9 พ.ย. 2023 เวลา 07:13 • กีฬา

คิโรน่าขึ้นนำจ่าฝูงลาลีกาได้อย่างไร เราจะไปอธิบายปรากฏการณ์นี้แบบเข้าใจง่าย

ไม่มีใครคาดคิดว่าลาลีกา สเปน เตะไปแล้ว 12 นัด จ่าฝูงของลีก ไม่ใช่เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า แต่เป็นทีมเล็กๆ ที่ชื่อ คิโรน่า
1
คิโรน่า ไม่เพียงแค่เป็นจ่าฝูง แต่เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลาลีกา (29 ประตู) คือใน 12 นัดที่ลงเล่น ถ้าไม่นับเกมที่แพ้เรอัล มาดริด 3-0 เกมที่เหลือ ไม่มีนัดไหน ที่พวกเขายิงไม่ได้ เกมรุกอยู่ในระดับสุดยอดมาก
ซึ่งเอาจริงๆ ก็นับว่ามหัศจรรย์มาก เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่คิโรน่าก่อตั้งสโมสร เงินในการซื้อนักเตะเข้าทีม รวมกันทุกคนตลอดกาล ยังไม่เท่าที่เรอัล มาดริด จ่ายเงินซื้อจู๊ด เบลลิงแฮมแค่คนเดียว
7
คำถามคือ คิโรน่าที่ดูเป็นทีมเล็กมากๆ ขึ้นมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง พวกเขามีดีอะไร จากทีมที่ออกสตาร์ตซีซั่น ด้วยการเป็น "เต็ง 11" แต่วันนี้ทะยานมาอยู่จ่าฝูงได้แบบผู้คนมึนงงทั้งยุโรป
--------------------
เมืองคิโรน่านั้น ตั้งอยู่ที่แคว้นคาตาลัน นี่คือเมืองขนาดเล็กมีประชากรไม่ถึง 1 แสนคน จุดเด่นของเมืองคือเรื่องการท่องเที่ยว ในซีรีส์ Games of Thrones มีคิโรน่านี่แหละ เป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก
มหาวิหารเบย์เลอร์ ที่โดนเซอร์ซี่ใช้ไวลด์ไฟร์ระเบิดเละ ถูกถ่ายทำที่มหาวิหารคิโรน่า หรือฉากในเมืองบราวอส ที่อาร์ย่าไปฝึกวิชาก็ถ่ายทำในเมืองคิโรน่าทั้งหมด
ว่ากันตรงๆ นี่คือเมืองท่องเที่ยว ไม่ใช่เมืองฟุตบอล
ในแคว้นคาตาลัน มีสโมสรฟุตบอลอาชีพอยู่ 19 ทีม ทีมใหญ่ที่สุดคือบาร์เซโลน่า (แชมป์ลาลีกา 27 สมัย) รองลงมาคือเอสปันญ่อล และรองลงมาอีก คือคิโรน่า ที่สนามแข่งมีความจุแค่ 14,624 ที่นั่งเท่านั้น
สโมสรฟุตบอลคิโรน่าก่อตั้งสโมสรในปี 1930 แต่ทีมไม่เคยเล่นลีกสูงสุด วนเวียนอยู่แต่ในดิวิชั่น 2 3 4 5 ทีมไม่เคยได้แชมป์เมเจอร์อะไรแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2016 เกิดจุดเปลี่ยนที่ใหญ่มากๆ เมื่อคิโรน่าที่ตอนนั้นอยู่ลีกาสอง เริ่มเป็นพาร์ทเนอร์กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในฤดูกาล 2016-17 แมนฯ ซิตี้ ส่งนักเตะ 2 คน ไปช่วยคิโรน่า ได้แก่ อังเจลิโน่ และ ปาโบล มาฟเฟโอ บทสรุปคือ คิโรน่าเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของสเปนได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
1
จากนั้นพอจบฤดูากล ช่วงซัมเมอร์ปี 2017 ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป (CFG) เจ้าของสโมสรแมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจว่า แค่เป็นพาร์ทเนอร์คงไม่พอ พวกเขาเดินหน้าเต็มตัว เพื่อซื้อหุ้นของคิโรน่าแล้วกลายมาเป็นเจ้าของเองในที่สุด
ณ เวลานี้ คิโรน่า ถือหุ้นโดย CFG 44.3 เปอร์เซ็นต์, บริษัทชื่อคิโรน่า ฟุตบอล กรุ๊ป ที่มีเจ้าของคือเปเร่ กวาร์ดิโอล่า น้องชายของเป๊ป อีก 44.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหุ้นที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ
เป้าหมายของ CFG คือขยายอาณาจักรฟุตบอลของตัวเองให้ใหญ่ที่สุด พวกเขาเป็นเจ้าของแมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ), นิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี (สหรัฐฯ), ปาแลร์โม่ (อิตาลี), ทรัวส์ (ฝรั่งเศส), เมลเบิร์น ซิตี้ (ออสเตรเลีย) รวมถึงถือหุ้นของโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส (ญี่ปุ่น) อยู่ส่วนหนึ่ง ดังนั้นสเปน จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ CFG เล็งไว้ อยากจะเพิ่มโพรไฟล์ นั่นเป็นที่มาของการตัดสินใจเทกโอเวอร์คิโรน่ามาครองในที่สุด
3
แปลง่ายๆ ว่า คิโรน่า เป็นทีมลูกของแมนฯ ซิตี้นั่นเอง ดังนั้นพวกเขาจะได้ศาสตร์ความรู้จากทีมเรือใบสีฟ้า รวมถึงได้คอนเน็กชั่นดีๆ อีกมากมายในการพัฒนาทีมอีกด้วย
1
ฤดูกาลแรกของคิโรน่าในลาลีกา (2017-18) แมนฯ ซิตี้ ปล่อยผู้เล่นดาวรุ่งให้คิโรน่ายืมตัวถึง 5 คน หนึ่งในนั้นคือดักกลาส หลุยซ์ ที่อนาคตจะเป็นคีย์แมนของแอสตัน วิลล่า และได้ติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ด้วย ส่วนบาร์เซโลน่า ทีมที่มีความใกล้ชิดกับกวาร์ดิโอล่า ก็ส่งนักเตะมาให้ยืม 2 คน
ด้วยตัวผู้เล่นที่ดูดี เกินกว่าจะเป็นทีมน้องใหม่ ทำให้คิโรน่าจบอันดับ 10 ของตารางคะแนนในปีแรก รอดตกชั้นแบบสบายๆ
อย่างไรก็ตาม คิโรน่ายังหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ พอนักเตะที่ปล่อยยืมถูกส่งคืนไป ซีซั่นต่อมา (2018-19) พวกเขาก็ร่วงตกชั้น
ระหว่างนั้นเองคิโรน่าก็ดิ้นรนอยู่ในลีกา 2 พวกเขาเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึง 3 คน จนในที่สุดก็ได้ตัว มิเชล กุนซือที่มีไอเดียเล่นเกมรุกเต็มรูปแบบ เข้ามาเป็นโค้ชคนใหม่ และแค่ปีแรกของมิเชล (2021-22) คิโรน่าก็ได้เลื่อนชั้นกลับมาสู่ลาลีกาในที่สุด
2
ปีที่สองของมิเชล (2022-23) คิโรน่าสามารถจบอันดับ 10 ของตารางลาลีกาได้ เมื่อทีมมีความแข็งแรงขึ้น บวกกับคอนเน็กชั่นที่ดีของเจ้าของ ทำให้สามารถโน้มน้าวนักเตะดีๆ มาอยู่กับทีมได้มากขึ้นกว่าเดิม
ในฤดูกาลปัจจุบัน ปีที่สามของมิเชล (2023-24) คิโรน่า ได้ผู้เล่นจากแมนฯ ซิตี้ มาสองคนคือ ยันเกล เอร์เรร่า และ ยัน เคาโต้, ยืมตัวซาวิโอ จากทรัวส์ ที่เป็นสโมสรในเครือข่ายเดียวกัน จากนั้นยืมตัวนักเตะบาร์เซโลน่ามาได้อีก 2 คน คือ ปาโบล ตอร์เร่ และ เอริค การ์เซีย
1
โดยในเคสของเอริค การ์เซีย นี่เป็นนักเตะที่เคยติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่มาแล้ว แต่ยอมมาอยู่กับคิโรน่าเฉยเลย
กลยุทธ์ในการซื้อหรือยืมตัวผู้เล่นของคิโรน่าถือว่าทำได้ฉลาด อธิบายคือ ถ้าหากแมนฯ ซิตี้ อยากให้นักเตะคนไหนไปเก็บเลเวลเพิ่ม ก็จะส่งไปอยู่คิโรน่า ส่งไปเพิ่มมูลค่าในฐานะนักเตะลาลีกา พอกลับมาปั๊บจะขายต่อให้ใคร ได้ขายได้ในราคาแพงขึ้น
1
ดักกลาส หลุยซ์ เป็นเคสที่ดี คือนักเตะไม่ได้เวิร์กเพอร์มิตที่อังกฤษ แมนฯ ซิตี้จึงส่งไปให้คิโรน่ายืมตัว 2 ปี พอนักเตะได้ลงเล่นบ่อยขึ้นในลีกยุโรป ก็สามารถขอเวิร์กเพอร์มิตผ่าน แมนฯ ซิตี้ จึงขายต่อให้แอสตัน วิลล่าในราคา 15 ล้านปอนด์
คิโรน่า Win เพราะได้นักเตะดีๆ ไว้ใช้ ส่วนแมนฯ ซิตี้ก็ Win ที่มีสโมสรน้อง คอยเอานักเตะไปปั้น ไปใช้งานในสนามจริง
ไม่ใช่แค่แมนฯ ซิตี้เท่านั้น แต่ CFG จะช่วยพิจารณาว่า นักเตะคนไหนดูจะเหมาะกับลาลีกา ก็จะส่งตัวไปให้คิโรน่าใช้งาน เราจึงเห็นผู้เล่นจากทรัวส์ หรือจาก นิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี ย้ายไปอยู่คิโรน่ากันเรื่อยๆ
นอกจากนั้น ด้วยความที่ทำเลของเมืองคิโรน่าตั้งอยู่ใกล้กับบาร์เซโลน่า ห่างกันแค่ขับรถ 70 นาที ดังนั้นสามารถเจรจายืมตัวนักเตะจากบาร์เซโลน่า หรือแม้แต่เอสปันญ่อลได้ง่ายขึ้น เพราะผู้เล่นเหล่านี้ บางคนก็ไม่อยากย้ายบ้าน ย้ายประเทศ ให้มาอยู่คิโรน่าก็ตอบโจทย์ดี ยังได้เล่นในลาลีกาต่อ
สำหรับผลงานในฤดูกาลนี้ คิโรน่า เล่นได้ดีมากๆ และนำเป็นจ่าฝูงของลาลีกาอย่างไม่มีใครเชื่อ ถ้าถามว่าทำไมเล่นได้ดี คำตอบที่สื่อต่างประเทศชื่นชมกันก็คือสปิริตของทีม
ในทีมคิโรน่าตอนนี้ ถ้าว่ากันตรงๆ คือนักเตะแต่ละคน เป็นพวกที่ไม่ปังกับที่อื่น จึงขอมาพิสูจน์ตัวเองกับคิโรน่าแทบทั้งสิ้น
อเล็กซ์ การ์เซีย - ไม่เคยติดทีมชาติสเปน อยู่แมนฯ ซิตี้ก็ไม่เคยเล่นทีมชุดใหญ่ แต่ ณ เวลานี้กับคิโรน่า เล่นได้ดีที่สุดในชีวิต
ดาลีย์ บลินด์ - ในวัย 33 ปี โดนวิจารณ์ว่าหมดก๊อกแล้ว แต่เขาใช้ประสบการณ์ที่มีช่วยเหลือทีมได้
1
ซาวิโอ - เป็นนักเตะของทรัวส์ โดนปล่อยยืมไปพีเอสวีรอบนึง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เล่นในลีกดัตช์ไม่เวิร์ก ปีนี้อยากขอพิสูจน์ตัวเองกับลาลีกาบ้าง
เอริค การ์เซีย - โดนบาร์เซโลน่าปล่อย เพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้
ดาวิด โลเปซ - นักเตะวัย 34 ที่เอสปันญ่อลมองว่าหมดแล้ว จึงไม่ได้ต่อสัญญา คิโรน่าอาศัยช่องนี้ไปคว้าตัวมาแบบฟรีๆ
เปาโล กัซซานิก้า - นายทวารพเนจร เล่นกับเซาธ์แฮมป์ตัน,สเปอร์ส, ฟูแล่ม แต่อยู่ไหนก็ยึดตัวจริงไม่ได้ มีแพสชั่นมากๆ ที่อยากขอเป็นมือหนึ่งกับเขาบ้างซะที
ยันเกล เอร์เรร่า - นักเตะเวเนซุเอล่า ที่อยู่แมนฯ ซิตี้มา 5 ปี แต่ไม่ได้ลงเล่นเลยสักนัด อยากพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน
จะเห็นได้ว่า คิโรน่าไปไล่เก็บนักเตะที่ทีมอื่นไม่ต้องการ แต่พวกเขารู้ว่ามีฝีมือ เอามารวมตัวกัน แล้วผสมเข้าด้วยกัน แน่นอน ทีมไม่มีนักเตะซูเปอร์สตาร์แบบโดดเด้งขึ้นมา แต่นั่นกลับเป็นเรื่องดี เพราะทุกคนช่วยกันวิ่ง ช่วยกันไล่ ที่สำคัญคือตั้งใจเล่น เพื่อแสดงความขอบคุณสโมสร ที่ให้โอกาสที่ทีมอื่นมองข้ามไปแล้ว
1
จริงๆ คิโรน่า ไม่ได้เล็งแค่นักเตะที่ทีมอื่นไม่ต้องการอย่างเดียว แต่การอยู่ในเครือข่าย CFG ทำให้ศักยภาพของแมวมองต่างๆ ก็มีประสิทธิภาพด้วย อย่างในปีนี้ พวกเขาซื้อนักเตะยูเครนสองคนมาร่วมทีม คือวิคเตอร์ ไซยานคอฟ (5 ล้านยูโร) และ อาร์เต็ม ดอฟบริค (7 ล้านยูโร) ซึ่งก็เล่นดีทั้งคู่ ปัจจุบันมูลค่าซื้อขายของสองคนนี้จากเว็บ Transfermarkt อยู่ที่ 22 ล้านยูโร และ 15 ล้านยูโร ตามลำดับ
2
แพสชั่นของผู้เล่น นักเตะที่มีคุณภาพในระดับที่โอเค เมื่อรวมกับสไตล์เกมรุกของโค้ชมิเชล ทำให้คิโรน่าเป็นสโมสรที่หลายๆ ทีมเซอร์ไพรส์ ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ จนทีมเดินหน้าคว้าชัยชนะมาได้เรื่อยๆ กลายเป็นทีมจอมเซอร์ไพรส์แห่งลาลีกา
1
สถิติที่น่าสนใจของคิโรน่าคือ พวกเขาเป็นทีมที่พลิกมาได้แต้ม แม้จะโดนคู่แข่งขึ้นนำ มากที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป นั่นคือเก็บได้ 13 แต้ม
- ตามหลังเรอัล โซเซียดัด 1-0 เกมจบ 1-1 (ได้ 1 แต้ม)
- ตามหลังเรอัล มาร์ยอก้า 1-0 เกมจบ 5-3 (ได้ 3 แต้ม)
- ตามหลังบียาร์เรอัล 1-0 เกมจบ 2-1 (ได้ 3 แต้ม)
- ตามหลังอัลเมเรีย 2-0 เกมจบ 5-2 (ได้ 3 แต้ม)
- ตามหลังโอซาซูน่า 2-1 เกมจบ 4-2 (ได้ 3 แต้ม)
สิ่งที่คิโรน่าทำให้เห็นคือสปิริตของการคัมแบ็ก จิตใจที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โดนอัดล้มเท่าไหร่ ก็ลุกขึ้นมาสู้ได้ต่อ
ณ เวลานี้ผ่านไป 12 เกม คิโรน่าสร้างสถิติใหม่ๆ มากมาย เช่น พวกเขาเป็นจ่าฝูงของลาลีกา และเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่จ่าฝูงของลีก ไม่ใช่บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด หรือ แอตเลติโก้ มาดริด
รวมถึงคิโรน่าเป็นทีมที่ 5 ในรอบ 30 ปีของลาลีกา ที่ชนะ 10 เกม จากการออกสตาร์ต 12 เกมแรก
เคราร์ด ปิเก้ ตำนานของบาร์เซโลน่า เคยกล่าวถึงคิโรน่าว่า "พวกเขาน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มจะดูเหมือนเลสเตอร์ ซิตี้แล้ว" คือเอาจริงๆ ใครก็อยากเห็นทีมเล็กๆ สร้างปาฏิหาริย์ได้แชมป์ลีกใหญ่ แบบที่เลสเตอร์เคยทำได้ทั้งนั้น
อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนชื่นชมโค้ชมิเชล คือเป็นคนจิตวิทยาดี ตอนลงเล่นผ่านไป 7 เกมแรก คิโรน่ามี 19 แต้มเป็นจ่าฝูงของลีก มีนักข่าวไปถามว่า ตอนนี้มองเป้าหมายอย่างไร ลุ้นพื้นที่ยุโรปได้เลยหรือยัง
มิเชล ตอบกลับด้วยประโยคเดียวกับเคลาดิโอ รานิเอรี่ ตอนเป็นผู้จัดการทีมเลสเตอร์ เขากล่าวว่า "เป้าหมายของเราคือ 42 แต้ม เพื่อหนีการตกชั้น ตอนนี้เราเก็บไปได้แล้ว 19 แต้ม ดังนั้นเพื่อทำให้เราอยู่รอดต่อไป เราต้องเก็บแต้มให้ได้เยอะที่สุดในสิบเกมต่อจากนี้ แล้วเราค่อยมาดูกันว่าเป้าหมายจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า"
1
นี่คือกลยุทธ์ที่ลดแรงกดดันให้กับทีม แม้จะมีคนพูดถึงเรื่องการลุ้นแชมป์ หรืออย่างน้อยลุ้นท็อปโฟร์ แต่มิเชลประมาณตัวเองดี และไม่โยนความกดดันเกินจำเป็นให้ลูกทีม
บทสรุปของคิโรน่า ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าจะยืนระยะได้ตลอดไป ทีมเก่งก็จริง แต่ Squad Depth ยังไม่ได้แน่นขนาดนั้น ถ้าหาก 11 ตัวจริงเดี้ยงไปสัก 2-3 คน ก็กระอักแล้ว
นอกจากนั้นในครึ่งฤดูกาลแรก หลายๆ ทีมยังไม่ระวังตัว ไม่คิดว่าคิโรน่าจะเก่งขนาดนี้ เซบีญ่าแพ้คาบ้าน, บียาร์เรอัล แพ้คาบ้าน ถ้าหากทีมที่ใหญ่กว่าพวกเขา ระมัดระวังตัวมากขึ้น โอกาสที่คิโรน่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ก็จะทำได้ยากขึ้น
ตอนนี้ผ่านไป 12 นัด แปลว่าผ่าน 1 ใน 3 ของฤดูกาลแล้วจากนี้ไปจะเริ่มเป็นช่วงที่หนักขึ้น และเป็นบทพิสูจน์ที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิโรน่าจะต้องเจอกับทีมที่แย่งแชมป์ทั้งบาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก้ มาดริดด้วย
คอืถ้าหากผ่านอีก 10 นัดต่อจากนี้ได้ และยังเกาะท็อปโฟร์ได้อยู่ เราค่อยมาว่ากันเรื่องโควต้ายุโรป หนทางของคิโรน่ายังอีกยาวไกลนัก
1
อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ลดทอน หรือด้อยค่า สิ่งที่คิโรน่าสร้างขึ้นมา เพราะ 12 เกมที่ผ่านมา เป็นผลงานมาสเตอร์พีซแล้ว ทีมที่ถูกประเมินว่าจะจบอันดับ 11 แต่ทะยานขึ้นมาอยู่จ่าฝูงได้ขนาดนี้ นับว่าเก่งมากแล้ว
ทีมเล่นสวย เล่นเกมรุก นักเตะยิงประตูได้ทุกคน คุณเป็นทีมเล็กมีงบประมาณจำกัด แต่ยืนหยัด อยู่จ่าฝูงได้แบบนี้ ยังไงก็คู่ควรกับคำสรรเสริญครับ
สุดท้ายแล้ว คนสเปนเองก็ชอบปรากฏการณ์นี้ พวกเขาอยากเห็นมหัศจรรย์เลสเตอร์ เกิดขึ้นกับลาลีกาเช่นกัน และมันคงเหลือเชื่อดี ถ้าคิโรน่าสามารถไปสู่จุดนั้นได้
เป็นกำลังใจให้คิโรน่า เดินหน้าไปให้ไกลที่สุด ถ้าสามารถโค่นเรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ไปถึงแชมป์ลีกได้ คงเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขานไปจนชั่วนิรันดร์เลยทีเดียว
#DOTHELEICESTER
โฆษณา