10 พ.ย. 2023 เวลา 11:30 • ท่องเที่ยว
Hong Kong Island

EP.2

แชร์วิธีทำ Visa on arrival จากฮ่องกงไปเซินเจิ้น อย่างละเอียด
ต่อจากเรื่องที่แล้วเรื่องเราไปติด ต.ม. หลังจากกลับจากเซินเจิ้น
วันที่เราจะมาแชร์ว่า ขั้นตอนการเดินทางจากฮ่องกงไปจีน(เซินเจิ้น) โดยไม่ต้องขอวีซ่าไปจากไทยต้องทำอะไรบ้าง
เกริ่น (ขี้เกียจอ่าน ข้ามไปเลยได้จ้า)
เกริ่นก่อนว่า ครั้งนี้ที่เราไปเราตั้งใจจะไปเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งหลายคนก็รู้อยู่แล้วว่าคนไทยจะไปที่จีนต้องขอวีซ่าก่อนเท่านั้น
อ่ะ เราตัดสินใจว่าจะไปจีนเมื่อต้นเดือนเม.ย. วันเดินทางคือ 30 เม.ย. ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันเหลือเวลาตั้งเกือบเดือนใช่ป่ะ
แต่ด้วยความที่ประเทศจีนเพิ่งเปิดประเทศเมื่องกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้คิวในการทำวีซ่าค่อนข้างเยอะ
แต่แก นอกจากคนจะอยากไปจีนเยอะแล้ว เดือนเมษายน วันหยุดสงกรานต์อีกหลายวัน
เราตัดสินใจ ติดต่อหาเอเจนซี่เพื่อจะทำวีซ่าและถามเขาไปว่า "ถ้าจะเดินทาง 30 เมษายน ทันไหมคะ"
เอเจนซี่ตอบเรามาแบบชื่นใจมาก "ไม่ทันค่ะ" ยิ้มแห้งเลยเรา
แต่คือเราอยากไปแล้วไง เราเลยหาวีธีการไปจนได้ความว่า
เราสามารถเดินทางเข้าจีนโดยผ่านทางฮ่องกง ด้วยวิธีการทำวีซ่าหน้าด่านหรือ Visa on arrival
ดังนั้นก็ลุยเลยจ้า
ปล. ถามว่าเรามั่นใจได้ยังไงว่าด่านเปิดแล้ว
เราดูคลิปพี่คนนี้จ้า พี่เขาเพิ่งไปมาสดๆ ร้อนๆ เราเลยตาม
วิธีการเดินทาง
*เราเดินทางจากสนามบินไปที่ด่านเลยนะคะ ไม่ได้อยู่ฮ่องกงก่อน
ด่านที่เราจะข้ามไป เรียกว่า "ด่าน Lowu" นะคะ
1. เรารับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราเดินตรงไปที่บริเวณขึ้นบัส ตามป้ายเลยค่ะ
*เรานั่งบัสไปเพราะไปต่อสถานีรถไฟฟ้าอีกต่อเดียวก็ถึงแล้ว ถ้านั่งรถไฟฟ้าไปตั้งแต่แรกจะต้องไปต่ออีกหลายต่อ เลยหาข้อมูลการนั่งบัสไปเลยจ้า ง่ายดี
**ก่อนออกมาจากสนามบินอ่าลืมซื้อบัตร octopus และเติมเงินเข้าไปก่อนน้า เพราะไม่งั้นจะยุ่งยากเรื่องจ่ายเงินมาก
***เราซื้อจาก klook ไว้ก่อนแล้ว ลงเครื่องมาก็เดินตรงมาทางช่อง 13 ได้เลยจ้า
2.เดินมาตามป้ายบอกทางไปขึ้นบัสแล้วมองหาป้ายที่บอกว่า บัสหมายเลข A43,A43P แล้วเดินตามป้ายไปเรื่อยๆ
3.รอขึ้นบัสตามช่องที่เขาแยกให้เลย แต่บัสคันนี้ค่อนข้างรอนานไม่รู้ทำไม หรือเราไม่ได้ดูเวลาว่ามันจะะออกตอนไหน
*บนบัสจะมีช่องไว้ให้เก็บกระเป๋าเดินทางนะคะ จะได้ไม่เกะกะและลำบากในการควบคุม
4.ลงที่ป้าย Sheung Shui ป้ายนี้จะจอดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าพอดี พอลงจากสบัสก็เดินตามทางไปที่สถานีรถไฟฟ้าเลยค่ะ
5.แตะบัตร(Octopus)เหมือนสถานีรถไฟฟ้าบ้านเราเลยค่ะ แล้วเดินหาป้ายที่บอกว่าไป Lowu
*อันนี้รู้สึกว่าจะเดินเข้ามาแล้วเลี้ยวขวา จะมีลิฟซ์ที่ติดป้ายว่า Lowu ลงลิฟซ์ไป 1 ชั้นค่ะ
**คนเยอะมาก ถ่ายรูปไว้ให้ดูไม่ทันค่ะ
6.รอรถไฟ
*สถานีนี้ต้องดูดีดีนะคะว่ารถไฟสายไหนมาถึง เพราะสถานีนี้ปลายทางจะมี 2 ทาง ก็คือ Lowu และ Lok ma chau ค่ะ
7.นั่งไปแค่สถานีเดียวก็ถึงแล้วมาถึงขั้นตอนการเดินทางไปที่ด่านแล้วนะคะ
8.ลงรถไฟแล้วเดินไปตามที่คนเดินไปเยอะๆเลยค่ะ มีทางเดียว
9.จากนั้นจะเจอป้ายที่บอกว่า Hongkong และ Visitor
*อันนี้เราจะเดินตามป้าย Visitor (สีส้ม) เท่านั้น นะคะ เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ
**หลังจากนั้นจะเจอจุดให้แปะบัตรออกจากรถไฟฟ้า
***แต่เรายังจะเดินไปตามทางที่บอกว่า Visitor ต่อนะคะ
10. จะเจอจุดที่เป็นด่านเหมือนกันกับ ต.ม. เราทำขั้นตอนเดียวกับการผ่านด่าน ต.ม. ค่ะ
*เดินตามช่องที่บอกว่าสำหรับชาวต่างชาติ
**มองหาจุดกรอกเอกสารสำหรับเดินทางเข้าประเทศ
11.เข้าช่อง ต.ม. อาจจะมีการสอบถาม อันนี้คือเรื่องปกติค่ะ
12.พอผ่านด่านไปก็เดินไปเรื่อย ๆ ค่ะ
 
*ตรงนี้จะเจอจุดให้กรอกข้อมูลสุขภาพ (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังต้องกรอกไหม)
**จำเป็นมากต้องมี WeChat นะคะ
13.เดินไปเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นด่านเป็นช่องๆ เหมือนกับ ต.ม. เออซึ่งก็คือ ต.ม. นั่นหละ
*เราจะยังไม่เดินเข้าช่องไป เราจะเดินเลี้ยวซ้ายก่อนเพื่อไปทำเอกสาร วีซ่า
14.ขึ้นบันไบเลื่อนไปตรงที่เขาบอกว่า Visa port
ขั้นตอนการขอวีซ่าหน้าด่าน
1. พอขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงให้เดินไปด้านซ้าย
*จะเจอตู้ส้มๆ สำหรับถ่ายรูป เดินเลยมันไปก่อน เลยไปกรอกเอกสารอยู่ข้างๆ ตู้ถ่ายรูป
เอกสารแบบนี้ และกรอกตามนี้ได้เลย
*ขออภัยในความยับเยิน เพราะอันนี้คืออันที่ถือมาจากด่านจริง ๆ แล้วเอามาให้ดูค่ะ
2.กรอกเอกสารแล้วให้มานั่งถ่ายรูป
วิธีคือ
-กดเลือกภาษาตามที่เราสะดวก ง่ายสุดก็อังกฤษ
-ใส่เลขพาสปอร์ต
-รอเครื่องมันหย่อนกล้องลงมา
-พอมันถ่ายรูปเสร็จมันจะให้เราเลือกรูปปที่ดีที่สุด ถ้ายังไม่พอใจ(และคนน้อย) ก็ถ่ายใหม่ไปเลย
-จากนั้นมันจะปริ้นสลิปเล็กๆ(เหมือนเราไปซื้อของในเซเว่น) ในนั้นจะเป็นรุปขาวดำของเรา เอาไว้ไปยื่นตอนถึงคิวเรา
**ดอกจันใหญ่ ๆ เลยนะว่า ถ้าใครอยากมีรูปสวยๆ ติดในพาสปอร์ตควรถ่ายดีดี แต่งหน้าทำผมให้ดี
เพราะเจอมากับตัว คิดว่ารูปในสลิปที่เราได้คือรูปที่จะไปติดวีซ่า เราคิดว่ามันขาวดำอยู่แล้ว จะถ่ายยังไงก็ได้
สรุป ไม่ใช่จ้า ตัวสลิปนั่นคือตัวที่เอาไปแสกนเพื่อเอารูปสีจากในเครื่องที่เราถ่ายไว้นั่นหละ
โอ้โห พังมากกก
3.จับบัตรคิว
เดินไปที่ประตู ตรงซ้ายมือจะมีตู้กดบัตรคิว เหมือนทั่วๆ ไป กด ได้บัตร ไปนั่งรอ
***ดอกจันไว้นิสนึงนะคะ สังเกตดูว่าคนเยอะไหม ถ้าคนไม่เยอะแนะนำว่ากรอกเอกสารถ่ายรูปให้เรียบร้อยก่อนค่อยไปจับบัตรคิวค่ะ
แต่ถ้าคนเยอะ จับบัตรคิวไว้รอเลยค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา
4.สิ่งที่ต้องเตรียมระหว่างรอคิว
-พาสปอร์ต
-ใบผ่าน ต.ม. (อันนี้สำคัญมาก ห้ามทำหายเด็ดขาด ถ้าหายต้องกลับเข้าไปขอใหม่ จะเสียเวลามาก)
-เอกสารที่เรากรอกตอนแรก พร้อมสลิปรูปถ่าย
*หลังจากเรียกคิว ก็ไปหาเจ้าหน้าที่ เขาก็จะเรียกดูเอกสาร ก็เอาเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้เขา แค่นั้น
อาจจะมีถามอะไรนิดหน่อย หรือไม่ถามเลย
**เสร็จแล้วเขาจะบอกให้ไปนั่งรอได้
5.จ่ายเงิน
บอกไว้ก่อนว่าเราอ่า เตรียมเงินสดไว้ เพราะหาข้อมูลมาว่าต้องจ่ายเป็นเงินสด
แต่ก็มีเตรียมบัตรที่เป็นบัตรเดบิตที่แทนบัตรเครดิตได้ (ที่เขานิยมสำหรับท่องเที่ยวกันนี่หละ)
ตอนจะจ่ายเงินเราก็ยื่นบัตรให้เขา แต่รูดยังไงก็ไม่ผ่าน
เสร็จแราจะเอาเงินสดให้ "เขาไม่รับนะคะ" ***ดอกจันใหญ่ๆ ไว้เลย
และเราก็ไม่มีบัตรอื่นด้วย จึงต้องตาลีตาเลือกไปขอให้คนอื่นช่วย ซึ่งเราไปคนเดียวไม่รู้จักใครเลย
แต่ก็โชคดี ที่มีคนช่วยใช้บัตรเขาจ่ายให้ แล้วเราก็เอาเงินสดให้เขา
นี่ประสบการณ์ที่ต้องไปขอความช่วยเหลือครั้งแรกเลย
อันนี้คือประสบการณ์ที่จะจำไม่ลืมเลย!!
ส่วนใครที่ไม่มีบัตรแครดิต ไม่ต้องกังวลนะคะ
สามารถผูกบัตรเดบิตที่เราพูดถึงเนี๊ยกับอะลีเพย์ แล้วใช้อะลีเพย์จ่ายได้
ตอนนั้นเรานึกไม่ถึงและไม่ได้เตรียมตัวไปก่อน เลยต้องร้อนรนแบบนั้นเอง
ส่วนวิธีการผูกบัตร ใน tiktok youtube มีสอนค่ะ ละเอียดมาก
6.รอรับพาสปอร์ต พร้อมหน้าพาสปอร์ตที่มีวีซ่าได้เลย ^^
แค่นี้เราก็จะได้วีซ่าสำหรับเข้าประเทศจีนได้แล้ว แต่****เราอยู่ได้แค่เซินเจิ้นนะคะ ไปที่อื่นไม่ได้ และแนะนำว่าอย่าเสี่ยงด้วย
จบแล้ว
ขอต่ออีกนิด จะได้เข้าประเทศจีนแล้ว
หลังจากได้พาสปอร์ตพร้อมวีซ่าแล้ว เราก็ไปรอคิวเข้าช่อง ต.ม. ได้เลยค่ะ
ตรงที่คนเดินไปเยอะ ๆ นั่นหละ แต่ของเราต้องเดินไปฝั่งซ้ายสุดนะ เพราะเราเป็นต่างชาติ
แต่ก่อนจะเข้าไปรอในช่อง ให้เราไปแสกนพาสปอร์ตและลายนิ้มือตรงเครื่องแสกนด้านหลังก่อน มันจะมีป้ายบอก
ทำง่ายๆ ตามขั้นตอนค่ะ
**อีกอย่างที่สำคัญมากๆ เวลาจะเข้าประเทศไหนก็ตาม นั่นก็คืออย่าลืมกรอกใบ ต.ม. ก่อนทุกครั้งค่ะ
จะได้ไม่เสียเวลาเนาะ
จากนั้นก็เดินเข้า ต.ม. ได้เลย บางคนก็ถูกถามนะ แต่บางคนก็ไม่ได้ถามอะไร ภาษาอังกฤษเขาจะยากนิดหน่อย แต่ไม่ยากเกินไป
จากนั้นก็ลุยโลด มีเวลาตั้ง 5 วัน เที่ยวแค่เซินเจิ้น ยังไงก็ครบ
ขอให้สนุกนะคะ
มีอะไรสอบถาม ถามมาได้เลย ถ้าตอบได้ยินดีตอบค่ะ
เพราะไม่รู้ว่าที่เล่ามานี่ละเอียดพอหรือยัง ยิ้ม
โฆษณา