21 พ.ย. 2023 เวลา 03:27 • นิยาย เรื่องสั้น

ซูหยินเหม่ย

เธออยู่อีกหมู่บ้าน
เป็นนักเรียนคนหนึ่ง
ที่ผมยังเคยเห็นเงารางวาบแวบในยามเยาว์
ผมเจอเธอครั้งแรกเมื่อตอนที่ผมเข้าเรียน ม.1
ไม่ได้รู้จักอะไรมากมายนัก เพียงแต่รู้แค่ชื่อ
เห็นเธอตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กหญิง ม.ต้น ยังไว้ผมสั้น
นับแต่วันนั้น...
เราเป็นเพื่อนกันมาก็สิบกว่าปีแล้ว
จำได้ว่าครั้งนั้นเธอและเพื่อนๆ ชอบ D2B มาก
พอ F4 ไต้หวันเริ่มเข้ามา...
พวกเธอและเพื่อนๆ ก็ชอบ F4
และนั่นเป็นสาเหตุหรือแรงใจ
ที่ทำให้เพื่อนของผมเรียนภาษาจีน
และผมก็เช่นกัน...
เธอเรียนภาษาจีนคนละโรงเรียนกับผม
พวกเราเรียนสายศิลป์-จีนเหมือนกัน
ต่างกันแค่ว่าตำราของเธอออกจะยากกว่าตำราของผม
ทางโรงเรียนของเธอสอนเขียนตัวเต็ม
ส่วนทางโรงเรียนของผมสอนเขียนตัวย่อ
จำได้ตอน ม.ต้น มีการแลกของขวัญกัน
ผมเคยได้ของขวัญของซูหยินเหม่ยด้วย
แต่ตอนนั้นผมเรียกเธอว่า มล
แต่จริงๆ เธอก็ชื่อ มล นั่นแหละครับ
ของขวัญที่แลกกันในห้องที่ผมได้ครั้งนั้น
เป็นแก้วคริสตัลที่น่ารักใบหนึ่ง
ตอนเรียน ม.ปลาย
มีปีหนึ่งที่เราเคยนั่งรถรับส่งนักเรียนคันเดียวกัน
ผมไม่ค่อยพูดอะไรมากมายนัก
สรุปแล้ว...ในรถผมพูดกับซูหยินเหม่ยเยอะสุด
ตอนมีเบอร์ของเธอ ผมเคยโทรไปคุยด้วย
เพื่อนผมยังเคยร้องเพลงให้ผมฟัง
แต่มันก็นานมาแล้ว
พักหลังรู้สึกว่าเธอได้เข้าเรียนที่ ม.ช.
เรียนในสาขาภาษาจีนต่อ
จบออกมาก็ทำงานเกี่ยวกับภาษาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
เพื่อนคนนี้พูดจีนคล่อง
เท่าที่รู้ ภาษาอื่นเธอก็เก่งพอตัว
เมื่อไม่นานมานี้รู้สึกว่าเธอจะไปสอบอะไรสักอย่าง
ยังชวนผมตอนที่เล่น Facebook อยู่เลย
ซูหยินเหม่ยเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สามารถพูดด้วยได้โดยที่ไม่รู้สึกอาย
แซวเล่นได้
และถ้าโมโหสุดๆ อย่างมากก็ต่อยที่หัวไหล่
ซึ่งมันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บอะไรเลย
เมื่อปีแล้วเธอยังมาแปะลิงค์ไว้ที่ Timeline ของผม
แปะเพลง ตี้อีสือเจียน ของเอฟโฟว์ (เพลง เวลาแรก)
บอกผมถึงวันคืนที่พวกเราตัดสินใจเรียนภาษาจีน
ปีก่อนโน้น เธอยังแปะรูปยุนอา
ปีก่อนนี้ ก็ยังแปะรูปคิมแทยอน
ไว้ที่ไทม์ไลน์ของผม
เธอเห็นว่าผมชอบ ก็เลยแปะให้
ผมไม่ค่อยได้คุยกับเธอมาก
ยิ่งไม่ค่อยได้เจอหลังจากที่จบ ม.ปลาย
มาคิดถึงตอนนั่งรถเดือน (รถรับส่งนักเรียน) ตอนนั้น
เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน (เว้นวันหยุด)
พักหลังๆ ห่างกันไป
แต่ก็ไม่ได้ห่างหาย
ผมเคยโพสต์รูปทุ่งนา
เธอยังมาแสดงความคิดเห็นเลยว่า...
"เห็นแล้วคิดถึงบ้าน"
มีเรื่องราวหลากหลายที่เข้ามาในชีวิต
และผมก็ลืมมันไปบ้างแล้ว
เพื่อนที่เข้ามาในแต่ละช่วงของชีวิต
พอมองย้อนไปจริงๆ จะมีคนสำคัญกับเราจริงๆ เพียงไม่กี่คน
พอเราอยู่ห่างไกลกันสุดฟ้าแบบนี้แล้ว
ผมกลับนึกถึงเรื่องของเธอขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่ผมก็ลืมไปแล้ว
บางเรื่องก็เหมือนจะจำได้ แต่ก็นึกไม่ออก
ผมยังดีใจที่เขายังเรียกผมว่าเต้าหมิงซื่อ
เรียกโดยที่ผมไม่รู้สึกอาย
พอเธอไปไกลขนาดนั้นแล้ว
คงไม่มีใครมาเรียกผมเช่นนี้อีก
เธอเคยมีฝันที่เหมือนกันกับผม
เคยมีเป้าหมายที่คล้ายๆ กัน
หลังจากนั้นความฝันก็จะค่อยๆ ต่างกันออกไป
แต่ที่เรายังเหมือนกันก็คือเรายังมีฝัน
การสูญเสียคนที่เคยมีฝันร่วมกัน
ทำเอาผมรู้สึกเศร้าไปหลายวัน
ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาในตอนแรกที่ทราบข่าว
ผมไม่ได้ไปงานของเธอ
แต่ผมก็ยังอยากเห็นเธอเหมือนดังวันวาน
เหมือนวันคืนผ่านที่ล่วงเลยมาแล้วเหล่านั้น
อยากให้เรื่องหยุดอยู่แค่ว่า...
เราห่างกันไป
และคิดถึงกันเพียงบางครั้งก็พอ
แต่ทุกคนยังต้องอยู่กับความฝันของตน
และดำเนินชีวิตไปด้วยความหวัง
ทุกครั้งที่ผมคิดถึงฝันของตัวเอง
ผมก็คิดถึงซูหยินเหม่ยด้วย
คิดถึงมากกว่าที่แล้วๆ มา
แต่ก่อน...ผมไม่กล้าไปเขียนเรื่องนี้ที่ไหน
นอกจากที่ Bloggang
ตอนนั้น...ผมไม่อยากให้ใครรู้
เท่าๆ กับที่ผมอยากเขียนให้ใครสักคนรู้
เพื่อนเก่าไม่ได้เดินเคียงข้างเราตลอดไป
แต่อบอุ่นใจทุกครั้ง เมื่อยามที่คิดถึง
ผมทำได้แค่เพียงขอบคุณ
ขอบคุณที่เธอดีกับผมเสมอมา
และต้องกล่าวคำขอโทษ
ในสิ่งที่ผมเคยล่วงเกินเธอไป
แม้วันนี้เธอจะอยู่ไกลแสนไกล
แต่เมื่อผมหวนคิดไปถึงวันนั้น
เธอก็ยังอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ
ตอนนี้เธอคงไปอยู่ยังดาวดวงใดดวงหนึ่ง
ดวงที่ลอยอยู่บนเวิ้งฟ้าอันไกลแสนไกล
ในยามค่ำคืนที่จะมาถึง
ผมเชื่อว่าผม... จะมองเธอได้จากที่นั่น... เสมอ
...
เต้าหมิงซื่อตัวปลอมเมื่อสิบปีก่อน ที่ยังนั่งเขียนบล็อกในเวลาของปี 2557
โฆษณา