12 พ.ย. 2023 เวลา 12:55 • นิยาย เรื่องสั้น

นิทานเรื่องที่5:เกมซ่อนหากับวิญญาณเด็กสาวผู้หาตัวไม่เจอ

พวกคุณเคยเชื่อเรื่องวิญญาณรึเปล่า แน่นอนตอนแรกตัวผมก็ไม่ได้เชื่อมันมากหรอก แต่มันก็เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูร้อนวันนึงที่บ้านพักของคุณยาย ที่นั่นเป็นหมู่บ้านท่ามกลางธรรมชาติ มีเสียงนกร้องประสานกับเสียงสายสำธารชวนให้สบายหูราวกับเพลงกล่อมนอน และบ้านของคุณยายก็ตั้งอยู่บริเวณเกือบท้ายหมู่บ้าน ตอนที่ผมยังอายุแค่สิบขวบ ผมมักจะหนีไปเล่นแถวบริเวณใต้ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ท้ายหมู่บ้าน ที่ข้างๆ มีสายลำธารไหลผ่าน
ทุกอย่างดูปกติ แต่จนกระทั้งวันนั้นมาถึง ผมที่กำลังนั่งอยู่ใต้ร่มไม้เพื่อหนีจากแดดของเวลาบ่าย ก็กำลังนั่งเอาแท้แช่น้ำในลำธารเย็นๆ ชวนให้ตัวสั่นเล็กน้อย แต่ไม่นานนักผมก็แทบสะดุ้งตัวโยนพอได้ยินเสียงของใครสักคนพูดอยู่บนเหนือหัวผม
"ทำอะไรอยู่น่ะ เอาเท้าแช่น้ำในลำธารเหรอ ระวังเท้าเปื่อยนะ"
นั่นเป็นน้ำเสียงที่ดูขบขันมากไปด้วยอารมณ์ความขี้เล่นของเด็กสาววัยเดียวกับผม ผมเงยหน้าไปมองก็พบเข้ากับเด็กสาวผมสีขาวราวหิมะ ในชุดเดรสสีขาว ไม่ใส่รองเท้ากำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้โอ๊ก ที่น่าตกใจกว่าคือกิ่งไม้โอ๊กอยู่สูงเกือบสองเมตร
"เธอนั่นแหละที่ฉันต้องถาม ไปนั่งอะไรอยู่บนนั่นเดี๋ยวก็ตกมาหรอก" ผมพูดกลับไปด้วยท่าทางอารมณ์เสียเล็กน้อย
"ไม่ตกหรอก ฉันอยู่ที่นี่มานานแล้ว" เด็กสาวคนนั้นพูดจบ เธอก็กระโดดลงมาจากกิ่งไม้โอ๊กแถมดูไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย "อีกอย่าง ฉันก็มาเล่นที่นี่บ่อยๆ นั่นแหละ"
ผมอึ้งเล็กน้อย พอเห็นเด็กสาวอายุประมาณเท่าผมกระโดดลงมาจากกิ่งไม้โอ๊กได้อย่างไม่มีอาการบาดเจ็บเลย แต่สิ่งที่ทำผมสละความคิดเมื่อกี้ไปก็คือ หน้าตาของเด็กสาวตรงหน้าทั้งน่ารักแถมดูคล้ายกับตุ๊กตาไม่มีผิดเลย
"ฉันแมรี่ ม็อกเบส" เด็กสาวตรงหน้าผมแนะนำตัวมาอย่างไว พร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใสราวกับพระอาทิตย์
"ส่วนฉัน อีรีค แฮมเบอตัน" ผมเองก็แนะนำตัวกลับไปเช่นกัน
"ว่าแต่นายมาจากไหนเหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย" เด็กสาวที่ชื่อ แมรี่ ตรงหน้าผมเปิดประเด็นขึ้น
"ฉันเหรอ" ผมครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับไป "พ่อฉันส่งมาอยู่บ้านคุณยายน่ะ เพราะฉันมีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ ในเมืองค่อนข้างมีแต่ฝุ่นน่ะ"
"ประมาณว่าถูกส่งมารักษาตัวสินะ งั้นในเมืองเป็นยังไงบ้างเหรอ"
"ก็ดีแหละ แต่ก็นั่นแหละอากาศก็ไม่ดีแถมฝุ่นก็เยอะ บ้านคุณยายของฉันแตกต่างกว่าในเมืองตั้งเยอะ" ผมตอบกลับไปพร้อมแช่เท้าในลำธารอีกรอบ
แมรี่ที่ตอนนี้มาอยู่ข้างๆ ผมแล้ว เธอก็ย่อตัวลงมาพร้อมกับทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง จนเธอเหมือนจะปิ๊งไอเดียอะไรออก
"อืม....งั้นปกตินายเคยเล่นเกมอะไรทำนองนั้นรึเปล่า" แมรี่พูดพร้อมกับยังคงยิ้มสดใสไว้เสมอ
"ก็เคยมั้ง แต่ถ้าบ่อยสุดคือซ่อนแอบ" ผมตอบกลับไป แต่คำตอบของผมก็ทำเอาแมรี่ตบมือดังแปะ ราวกับคำตอบของผมคือสิ่งที่เธอต้องการ
"งั้นสนใจมาเล่นซ่อนแอบกันไหม ฉันชอบเกมซ่อนแอบ" แมรี่พูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสประดับหน้าตลอดเวลา
"ได้เสมอ ฉันเองก็เบื่ออยู่เหมือนกัน แถมที่นี่ฉันก็หาเพื่อนเล่นไม่ค่อยได้อยู่" ผมตอบกลับไป พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
และเมื่อทั้งผมและแมรี่ได้ตกลงจะเล่นเกมซ่อนแอบกันแล้ว ผมกับแมรี่ก็ได้มาใช้ไม้สั้นไม้ยาวตัดสินว่าใครจะเป็นคนหา ซึ่งตอนแรกแมรี่ได้เป็นคนหา ส่วนผมก็เป็นคนซ่อน ผมมาซ่อนแถวพุ่มหญ้าไม่วายก็โดนแมรี่เจอตัว
"นายโดนเจอตัวแล้ว ตาต่อไปฉันแอบ นายหา" แมรี่พูดขณะยืดอกเล็กน้อยราวกับผู้ชนะ
"เธอนี่หาเก่งซะมัด ขนาดฉันเจอที่เนียนๆ แล้วนะ" ผมหัวเราะเล็กน้อย ทั้งที่ผมก็ซ่อนเก่งนะ แต่ก็สู้แมรี่ไม่ได้เลย
"ฉายาฉันคือนักหาตัวเลยนะ และก็ซ่อนเก่งจนไม่เคยมีใครหาฉันเจอ" เธอพูดพร้อมกับยังคงยืดอกต่อไป
"งั้นตาฉันล่ะ ซ่อนให้ดีเหมือนที่คุยไว้ล่ะกัน" ผมพูดพร้อมกับหันหน้าหลับตานับหนึ่งถึงสิบ
เมื่อผมนับถึงสิบผมก็เปิดตา พร้อมกับเดินหาแมรี่ไปทั่วทั้งพุ่มไม้ ซอกหินและแม้แต่ขอนไม้ ผมเองก็ยังไม่เจอเธอเลย ดูท่าเธอคงจะซ่อนเก่งจริงๆ แต่สิ่งที่ผมคิดต้องเปลี่ยนไปเมื่อผมหาเธอมาเกือบสามชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เจอเธอเลย ผมเริ่มรู้สึกใจไม่ดีแล้วสิ
"แมรี่ ออกมาเถอะ ฉันยอมแพ้แล้ว" ผมพูดตะโกนหาในขณะเดินหาไปทั่วๆ
แต่เหมือนจะหาไม่เจอจริงๆ ด้วย ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไงต่อเลยตัดสินใจมานั่งพักใต้ต้นไม้โอ๊ก ขณะเอาแต่คิดว่าแมรี่หายไปไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และที่ผมสงสัยคือเธอพูดว่าเธอซ่อนเก่ง มันมีอะไรแปลกๆ กันแน่
แต่ในระหว่างนั้นผมเองก็เหมือนได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังมาจากในตัวต้นไม้โอ๊ก มันเหมือนเสียงร้องไห้สะอึกสะอืนของเด็กสาว ผมสงสัยเลยเดินไปดูรอบๆ จนเจอเข้ากับโพลงไม้ขนาดใหญ่ที่มีวัชพืชขึ้นปกคลุม ผมตัดสินใจเดินเข้าแหวกวัชพืชนั่นดูก็ได้พบกับภาพตรงหน้าที่ผมแทบพูดอะไรไม่ออก
นั่นก็คือภายในโพรงของต้นไม้โอ๊กที่ผมชอบมานั่งเล่นใต้ร่มไม้ของมันประจำ ข้างในมีร่างโครงกระดูกใส่ชุดเดรสสีขาว และข้างๆ โครงกระดูกนั้นก็มีร่างใสๆ ของแมรี่ที่ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ แต่พอเธอเห็นผมเข้า เธอก็หยุดร้องไห้พร้อมกับยิ้มออกมาเช่นเคย แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูดีอกดีใจที่เหมือนผมได้เจอเธอสักที
"นายเจอฉันแล้วสินะ ในที่สุดก็มีคนเจอฉันสักที" แมรี่พูดในขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
"นี่เธอ....ตายไปแล้วเหรอ" ผมถามขึ้นในขณะที่ช็อกจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็อยากรู้ว่าทำไมแมรี่ถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วย
"ที่จริง....ฉันตายไปเมื่อปีก่อนน่ะ ฉันเล่นซ่อบแอบกับกลุ่มเพื่อน ฉันได้มาแอบในโพลงของต้นไม้โอ๊กต้นนี้ แต่ทว่าไม่มีใครหาฉันเจอ ฉันพยายามเรียกหาเพื่อนฉันแต่ก็ไม่มีใครมาหา วันนั้นเป็นวันพายุโหมกระหน่ำฉันติดอยู่ในนี้ และกลับไปไม่ได้เพราะพายุเข้าเกือบสามสี่วัน และฉันก็ตายลงในนี่และไม่มีใครหาฉันเจอเลย"
ผมฟังแค่นั้นก็แอบรู้สึกสงสารแมรี่มากกว่าหวาดกลัวเธอ ถึงแม้เธอจะตายไปแล้วแต่แมรี่เองก็เป็นคนแรกที่ผมสามารถเล่นกับเธอแล้วสนุกไปด้วยได้ แถมเธอเองก็ดูแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ผมรู้จัก
"น่าสงสารจัง ทำไมเธอถึงติดค้างอยู่ที่นี่กันล่ะ" ผมพูดกลับไปในขณะที่รู้สึกเหมือนมีน้ำตาไหลออกมา
"ก็เพราะฉันต้องมีคนหาฉันให้เจอ เด็กคนอื่นที่ฉันเคยชวนเล่นหาฉันไม่เจอน่ะ ฉันเลยไปไหนไม่ได้ แต่นายกลับเจอฉัน" แมรี่พูดพร้อมกับรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความปิติยินดีที่ตัวเองหลุดพ้นเป็นอิสระ
"งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ถ้าเธอถูกเจอแล้ว เธอก็จะไปแล้วใช่ไหม" ผมถามขึ้นในขณะที่ก็รู้สึกใจหายที่มันเร็วซะมัด การเล่นซ่อนแอบที่แมรี่ชวนผมเล่นมันสนุกจริงๆ
"แน่นอน เพราะฉันสามารถปลดพันธนาการของการเล่นซ่อนแอบได้เพราะนาย ฉันขอบคุณมากเลยนะ ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ที่ฉันได้เจอกับนายแต่ฉันก็มีความสุขมากเลยล่ะ ลาก่อนนะอีริคไว้เรามาเล่นซ่อนแอบกันอีกนะ"
เมื่อแมรี่พูดจบ ร่างของเธอที่โปล่งใสก็ได้มีแสงประกายสีทองสว่างวาปออกมาพร้อมกับแปรเปลี่ยนเป็นผีเสื้อสีขาวหลายตัว บินออกจากโพรงต้นไม้โอ๊กทันที ทิ้งไว้แต่ร่างกระดูกใส่ชุดเดรสสีขาวที่ไม่เคยมีใครเจอเธอ
ผมออกมาจากโพรงไม้ในขณะที่ได้แต่ทำใจและหวังว่าแมรี่จะได้ไปอยู่ในที่ที่เธอสมควรอยู่ ที่ที่เธอไม่ต้องมาถูกจองจำในการเล่นเกมซ่อนแอบอีกต่อไป ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับบ้านคุณยายไป ก็มีผีเสื้อตัวนึงบินมาเกาะที่ไหล่ผมราวกับกำลังมาส่งลาผม
"ลาก่อนนะแมรี่ ไว้พวกเรามาเล่นซ่อนแอบกันใหม่นะ"
ผมพูดลา ก่อนที่ผีเสื้อตัวนั้นจะบินตามฝูงผีเสื้อสีขาวที่เหลือไปราวกับแมรี่ได้เดินทางไปสู่สิ่งที่เธอตามหามานาน นั่นก็คือ...บ้านหรือไม่ก็คงเป็นสวรรค์สำหรับเด็กสาวอย่างเธอ หวังว่าชาติหน้าผมกับแมรี่จะได้มาเจอกันอีกนะ ต่อให้จะรออีกกี่ชาติหรืออีกนานเท่าไร ผมก็หวังให้แมรี่กับผมสามารถเป็นเพื่อนกันได้ในสักวัน ต่อให้นานแค่ไหนผมก็จะรอ
แด่ แมรี่ ม็อกเบส วิญญาณเด็กสาวผู้ที่ไม่เคยมีใครหาเธอเจอเลยสักครั้ง
โฆษณา