ประสบการณ์ ครั้งแรกของการ ไปถือศีล 8

มันเป็นความปรารถนา ความตั้งใจ ส่วนตัวมานานแล้วว่า อยากจะไป รับสิชาบท ถือศีล 8 สักครั้งในชีวิต แต่ด้วยหน้าที่การงาน ในอดีต ที่ผ่านมา เราไม่สามารถ ปิดโทรศัพท์ ได้เลยตลอดเวลา ชีวิตมันดูยุ่งเหยิง เราก็กังวลว่าเราคง ไม่สามารถ ได้พบ ความสงบสุขได้
แต่เป็นโชคดี ที่ได้มาผ่านพบ งานใหม่ ที่ทำให้เรามีเวลาให้กับตัวเอง มากขึ้น และได้พบ กัลยาณมิตร ที่ดี ใน หมู่งาน ชักชวนกันไป ถือศีล 8 สร้างบุญสร้างกุศล ทำจิตใจให้ ผ่องแพ้ว และได้ โอกาสในการทบทวนเรื่องราวชีวิต
สำหรับ ผมแล้วนี่คือครั้งแรก และเป็นมือใหม่ อย่างยิ่ง และได้ค้นพบ ว่า วัดป่า วชิระบรรพต นั้น เหมาะมาก สำหรับมือใหม่อย่างผม ไม่ใช่ว่า ทางวัดไม่เคร่ง ทางวัดเคร่ง แต่ ทางวัด จัดสรรทุกอย่างไว้ เราไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลย สามารถ เดินทางเข้าไปได้ตลอดเวลา ได้ทุกวัน เมื่อเราพร้อม
ผม ไปโดยไม่มีการจองล่วงหน้า ทราบแต่เพียงว่า ทางวัดรับ คนใหม่ เป็น 2 ช่วงเวลา เช้า เวลา 11 โมง บ่าย 3 โมงเย็น เงื่อนไขทางวัด มีแค่นี้
แต่ ทางวัดเพิ่มเติม เรื่อง การตรวจ ATK ตรวจสดๆ หน้างาน ถึงตอนนี้ยังตรวจอยู่นะครับ
ตรวจเสร็จแล้ว หลวงพ่อ มาแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติ และกฎระเบียบต่างๆ ภายในวัด รวม ถึงให้ท่อง บทสวด
📌“การเดินทางแห่งความสุข คือ ศีล สมาธิ ปัญญา”
ซึ่งจะเป็น คำสอนหลัก ของทางวัด ตลอดเวลาที่เราอยู่ ในวัดแห่งนี้
ผ่านขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆแล้ว ไป ที่จุด ลงทะเบียน รับเสื้อผ้า ตรงนี้ ต้องเตรียมบัตรประชาชน และ เงิน 100 บาท สำหรับ ผู้ชาย สำหรับ ผุ้หญิง 200 บาท (ได้คืน 100 บาท ตอน check out) ตรงนี้ เตรียมเงินสด เท่านั้นนะครับ บัตรประชาชนด้วย
จุดที่แตกต่างกันเรื่องเงิน คือ ผู้หญิง นอน ห้อง รวม 4 คน มีค่ามัดจำกุญแจห้อง
ผู้หญิง นอน ที่ตึก ที่ลงทะเบียน เลย
ผู้ชาย เดินย้อนกลับมาทางเข้า ขึ้น เนิน เขาไปเล็กน้อย มี อาคารไม้ โครงเหล็ก ยกสูง อยู่ เชิงเขา มีห้องนอนรวม อยู่ชั้น 2 หลายห้อง แต่ แน่น คนแน่น ไปหมด ผมคิดว่า ผู้ชายจะมาถือศึลน้อย แต่ที่ไหนได้ มากันเยอะ และวัยรุ่นเยอะมาก สรุปผมเลย ต้องลงมา ชั้นล่าง เป็นลานกว้างๆ ไม่มีห้อง
ผมได้ มุ้ง แบบเต้น มากางนอนที่ชั้นล่าง พร้อมด้วย ฟูกปู
17.50 จัดการเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้า รีบเร่งไปทำวัดเย็น เป็นมื้อแรก และนั่งสมาธิ ยังงง กับเรื่องบทสวด ของที่นี่อยู่พอสมควร
20.30 เสร็จจากการทำวัดเย็น คนใหม่ที่มารอบเช้า และ บ่าย อยู่ต่อ ทำพิธี รับสิขาบท ถือศีล 8
21.30 น หลับสนิทสบาย เพราะเพลียมาก ไม่ได้ ทานข้าวเย็น เป็นมื้อแรก ดีนะ ทีตอนกลางวันก่อนเข้าวัด ทานมาเต็มแป้เลย
วันที่ 2 ภารกิจ เช้าวันที่ 2 เป็นเช้าวันเสาร์ ตื่นตีสามครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัว ตีสี ทำวัดเช้า และ นั่งสมาธิ บำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาดลานวัด
05.40 รอรับทานน้ำปานะ และ อาหารรองทองเบาๆ เช่นมาม่า และ ผลไม้
07.00 บำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาดลานวัด หลายคนตามหลวงพี่ไป บินทบาตร แต่ผมไม่รู้ เลยไม่ได้ไปด้วย
08.00 ฟังเทศ และ นั่งสมาธิ และบำเพ็ญประโยชน์
10..00 ทานข้าว ตามที่ มื้อเดียวของวัน
11.00 กลับขึ้นห้องพัก หรือ เต็นนอน หลับสิครับ รออะไร แดด ก็ส่องเข้ามาที่ มุ้งสนาม หรือเต็นของผม อยู่นะ แต่ไม่เป็นผล ละ หลับ สนิทไปเลย ก็ คนมันเพลียนี่นะ
12.30 อาบน้ำ ล้างตัว ลงมา ที่ศาลาปฏิบัตรธรรม มีร้านกาแฟบุญ ต้อง ปลุกตัวเองให้ตื่นอีกสักนิด ทุกเมนู แก้วละ 50 บาทโอนเข้าบัญชีวัดเพื่อทำบุญเท่านั้น แต่ คนที่ บวชแล้ว หลังเที่ยง จะสั่งได้แค่ อเมริกาโน ร้อน หรือ กาแฟดำ ไม่ใส่นม เท่านั้น
13.00 สวดมนต์ แล้ว นั่งสมาธิ 1 ชั่วโมง อาการเริ่มมา แหน็บกินเลย ปวดหลังนิด ๆ แล้วเดิน จงกรม อีก 1 ชั่วโมง โอเค หนอ่ย ได้ผ่อนคลายขาบ้าง เสร็จแล้ว บำเพ้ญประโยชน์ ทำความสะอาดศาลาปฏิบัติธรรมและ ลานวัด
16.30 ให้พัก
17.50 ทำวัตรเย็น วันที่สอง ของผม และ เริ่ม คุ้นๆ กับบทสวดมากขึ้น และ เริ่มเข้า ใจ เรื่อง การเดินทางแห่งความสุข ศีล สมาธิ ปัญญา ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เพราะพระอาจารย์ จะ สอบ จะถาม จะทวน ตลอดเวลา
20.30 วันนี้ เลิกเร็ว หลับสนิท เลยครับ
การเดินทางสู่ความสุข คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
วันที่ 3 ยังคงเหมือเดิม ต่อจากเมื่อวาน ทุกอย่าง
แต่สิ่งที่เพิ่มมา วันนี้วันอาทิตย์ แก้ตัวจากเมื่อวาน วันนี้ ผมไป ร่วมเดินบิณทบาตร เท้าเปล่า กับ พระอาจารย์ ด้วย เขาแยกกันไปเป็นสายๆ เดินเท้าเปล่า บนถนน กว่า 4 กิโลเมตร มีขึ้น ลงเนิน เป็นช่วงๆ ช่วงไหน ห่างไกล ชุมชน พระอาจารย์ ก็เดินไว มาก ผมเดินเท้าเปล่าทีแรก ก็ รู้สึกไม่ชิน มีเจ็บๆ ที่ก้อนหินก้อนกรวดมันตำเอา แต่สักพัก ก็เริ่มชิน
เคยเห็นนักวิ่งเท้าเปล่า แล้วก็สงสัยว่าเขาไม่เจ็บเท้ากันบ้างเหรอ เราคงไม่กล้าทำแบบเขา แต่พอได้มาเดินแบบนี้แล้ว รู้เลยว่า มันรู้สึกดี นะ ที่เท้าเปล่า ของเราได้สัมผัสกับพื้นกรวด พื้นยางมะตอย พื้นคอนกรีต เสียบ้าง มันเป็นก้าวเดินที่ต้องมีสติ คอยระวัง อยู่เสมอ เดินไปสักพัก ก็ลืมแล้วว่าเราไม่ได้ใส่รองเท้า มาด้วย
ผม ลาสิชาบท ตอน 11.00 น ต้องกลับไปทำภารกิจส่วนตัวเหมือนเดิม
อาจจะไม่ได้ อะไรมากมายในครั้งแรก การนั่งสมาธิ ก็ยังไม่ได้ นาน เพราะเหน็บชา กิน ปวดหลังบ้าง ไรบ้าง แต่ผม ก็ตั้งใจและพยายาม ให้ได้นานที่สุด ส่วนบทสวด ก็จำได้บ้างไม่ได้ บ้าง แต่พระอาจารย์ ท่านก็สั่งสอนมาว่า
จงอดทน และ ทำบ่อยๆ ทำนานๆ
ร่างกายคืออินทรีย์ธาตุ ที่ ต้องการการฝึกฝน ค่อยๆพัฒนามันขึ้นไป ตอนที่ฟังแล้ว ก็รู้สึกได้ว่า เหมือน หลักการของ หนังสือ Atomic Habits เขียนโดย James Clear อ้างอิงว่าการเปลี่ยนแปลงนิสัย เพียง เล็ก ๆ ที่เล็กมาก ๆ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างไร
และ ตรงนี้ ผมยังนึกไปถึง การวิ่งอีกด้วย เพราะถ้าผม อยากวิ่งไกล ก็ตั้งหมั่นฝึกฝน เก็บระยะไปด้วย การฝึกวิ่งเก็บระยะ เพิ่มระยะทางหรือ ระยะเวลา ทีละ 10% ทุก สัปดาห์ ที่สำคัญตรงกับหลักคือ การอดทน ทำบ่อยๆ ทำนานๆ นั่นเอง
แต่สิ่งที่ผมได้กลับมาในทันที คือการ มีจิตตั้งมั่น ความอิ่มเอิบ ในหน้าที่การงาน มีการสำรวมกาย วาจา ใจ และ มีความเพียร ที่จะประกอบกิจการงาน ที่มีอยู่ของผม ต่อไป
ค่าใช้จ่าย ที่วัด นี้ 100 บาท บวก ค่ากาแฟ ไป 4 แก้ว 200 บาท รวม 300 บาท
ไม่มีตู้รับบริจาค อะไร ภายในวัด
โฆษณา