16 พ.ย. 2023 เวลา 13:15 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] supervillain - Varis >>> ฉกาจมาดร้าย

-พอถึงยุคเปลี่ยนผ่านจากศิลปินค่ายเล็กๆ MILK.BKK สู่การเป็นศิลปินอิสระเต็มตัว ดูเหมือนว่า วิน-วริศ คงสุวรรณ ศิลปินเจ้าของรางวัล “คมชัดลึก อวอร์ด” เริ่มมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจนขึ้นในแง่ทำเอง ไม่ง้อค่าย อิสระเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้มาเล่นๆ เริ่มตั้งแต่ การปูทางสู่การเป็นโปรดิวซ์เซอร์ที่ไปช่วย support เพื่อนๆศิลปินอินดี้ ไม่ว่าจะเป็น FORD TRIO, จาว ELEVEN, gencry, Raine Cloud การคราฟต์ผลงานเพลงเป็นภาษาอังกฤษเปิดทางสู่การโกอินเตอร์ และการบิ้วด์ character ผ่านคอสตูมล้อไปตามบริบท
-โดยเฉพาะอัลบั้มนี้ supervillain ที่เล่นความไวท์เจิดจ้า นึกว่าโปรโมทโฆษณาผงซักฟอกยี่ห้อนึง แต่คงแอบซ่อนความย้อนแย้งในแง่ของเนื้อในอันประชดประชัน ไม่ได้สุกสว่าง หรือ positive thinking อย่างที่คิด น่าจะเป็นการเอา dark side ลึกๆมาฉายแสงสปอตไลท์โต้งๆ ส่องประจานให้เห็นวายร้ายตัวจริงที่ไม่ใช่ใครที่ไหน ตัวเราเองเนี่ยแหละ
-หลังจากที่เราได้เห็นมุมเด็กหนุ่มที่ทำเพลงรัก เพลงประชดด้วยใจไฝ่สนุก แต่ก็อยากให้เปิดใจรับฟังเช่นกันในอัลบั้มแรก will u? จนถึงการกลายร่างเป็นยอดวายร้าย supervillain เลยทีเดียว ถ้าถามว่า ดาร์คราวกับหลุดออกมาจากจักรวาลดีซีหรือไม่? สำหรับผม ไม่ได้เกิดความรู้สึกดาร์ครุนแรงขนาดนั้น วินยังคงใส่คาแรคเตอร์เด็กชอบทดลองตามสไตล์เด็กหนุ่มที่ฟังเพลงอินดี้สากลเก็บเป็น input ในปริมาณนึง แล้วมาผสมปนเปและปรับจูนให้ปรี๊ดแตกยิ่งขึ้น
สังเกตได้จาก การแทรกซาวนด์เกรี้ยวกราดบางอย่างคอยคุมโทนอัลบั้มอยู่ไม่ห่าง นั่นยิ่งเพิ่มให้นายวินแปรเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่านกลายเป็นไอ้หนุ่มจอมปั่นประสาทยิ่งกว่าเคย และสามารถตัดขาด relationship หรือการเข้าหาที่ไม่เวิร์คได้ทุกเมื่อโดยที่ไม่แคร์ใครอีกต่อไป
-เปิดอัลบั้มด้วย 22 เป็นการจั่ว theme song อันแสน intense บ่งบอกให้รู้ถึงความตึงที่เราจะได้สัมผัสต่อจากนี้ (อยากรู้เหมือนกันว่าเลข 22 คืออะไร เดี๋ยวเก็บไว้ถามเจ้าตัว) และมีสัญญาณนิ้งหน่องจากระนาดเหล็กเป็นการเข้าสู่ซิงเกิ้ลแรก down down down อันเป็นเพลงที่บ่งบอกภาพรวมอัลบั้มกันตั้งแต่เนิ่นๆเลย ด้วยความรู้สึกด้อยค่าที่ตอกย้ำความอีโมดิ่งลงแบบคูณสามดั่งชื่อเพลง
ความอ้อยอิ่งที่ถูกกดทับพร้อมเป็นระเบิดเวลาแห่งการเผยด้านแห่งความน่ารังเกียจออกมาจนบางคนอยากจะถอยห่างออกไปก็เป็นได้ ต่อให้มันไม่ใช่ด้านแห่งความน่ารักและอภิรมย์จากตัวเรามากเท่าไหร่นัก แต่อย่าลืมว่านี่คือมนุษย์ เศร้าหมองจิตตกเป็นเรื่องปกติ และใช่ว่าทุกคนจะชอบความเป็นเราเสียทั้งหมด อย่างน้อยลึกๆเราก็อยากถูกรับฟังกันทั้งนั้น
-Run บริตร็อคที่จัดจ้านและเดือดที่สุดในอัลบั้ม ทั้งเสียงร้องที่ถูก reverb ให้แตกซ่าน การโขกกลองอย่างไม่ประนีประนอม ลวดลายน้อยส์สุดวี๊ดว๊าด แหวกว่ายคลอเพลงเพิ่มดีกรี และโซโล่กีตาร์อันแสนปั่นป่วนที่จงใจปั่นหัวคนฟังให้ได้ตกหลุมพรางแห่งหลุมดำของปัญหามากกว่าไล่ให้หนีออกไป ซึ่งเจ้าของเพลงคงจะหัวเราะเยาะใส่คนฟังอยู่ในใจเป็นแน่นแท้ด้วยความตลกร้ายที่ว่า พวกคุณทั้งหลายต่างวิ่งหนีปัญหาของใครของมันไม่พ้นหรอก
-เบรคอารมณ์ความจัดจ้านด้วย Open Up ประหนึ่งการเผยความในใจของ “นายยอดวายร้าย” ที่เรียกร้องความสนใจบางอย่าง และกลัวความโดดเดี่ยวอยู่พอสมควร เลือกการถ่ายทอดด้วยออโต้จูนแทนที่เสียงมนุษย์สุมอารมณ์แห่งความระงมที่มีความซับซ้อนไปในตัว ชวนนึกถึง Twenty One Pilot ตบท้ายด้วยเครื่องเป่าทรัมเป็ดเพื่อการคลี่คลายความเก็บกดลงไปได้บ้าง
-happy (?) เพลงที่ throwback ความเป็น Varis ในยุคแรกมากที่สุด ด้วยท่วงทำนองดุ่มๆ โทนสว่าง ยังคงติดเล่นความย้อนแย้งที่ไม่ได้ดี๊ด๊าสุขสันต์แบบเดียวกับเพลงฮิตของ Pharrell Williams แต่เป็นความน่ารำคาญเสียมากกว่าที่ความหวังดีดังกล่าวกลายเป็นความยัดเยียดที่ไม่เข้าใจความรู้สึกเอาเสียเลย ในเมื่อคนส่งสาสน์ต้องการจะ open up แล้ว จงรับฟังมากกว่าป้อน solution ก็คงจะดีกว่า จริงมั้ย?
-OH NO?! เย้ยหยันแสบเข้าไปอีกด้วยสำเนียงฟังก์ที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ไฟฟ้าที่เป็นตัวชูรสของเพลงนี้ ฟังครั้งแรกโคตรเซอร์ไพร์ส ไม่ค่อยได้เห็นศิลปินไทยใส่สำเนียงฟังก์ร้องโอ๊ยยึกยักๆแบบนี้มากนัก
เป็นการสู้กลับด้วยการโชว์ของในเชิง “กูเก่งได้ด้วยตัวเองแล้วครับ” การโชว์โซโล่กีตาร์น่าจะบอกโดยนัย เพิ่มเติมด้วยความกวนตีนที่ชวนเพื่อนมาเต้นโจ๊ะเด้งใส่หน้าอย่างที่ได้ฟังใน verse สุดท้าย แอบแฝงอีโก้หยิ่งในศักดิ์ศรี ใครทำอะไรไว้ กูจำได้หมด don’t forgive and don’t forget ไม่ให้อภัย 100% เลยล่ะ นี่คือแทร็คที่ผมชอบมากสุด
-สองเพลงสุดท้ายเข้าสู่โหมดบัลลาดที่ให้ความรู้สึกต่างออกไป Don’t Know How ซิงเกิ้ลลำดับที่ 3 บัลลาดสุดก้องกังวานที่ตอนแรกผมเคยรีวิวไปว่า ไม่ชินกับวริศเวอร์ชั่นนี้เลย แต่พอเอามาอยู่ในอัลบั้ม อ้าวเห้ย ความคิดผมเปลี่ยน เพลงนี้ดันทำงานสอดรับกับ supervillain ได้แปลกประหลาดจริงเชียว และน่าจะเป็นเพราะการให้เวลาได้มากพอสมควรด้วยมั้ง กลับกลายทำให้ผมอินกับเพลงนี้ยิ่งขึ้น
ถ้าหากฟังแยกเป็นซิงเกิ้ลโดดๆเลย จะเกิดความรู้สึก nostalgia ในแง่ของการเสียคนรักไปมีความสุขกับคนอื่น แต่การได้มาอยู่ในลำดับรองสุดท้ายของอัลบั้ม ผมกลับตีความในเชิงมูฟออน บางทีเราอาจนึกถึงข้อเสียที่ผ่านมาของตัวเอง จนต้องโทษตัวเองที่เสียเขาไป สุดท้ายก็ต้องก้มหน้ารับสภาพถึงความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองอยู่ดี
-ปิดท้ายอัลบั้มด้วย V อันเปรียบเหมือนหัวใจหลักของนายวินที่นอกจากจะปลอบประโลมตัวเองแล้ว ยังให้กำลังใจคนฟังอีกต่างหาก หนักแน่นสมเป็นเพลงปิดท้าย ทั้งนี้ยังเป็นการวางอีโก้ส่วนตัวที่อนุญาตให้ตัวเองได้รู้จัก self-care ไปจนถึงการแชร์แง่คิดที่น่าสนใจให้ได้ก้าวข้ามผ่านไปด้วยกันอย่างประนีประนอม
ท่วงทำนองเปียโนที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่น่าเชื่อว่าท่อน Na Na Na Na จะช่วยส่งต่อพลังแห่งการอุ้มชู และไม่ลืมที่จะสาดด้วยกีตาร์ไฟฟ้าอันเป็นการหยอดไคลแม็กซ์ จะเห็นได้ว่านายวินในวันนี้ ต่อให้จะร้าย แต่ก็ยังมีหัวจิตหัวใจของความเป็นเพื่อนที่ชอบมีวลีปิดท้าย I feel you คอยตบบ่าอยู่เสมอ
-จากที่เคยบ่นคิดถึงเพลงภาษาไทยในยุคเดบิวต์เป็นอันต้องเปลี่ยนใจ เริ่มที่จะเชียร์ให้ทำเพลงภาษาอังกฤษต่อไปเหอะ ด้วยความที่สำเนียงเพลงของนายวริศออกไปทางฝรั่งอยู่แล้ว การที่ประยุกต์ใช้ภาษาอังกฤษจึงเป็นแนวทางที่เข้าที่เข้าทางดีจริงเชียว ตามมาด้วยคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนขึ้นเสียยิ่งกว่า เอาแล้วไง ผมจะกลับไปฟังงานชุดแรกด้วยความรู้สึกเหมือนเดิมมั้ยวะเนี่ย
-ถ้าจะมีสิ่งที่เสียดายที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ปริมาณจำนวนแทร็คยังอยู่ในเกณฑ์ที่น้อยไป มันมีบางสิ่งที่แอบขาดหายไป ถ้าเติมอีก 1-2 แทร็คก็คงจะเติมเต็มกว่านี้ พอเอามาฟังรวมๆ ความ conceptual album เลยติดรสแห่งการทดลองพอสมควร อย่าลืมว่ามี vocal track แค่ 7 เพลงเท่านั้น Intro theme song อีกหนึ่ง
-ไม่รู้ซินะ คน Gen Y อย่างผมเติบโตมากับปริมาณ 10 แทร็คตามมาตรฐาน น้อยกว่านี้คือน้อยไป แทบจะเป็นอีพี บางอัลบั้มก็ต้องยอมรับจริงๆว่าด้วยจำนวน 8-9 แทร็คก็เอาอยู่ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่ปริมาณเล็กน้อยไม่ได้สอดรับกับทุกบริบทเสมอไป อาจต้องยอมสูญเสียมู้ดบางอย่าง ซึ่งอัลบั้มนี้กลับขาดบางสิ่งเพื่อเข้าหลักสู่แก่นความเป็น imperfection ของมนุษย์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกนิดเดียวเท่านั้นฮะถึงจะ enough สำหรับผมจริงๆ
-ยังคงเป็นยอดวายร้ายที่ยังไม่ถึงขั้น beast mode เพราะยังขาดบางสิ่งแบบรีบจบไปหน่อย โดยที่ไม่มีการให้เวลาเพื่อยืดความรู้สึกมากกว่านี้ อย่างน้อยวินยังคงเป็นศิลปินยุคใหม่ที่พร้อมจะตัดเลี่ยนวงการเพลงไทยได้เสมอ ผมแอบเชื่อมั่นในศักยภาพที่มากพอในการแสวงหา input หยิบจับผสมปนเปไปเรื่อย ซึ่งไม่แน่เราอาจจะได้สัมผัสความรู้สึกที่แม่นยำและเฉียบคมกว่านี้ก็เป็นได้
Give 7.5/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
หากใครอินกับอัลบั้มนี้ ห้ามพลาดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ Varis วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ (ศุกร์หน้าแล้ว) จัดที่ Lido Connect Hall 2 จองบัตรได้แล้ววันนี้ ราคาสุดเฮฮา 555 บาท >>> http://bit.ly/llhvforvaris
โฆษณา