13 พ.ย. 2023 เวลา 07:53 • ความคิดเห็น
Pacamara Coffee @ Little Walk Bangna

ถ้าเป็นกาแฟ, ทำไมต้อง Pacamara!

Fun fact:
1. ตลาดกาแฟเมืองไทยมีมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
2. คนไทยบริโภคกาแฟเฉลี่ย 300 แก้วต่อคน ต่อปี (นับเป็นครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับยุโรป)
3. ราคาโดยเฉลี่ยของกาแฟในไทยตกแก้วละ 2.29 USD (82.56 บาท)
4. เจ้าของ Pacamara คือคนไทยคนแรกที่ได้เป็น "Lead Instructor" จากสมาคมกาแฟชนิดพิเศษของสหรัฐอเมริกา
เมื่อพูดถึงกาแฟ เพื่อนๆส่วนมากน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะถือเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตในการเติมพลังงานทั้งตอนเช้า (เมื่อต้องสลัดความเย้ายวนของเตียงนอนนุ่มๆ) หรือ ระหว่างวัน (ที่ต้องการ "anti-gravity force" บางอย่างมาถ่างหนังตาของเราหลังจากมื้อเที่ยงจุกๆ) ฮาฮา
และในวันนี้ ผม, นายเอส, จะพาเพื่อนๆมารีวิวกาแฟ พาคามาร่า ผ่าน Blockdit กัน โดยในคอนเทนต์รีวิวนี้เราจะครอบคลุมกันด้วย
  • 1.
    ทำไมต้องเป็น Pacamara
  • 2.
    ทำเลที่ตั้งสาขา
  • 3.
    ความสะดวกในการใช้งาน
  • 4.
    รสชาติ
  • 5.
    ความคุ้มค่า
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาเริ่มกันเลย, Let's rolling it!
1. ทำไมต้องเป็น Pacamara? (9/10)
เพราะ Pacamara เป็นหนึ่งในกาแฟเชน ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย (ความชาตินิยมต้องมานิสสนึง) โดยมีเจ้าของคือคุณ ซาน-ชาตรี ตรีเลิศกุล ที่เป็นนักชิมกาแฟระดับโลกและยังเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เป็น “Lead Instructor" จนได้รับประกาศนียบัตร Q-Grader จากสมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งสหรัฐอเมริกา (SCAA)” ซึ่งเจ้าของลิ้นทองขนาดนี้ไม่อร่อยก็ไม่รู้จะว่าไงและ จริงมะ
และนอกเหนือไปจากนี้คือวัตถุดิบทั้ง Supply chain ล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ (แต่ยังไม่ดับไปนะ) ในเมืองไทยทั้งสิ้น นี่คือสองปัจจัยหลักที่ทำให้ผมเลือกไปที่นี่
ส่วนเหตุผลที่ผมไม่ได้ให้เต็มสิบเพราะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นและลึกๆผมเองก็หวั่นๆนิดนึงว่า ลิ้นผมอาจไม่เทพพอที่จะเข้าใจรสชาติกาแฟเขาหรือเปล่า ฮาฮา
2. ทำเลที่ตั้งสาขา (8.5/10)
ต้องบอกว่าในการซื้อดีลจากบล็อกดิทครั้งนี้มีสาขาเข้าร่วมทั้งหมด 17 สาขา ในกทม โดยสาขาที่ผมมีโอกาสได้ไปทดลองครั้งนี้คือสาขา "Little Walk Bangna" ที่อยู่ละแวกบ้านและที่ทำงานของผม โดยสำหรับสาขานี้ด้วยความที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ทำให้จากจุดจอดรถข้างๆ Villa Market เราสามารถมองเห็นป้ายของ Pacamara เรียกว่า
จอดง่าย ป้ายเห็นชัด เดิน 5 ก้าวถึง
และที่สำคัญแม้พื้นที่จะไม่ใหญ่มากแต่มีการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าโดยมีการทำชั้นลอยให้เป็นมุมสำหรับนั่งทำงานเพิ่มเติมมองภายนอกอาจจะเล็กแต่พอเข้าไปด้านในก็อดอุทานว่า "ผมไม่เล็กนะครับ" ได้อย่างไม่เคอะเขินทีเดียว
โดยรวมในเชิงของ ทำเล ที่ตั้ง การเดินทาง และการตกแต่งภายใน ค่อนข้างดีทีเดียว แต่เหตุที่ในหมวดนี้มีการหักคะแนนเพราะ จำนวนสาขาของแบรนด์ยังถือว่าน้อยและยังไม่กระจายตัวครอบคลุมดีนัก (เมื่อเทียบกับแบรนด์เชนที่ใหญ่กว่า) ทำให้อาจมีผู้ใช้งานบางส่วนอาจพบเจอกับความไม่สะดวกนักเมื่อต้องการจะใช้สิทธิ์จริงๆ
3. ความสะดวกในการใช้งาน (10/10)
แอบหวั่นๆเหมือนกันเพราะผมก็ยังไม่เคยใช้ แต่โชคดีจังหวะที่ผมใช้บริการไม่มีคนมายืนกดดัน (แอบเบาใจนิดนึง) ก็แจ้งน้องพนักงานไปว่าใช้สิทธิ์ Blockdit ครับ ซึ่งน้องพนักงาานก็ให้คำแนะนำเป็นอย่างดีว่ากดตรงไหน ทำอย่างไรบ้าง โดยด้านล่างนี้จะเป็นสเต็ปการใช้งานสำหรับเพื่อนๆที่จะตามรอยนะครับ
1) กดซื้อดีล โดยดีล Pacamara จะอยู่ในหน้าแรก เมนู Home > Blockdit Reserve
2) พอซื้อแล้วจะได้คูปอง โดยคูปองจะอยู่ในโพรไฟล์ของเรา โดยกดเข้าไปจากมุมขวาบนของหน้าจอโฮม
3) เลือกคูปองที่ต้องการใช้งานกด next ไปเรื่อยๆ จนขึ้นคิวอาร์โค้ด
4) พนักงานจะสแกนโค้ดของเรา และจ่ายเงิน 49 บาท
5) จบ รอรับกาแฟ
ปล. เมนูที่เข้าร่วมจะมีแค่ 5 เมนูนะครับ อยู่ในหมวด กาแฟ มัตฉะลาเต้ และชา
สำหรับผมสเต็ปการใช้งานง่ายครับ ไม่ซับซ้อน ที่สำคัญน้องพนักงานสาขานี้บริการดีมาก เอาไป 100/10 เลย :)
4. รสชาติ (9/10)
ต้องออกตัวก่อนว่าวันนี้เมนูที่ผมทานคือลาเต้เย็น และด้วยความที่ผมเองไม่ใช่ "ลิ้นเทพ" เพราะฉะนั้นการเปรียบเทียบด้านล่างนี้เป็นความรู้สึกส่วนบุคคล ไม่สามารถใช้เป็น Official benchmark เพราะทั้งหมดทั้งมวลคือลิ้น ความรู้สึก ความชอบส่วนตัวล้วนๆ โดยคู่ชกที่จะเอามาเปรียบมวยกันจะขอยกเป็น กาแฟสีเขียวแบรนด์ดังจากต่างประเทศนะครับ
1) ความเข้มข้น: ผมให้พาคามาร่า เพราะกาแฟสีเขียวส่วนตัวรู้สึกว่ารสชาติจางไป กินแล้วไม่ขึ้น (ใช่ซิ้ ผมมันลูกทุ่งนิ)
2) ความมกลมกล่อม: ผมให้เสมอกัน คือมันกลมกล่อมคนละแบบ พาคามาร่าอาจจะด้วยวัตถุดิบหลักเป็นของไทยรสชาติมันเลยจะเข้มข้นกว่า เพราะงั้นความกลมกล่อมก็จะออกแนวเบสหนักๆหน่อย ส่วนกาแฟสีเขียวจะเนียนๆผู้ดีฟีลแจ๊ซแอนด์บลู ซึ่งมันดีทั้งคู่แต่คนละฟีล
3) รสขมปลายลิ้น: ผมให้เสมอกันเพราะทั้งสองตัวไม่มีขมติดปลายลิ้นทั้งคู่
5. ความคุ้มค่า (10/10)
ไม่ต้องพูดเยอะ ราคาเท่ากาแฟรถเข็นแต่รสชาติความพรีเมียมคนละเบอร์ ไม่ซื้อก็ไม่รู้ว่าไงละ แถมซื้อได้ไม่อั้น ไม่มีลิมิตโควต้าให้แค่คนละใบ
จากราคา 110 เหลือ จ่ายหน้าร้าน 49 บาท ลดไปเกินกว่าครึ่ง ถูกประหนึ่ง Blockdit กำลังทำ CSR ให้ประชาขนชาวกรุง
สรุป
คุ้มไม่รู้จะคุ้มยังไง ใครจะใช้ก็รีบไปใช้ เพราะเห็นใน Voucher ระบุว่าถึงแค่สิ้นเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งผมคาดว่าเขาคงทำโปรโมชั่นนี้มาเพื่อเรียกแขก และไม่รู้ว่าหมดรอบนี้จะมีอีกไหม เพราะงั้น
คนกินกาแฟประจำ: ซื้อไปเถอะประหยัดต้นทุนชีวิตไปได้เยอะ
คนไม่เคยลองยี่ห้อนี้: ลังเลๆ มานานจังหวะนี้ก็ต้องซัดละ กาแฟแก้วละ 49 คิดไรเยอะแยะ เติมเกมส์สุ่มกาชายังหมดเยอะกว่านี้
โฆษณา