าถึงรสนิยมของผู้ชมได้ง่าย
หวังจิงมีความไวหรือความอ่อนไหวต่อรสนิยมของผู้ชม เขาสามารถเปลี่ยนแปลงหนังที่ทำลังถ่ายทำได้อย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่ารสนิยมคนดูเริ่มเปลี่ยน และกลยุทธ์การสร้างหนังที่มีประสิทธิภาพใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปิดกล้องพร้อมออกฉาย มันนำไปสู่การผสมผสานที่มักทำให้เขาชระในเกมเสมอ
“เขาใช้เวลาหลายปีในการคิดถึงสิ่งที่ผู้ชมต้องการและเรียบเรียงมันจนกลายเป็นสูตรสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น แอ็กชั่นเล็กๆ น้อยๆ ผสมโรแมนติก มีตลก และดารามากมาย”
หนังที่หวังจิงสร้างจึงมีบางสิ่งบางอย่างที่เราจะรู้สึกว่าหนังกำลังสื่อสารกับเราทุกคน เขาไม่กังวลเกี่ยวกับการสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมชาวต่างชาติ หรือการได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ เขากังวลเกี่ยวกับการทำกำไร ดังนั้นเขาจึงคิดให้เข้าถึงคนดูมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดังนั้น ในหนังของหวังจิง “ถ้าใครไม่ชอบฉากโรแมนติก สักพักก็จะมีฉากแอ็กชั่นให้ดู หรือถ้าพวกเขาไม่ชอบเรื่องตลก ก็จะมีเรื่องอื่นๆ ผสมตามมา และถ้าหนังตลกทำเงิน สักพักจะมีหนังตลกหวังจริงออกฉายต่ออีก 5 เรื่อง ” ผู้สันทัดกรณีกล่าวไว้
หวังจิงทุ่มเทความสำเร็จให้กับกลยุทธ์ทางการตลาด เขาจะพิจารณาโปสเตอร์เป็นไอเดียสำคัญที่สุด และถ้าเขาไม่สามารถนึกถึงภาพโปสเตอร์ที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ เขาก็จะไม่สร้างหนังเรื่องนั้น
#หวังจริงกับหนังอาร์ต
หวังจิงไม่ได้ต่อต้านการสร้างหนังอาร์ต แต่โดยหลักการแล้ว เขาแค่บอกว่ามันไม่ใช่ที่ทางของเขา ถึงกับบอกว่า
“มันเหมือนกับการเปรียบเทียบผู้ชายที่ชอบวิ่ง 100 เมตร กับผู้ชายที่ชอบวิ่งระยะทางหนึ่งไมล์” เขาบอกถ้าเขาสร้างหนังอาร์ตก็อาจจะไม่ชำนาญ และจะแย่ยิ่งกว่าหนังแบบที่เขาทำอยู่ก็ได้
ถึงแม้เขาจะเป้นราชาระเบิดบ็อกซ์ออฟฟิศแห่งยุค 1990 มีหนังดังหนังแห่งยุคประดับเครดิตมากมาย แต่เขาก็มีข่าวฉาวส่วนตัวออกมาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับสาวๆที่หวังจะเป็นดาราให้เขาปั้น บางรายอายุน้อยกว่าเขาถึง 40 ปีก็มี และยิ่งกว่านั้นตัวของเขาเองก็ได้รับการขนานนามจากสื่อว่าราชันหนังห่วย
โฆษณา