Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ท่องเที่ยว
Blockdit Invest
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
4
Dime!
•
ติดตาม
21 พ.ย. เวลา 06:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปหุ้น MASTER โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ธุรกิจศัลยกรรมเบอร์ต้นของไทย
MASTER มีชื่อเต็มว่า บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) ทำกิจการสถานพยาบาลด้านความงามที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจร ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีแพทย์ 41 คน และบุคลากร 618 คน
ประวัติความเป็นมาแบบสั้น ๆ
1. นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ก่อตั้งคลินิกความงามในปี2555 ภายใต้ชื่อ “มาสเตอร์พีชคลินิก” ที่สยามสแควร์ โดยเริ่มที่ขนาด 1 คูหา มีห้องผ่าตัดเล็ก 1 ห้อง มีแพทย์ 1 คน และพนักงาน 3 คน
2. ต่อมามาสเตอร์พีชคลินิกขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเป็น 2 คูหา เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจดทะเบียนเป็นบริษัท มาสเตอร์สไตล์ จำกัด ในปี 2556
3. ปีถัดมามาสเตอร์พีชคลินิกก็ยังขยายพื้นที่ โดยเพิ่มเป็น 3 คูหา และขยายเพิ่มเติมอีก 2 คูหา (สาขา 2) รวมทั้งหมดเป็น 5 คูหา จนกลายเป็นคลินิกเสริมความงามที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสยามสแควร์
4. ด้วยความที่ขยายพื้นที่แล้ว ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรองรับลูกค้า ทำให้บริษัทเริ่มวางแผนการขยายธุรกิจจากคลินิกมาเป็น โรงพยาบาลเสริมความงาม
5. ในที่สุดปี 2561 มาสเตอร์พีชคลินิกได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาล ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” พร้อมทั้งย้ายสถานที่ประกอบการไปที่ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
6. ปี 2566 โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปัจจุบันผู้ถือหุ้นมากที่สุดคือ คุณระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยถือหุ้นเป็นสัดส่วน 49.22%
ผลประกอบการของ MASTER ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ?
ปี 2563 รายได้ 615.28 ล้านบาท กำไร 128.55 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 689.98 ล้านบาท กำไร 162.80 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 1,490.0 ล้านบาท กำไร 300.92 ล้านบาท
9 เดือนแรกของปี 2566 รายได้ 1,392.09 ล้านบาท กำไร 252.85 ล้านบาท
จากตัวเลขก็คงพอสรุปได้ว่า ดังนั้นมาดูต่อว่า รายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นมาจากส่วนไหนบ้าง โดยดูจากโครงสร้างรายได้ตามนี้
1. ศัลยกรรม
ปี 2563 รายได้ 508.05 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 83.14%
ปี 2564 รายได้ 526.79 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 79.88%
ปี 2565 รายได้ 1,193.61 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80.51%
2. ดูแลผิวพรรณ
ปี 2563 รายได้ 44.72 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.32%
ปี 2564 รายได้ 39.00 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.91%
ปี 2565 รายได้ 105.61 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.12%
3. ปลูกผมและดูแลเส้นผม
ปี 2563 รายได้ 18.33 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.00%
ปี 2564 รายได้ 23.32 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.54%
ปี 2565 รายได้ 89.96 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.07%
4. ดูแลหลังจากศัลยกรรม
ปี 2563 รายได้ 30.21 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.94%
ปี 2564 รายได้ 35.73 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.42%
ปี 2565 รายได้ 62.37 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.21%
จะเห็นได้ว่ารายได้โตมาจากทุก ๆ ส่วน แต่รายได้หลักหรือประมาณ 80% ที่เติบโตมาจากการศัลยกรรม ดังนั้นมาลงลึกรายละเอียดส่วนนี้กันต่อดีกว่า
รู้หรือไม่ว่า ศัลยกรรมสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 5 ประเภท
- ศัลยกรรมเสริมจมูก
รายได้ 344.68 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23.25%
- ศัลยกรรมยกคิ้ว
รายได้ 181.62 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.25%
- ศัลยกรรมดูดไขมัน
รายได้ 145.19 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.79%
- ศัลยกรรมหน้าอก
รายได้ 140.37 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.47%
- ศัลยกรรมอื่น ๆ เช่น ศัลยกรรมตา ศัลยกรรมยุบโหนกตัดกราม และศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง เป็นต้น
รายได้ 381.75 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25.75%
ซึ่งถ้าถามว่าแต่ละศัลยกรรมมีลูกค้าเป็นใคร ต้องดูพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าแต่ละช่วงอายุก่อน
- กลุ่มลูกค้าอายุน้อยกว่า 25 ปี จะนิยมทำศัลยกรรมพื้นฐานก่อน ดังนั้นพวกเขาเลยจะเลือกศัลยกรรมเสริมตาสองชั้น หรือไม่ก็ศัลยกรรมเสริมจมูก
- กลุ่มลูกค้าในช่วงอายุ 25-50 ปี จะเน้นเสริมความงามและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตนเอง ศัลยกรรมจึงค่อนข้างหลากหลาย เช่น การศัลยกรรมเสริมตาสองชั้น ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ศัลยกรรมดูดไขมันแก้ไขรูปร่าง และศัลยกรรมปลูกผม
- กลุ่มลูกค้าในช่วงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป เน้นการศัลยกรรมเพื่อคงสภาพเดิมของใบหน้าและร่างกาย เช่น การศัลยกรรมยกคิ้ว ดึงหน้าผาก การศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง ตัดหนังแขน และการปลูกผม รวมถึงศัลยกรรมเพื่อรักษา เช่น ศัลยกรรมตาสองชั้น แก้ไขอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
เห็นได้ว่า ทุกช่วงอายุก็มีการต้องการศัลยกรรมอยู่เสมอ เพียงจุดประสงค์แตกต่างกันไป
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า บริษัทมีลูกค้าเฉพาะแค่คนไทยหรือไม่ ต้องบอกเลยว่ามีลูกค้าต่างประเทศด้วยเช่นกัน และค่อย ๆ เติบโตเพิ่มขึ้น
ปี 2021 คนต่างชาติ : คนไทย = 4.87 : 95.13
ปี 2022 คนต่างชาติ : คนไทย = 18.38 : 81.62
ไตรมาส 2 ปี 2023 คนต่างชาติ : คนไทย = 23.61 : 76.39
โดยประเทศอื่น ๆ ที่มาใช้บริการได้แก่ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์
คำถามที่น่าสนใตอีก 1 คำถาม เมื่อเราอยากรู้ว่าธุรกิจจะเติบต่อไปได้หรือไม่นั่นคือ กำลังการให้บริการ หรือ Capacity เป็นอย่างไรบ้าง ?
ข้อมูลในปี 2565
- จำนวนห้องผ่าตัด 7 ห้อง
- จำนวนให้บริการ 38,345 ชั่วโมง
- กำลังการให้บริการสูงสุด 40,880 ชั่วโมง
ดังนั้นอัตราการให้บริการอยู่ที่ 93.80% และหากดูไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 อัตราการให้บริการอยู่ที่ 97.61% ซึ่งดูเหมือนว่าใกล้เต็มกำลังการให้บริการสูงสุดแล้ว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทได้เพิ่มห้องผ่าตัดจาก 7 ห้องเป็น 17 ห้องแล้ว นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถเติบต่อไปได้
และยังมีการร่วมทุนกับพันธมิตรต่าง ๆ อย่างธุรกิจสื่อ KIN Corp. และธุรกิจเสริมความงาม 3 แห่ง ได้แก่ WIND Clinic, Rattinan Medical Center และ Dr. Chen Clinic รวมถึงการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจที่ตามมาในอีกหลายดีลในอนาคต
จากเรื่องราวที่เล่าไป เราก็คงพอเห็นแนวทางการเติบโตของบริษัทกันแล้ว
ดังนั้นต่อมาเมื่อพูดถึงธุรกิจแล้วจะไม่พูดถึงความเสี่ยงก็คงไม่ได้
ความเสี่ยงแรกที่ควรโฟกัสเลยคือ ความเสี่ยงด้านบุคลากรทางการแพทย์ เพราะมีโอกาสที่แพทย์ออกไปเปิดคลินิกของตัวเองหรือทำงานที่อื่น ทำให้บริษัทอาจขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจศัลยกรรม
โดยบริษัทป้องกันความเสี่ยง ด้วยการทำสัญญาระยะยาวที่มีอายุสัญญาตั้งแต่ 3-10 ปี
อีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องจากการให้บริการ
บริษัทจึงมีการติดตามผลการทำหัตถการของลูกค้าทุกทำหัตถการทุก 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน ตามลำดับ และหากเกิดความผิดคาดจากการทำหัตถการ บริษัทจะพิจารณาในการทำการแก้ไขให้ลูกค้า โดยบริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องจากการให้บริการ
และนี่คือข้อมูลที่น่ารู้ของหุ้น MASTER โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ธุรกิจศัลยกรรมเบอร์ต้นของไทย หากเพื่อน ๆ ต้องการศึกษาข้อมูลต่อ สามารถหาข้อมูลได้เลยที่
https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/MASTER/company-profile/information
และหากสนใจลงทุนหุ้น MASTER ก็สามารถลงทุนผ่านแอป Dime! ได้เลยที่
https://dimekkp.onelink.me/sq7H/pya1dxrd
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยแหล่งข้อมูลสาธารณะ ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการต่าง ๆ ที่ปรากฏโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ที่มา SET ณ วันที่ 20 พ.ย. 66
════════════════════
#เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน
════════════════════
Dime! เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุก เพื่อความสุขอย่างเท่าเทียมของทุกคน
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0007-02
ติดตามเราในช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Facebook -
https://www.facebook.com/dimeinvest
Instagram -
https://www.instagram.com/dime.finance
Twitter -
https://twitter.com/dimefinance
TikTok -
https://www.tiktok.com/@dime.finance
LINE -
https://lin.ee/4W7j4nG
Blockdit -
https://www.blockdit.com/dime.finance
#การเงิน #การลงทุน #หุ้นไทย #MASTER #ศัลยกรรม #ไดม์ #Dime #Dimeออมได้ลงทุนดี
-----
อ้างอิง
https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/MASTER/company-profile/information
4
ถูกใจ
375
รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2023 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย