22 พ.ย. 2023 เวลา 12:35 • ปรัชญา

1. ความว่างเปล่า

ชาวโลกทั้งหลายไม่ว่าจะชาติไหน ศาสนาใดไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หรือชาวนา คนรวยหรือคนจน หน้าตาดีหรือขี้เหร่ นักบวชหรือนักบุญและสิ่งทั้งหลายก็ไม่พ้นที่จะต้องพึ่งพาการเปลี่ยนแปลง เพราะทุกสิ่งคือความเกิดดับทุกสิ่งในโลกจึงไม่มีอะไรที่แน่นอน ชาติ ศาสนา กษัตริย์ รวย จน รูปร่างหน้าตา นักบวชนักบุญ เมื่อก่อนไม่มีตอนนี้เกิดขึ้นแล้วคิดว่าจะมีอะไรที่อยู่ค้ำฟ้ายั่งยืนตลอดไปบ้างในเมื่อเกิดจากความไม่มี สุดท้ายก็ต้องลงที่คำว่าไม่มี เมื่อเกิดจากความว่างเปล่าเวลาไปก็ต้องว่างเปล่า ดังนั้น จงอย่าไปยึดติดกับของชั่วคราว
เมื่อเราสูญเสียอะไรไปอย่าเห็นเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อวันใดที่เราเกิดดีใจมีความสุขขึ้นมา เมื่อนั้นเราก็จะได้วันที่ต้องเสียใจและความทุกข์กลับมาภายหลังด้วย เพราะทุกสิ่งมันขึ้นอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ความต้องการของเรา ขอให้คิดซะใหม่ สิ่งมีชีวิตอื่นๆหรือสิ่งที่มนุษย์อุปทานขึ้นมาเช่น สิ่งของ เงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ  ต่างก็ไม่พ้นที่ต้องพึ่งพาการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนแปลงนี้เองที่ทำให้ทุกสิ่งเกิดเป็นความไม่แน่นอน
ความแน่นอน จึงเป็นความไม่แน่นอน
และความไม่แน่นอนนี้เองก็คือ ความแน่นอน !
มนุษย์ที่ตั้งจิตอยู่บนความยึดมั่นถือมั่น ย่อมต้องเจอทางตันและต้องทนทุกข์อย่างแน่นอน เพราะยิ่งยึดมากเท่าไหร่ยิ่งทุรนทุรายมากเท่านั้น สิ่งอันเป็นที่รัก สิ่งที่เราหวงแหน ชื่อเสียง ยศ อำนาจ บ้าน รถ เงินทอง ที่ดิน อื่นๆ ก็มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เหมือนมีค่า แต่แท้จริงกับว่างเปล่า เพราะมันคือสิ่งสมมุติ ภาพลวงตา แรกๆภายนอกอะไรๆก็ดูสวยพอนานไปเริ่มเก่าไม่น่าดูพอผ่านไปสักพักก็ดับสูญมันวนเวียนอยู่แบบนี้ไม่จบสิ้นและไม่มีที่สิ้นสุด !
สิ่งที่มีค่าที่สุดจึงไม่ใช่สิ่งภายนอกแต่เป็นสิ่งภายในคือ ใจ ที่มีค่าที่สุดและสำคัญที่สุดกว่าสิ่งใดในโลกมนุษย์ ดังนั้นอย่าปล่อยให้จิตใจที่ล้ำค่าถูกสิ่งไร้ค่าภายนอกมาครอบงำจิตใจเราได้ จงตื่นรู้ รู้ว่าทุกสิ่งมันว่างเปล่ามีตอนนี้ไม่ได้แปลว่ามันจะมีตลอดไป แต่เดิมมันก็ไม่เคยมีอยู่แล้ว เราทุกคนกำลังฝัน ฝันที่ไม่เคยมีอยู่จริง หยุดฝันแล้วหันมองมาความเป็นจริง ยิ่งคิดว่าอะไรเป็นของเรา ใจเราก็จะยิ่งเป็นทุกข์เท่านั้น ความสุขที่เราได้สัมผัสแท้จริงแล้วมันเป็นของว่างเปล่าทั้งสิ้น !

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา