21 พ.ย. 2023 เวลา 14:30 • ธุรกิจ

Stanley แบรนด์แก้วเหล็กสุดแกร่ง อายุ 110 ปี ขวัญใจนักผจญภัย

สู่การเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่หนุ่มสาว Millennial ยุคใหม่ ไม่มี...ไม่ได้
หากจะหาแก้วเก็บอุณหภูมิใบสวยมากไว้สู้กับอากาศร้อนของไทย หลายคนคงค้นหาแก้ว #Stanley สีพาสเทลมาไว้ใช้ และถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียลให้เพื่อน ๆ อิจฉา แต่รู้หรือไม่ว่า กว่าจะกลายเป็นไอเทมชิ้นโปรดของสาว ๆ ยุคใหม่ Stanley เคยมุ่งมั่นกับกลุ่มลูกค้าชายแกร่ง สายแคมป์ เข้าป่า และเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาทหารผ่านศึกมาก่อน
วันนี้ aomMONEY จะพาไปรู้จักแบรนด์แก้วเก็บอุณหภูมิอายุ 110 ปี และการพลิกภาพลักษณ์จากแบรนด์บุกป่า สายบู๊ สู่สินค้าที่ชาว #มิลเลนเนียล (Millennial) ต่างแก่งแย่งกันเพื่อเป็นเจ้าของได้อย่างไร
จุดเริ่มต้นของ Stanley มาจาก ‘วิลเลียม สแตนลีย์ จูเนียร์’ (William Stanley Jr.) ที่อยากจิบกาแฟแบบร้อน ๆ ตลอดเวลา แต่ด้วยนวัตกรรมเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้กาแฟแก้วโปรดอุ่นอยู่เสมอ
วิลเลียมพยายามคิดค้นและพบว่า เขาสามารถนำกระบวนเชื่อมหม้อแปลงไฟฟ้ามาดัดแปลงเพื่อเชื่อมเหล็กให้เป็นฉนวนสุญญากาศได้ จนกลายมาเป็นขวดน้ำสุญญากาศเก็บอุณหภูมิสำเร็จในปี 1939 หลังจากนั้นก็ทำการจดสิทธิบัตรและผลิตเพื่อจำหน่ายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ด้วยความที่ Stanley ผลิตจากเหล็กที่ให้ความทนทานและแข็งแกร่ง แบรนด์จึงเน้นทำตลาดกับลูกค้าที่เป็นผู้ชาย Stanley ได้รับความนิยมในกลุ่มคนทำงานกลางแจ้ง นักผจญภัยที่ชอบ บุกป่า ฝ่าดง ตั้งแคมป์ รวมถึงเหล่าทหารมักจะหยิบแก้วสุญญากาศสุดแกร่งแบรนด์นี้ไปร่วมรบในสงครามด้วย
แล้ว Stanley กลายมาเป็นไอเทมที่สาว ๆ
ยุคมิลเลนเนียลต้องการได้อย่างไร?
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2016 ที่ Stanley เปิดตัวแก้วรุ่น #Quencher ที่มีจุดเด่นที่ด้ามจับและสีสันอันสวยงาม แม้บนเว็บไซต์จะโปรโมตด้วยภาพของหญิงสาวกำลังดื่มกาแฟ เล่นโยคะ และกิจกรรมต่าง ๆ แต่ก็เหมือนจะเป็นเพียงสินค้าทางเลือก เพราะกลุ่มลูกค้าหลักก็ยังเป็นกลุ่มผจญภัยกลางแจ้งเหมือนเดิม
แต่ ‘ลินลีย์ ฮัทชินสัน’ (Linley Hutchinson), ‘แอชลี เลอซูเออร์’ (Ashlee LeSueur) และ ‘เทย์เลอร์ แคนนอน’ (Taylor Cannon) ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ 'The Buy Guide’ ไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะทั้งสามคนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Stanley Quencher และแก้วรุ่นนี้ก็ขายดีมากใน The Buy Guide และสั่งมาขายอยู่เรื่อย ๆ
กระทั่งปี 2019 พวกเขาได้ยินข่าวว่า Stanley กำลังจะเลิกผลิต Quencher ขนาด 40 ออนซ์ ทำให้สาวกของ The Buy Guide ที่ทราบข่าว ต่างควานหาแก้วรุ่นนี้กันจ้าละหวั่น ซึ่ง ‘แมตต์ นาวาร์โร’ (Matt Navarro) รองประธานอาวุโสฝ่ายการค้าของ Stanley กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้จะเลิกผลิต แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องการตามหาแก้ว Quencher ของบรรดาสาว ๆ มากนัก
1
แม้จะได้รับการติดต่อจาก The Buy Guide ให้ทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ร่วมกัน Stanley ก็ไม่เห็นว่าจะสร้างยอดขายอะไรมากมายนัก จึงปฏิเสธและแนะนำให้ The Buy Guide ทำการซื้อสินค้าแบบขายส่งขั้นต่ำ 10,000 ใบ เพื่อนำไปขายเอง
1
แต่การทำเช่นนั้นมันเสี่ยงต่อ The Buy Guide มาก ๆ เพราะพวกเขาต้องหาเงินเพื่อสั่งสินค้า 10,000 ใบ ไหนจะต้องปรับเว็บไซต์เพื่อโปรโมต, ทำการตลาด, หาโกดังเพื่อเก็บ รวมทั้งจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าที่สั่งซื้อกันเอง ซึ่งพวกเขาไม่เคยทำมาก่อน แต่ทั้ง 3 คนก็ลอง และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะ Stanley Quencher ขายได้ 5,000 ใบใน 4 วันสำหรับสินค้าล็อตแรก และอีก 5,000 ใบในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงในล็อตที่ 2
จากเหตุการณ์นี้ เทอเรนซ์ ไรลีย์ (Terence Reilly) ประธานของ Stanley ส่วนหนึ่งของ ‘ Pacific Market International’ (PMI) บริษัทแม่ที่เข้าซื้อ Stanley เมื่อปี 2002 ก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องรีบจัดการปรับกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการทำสินค้าให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์มากขึ้น รวมถึงส่งผู้บริหารไปพูดคุยกับ The Buy Guide ในการวางแนวทางการตลาด
แอชลี เลอซูเออร์ กล่าวว่า Stanley คิดว่าแก้วของพวกเขาเป็นสินค้าชั่วคราวที่เหมาะกับการถูกหมกไว้หลังรถ แต่ลูกค้าของ The Buy Guide มองว่า Stanley Quencher เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และจะถูกใจมากขึ้นหากมีการปรับสีสันให้เข้ากับบ้าน, ห้องครัว หรือเสื้อผ้าของบรรดาสาว ๆ เพราะลูกค้าของ The Buy Guide เกือบ 100% เป็นผู้หญิง
1
“แบรนด์ใด ๆ ในโลกที่ไม่ได้ทำการตลาดกับผู้หญิงอายุ 25 ถึง 50 ปีถือว่าพลาดมาก ถึงแม้สินค้าของคุณจะเป็นเสื้อผ้าผู้ชายก็ตาม แต่หากคุณไม่มีวิธีสื่อสารกับผู้หญิง คุณจะไม่มีทางได้ยอดขายตามเป้า” แอชลีกล่าว
1
รองประธานอาวุโสฝ่ายการค้าของ Stanley กล่าวว่า หลังจากร่วมมือกับ The Buy Guide และมีการปรับช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าด้วยการใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาช่วย เช่น บน TikTok ที่ #StanleyTumbler ถูกเข้าชมมากกว่า 700 ล้านครั้ง รวมทั้งใช้การตลาดแบบ #Influencer ทำให้แบรนด์เชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากขึ้น
ก็สร้างยอดขายให้บริษัทเพิ่มมากขึ้น ถึงขนาดที่ Stanley ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์อุปกรณ์เสริมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 275% ในปี 2021 ในตลาดผลิตภัณฑ์กลางแจ้งของสหรัฐอเมริกาจาก ‘NPD Group’ บริษัทข้อมูลการตลาดระดับโลก
ทั้งนี้ นามราตา ซาห์ (Namrata Shah) หัวหน้าฝ่ายผู้บริโภคและความงามของ #PERLab กล่าวว่า การที่ผู้หญิงพูดคุยกับผู้หญิงเป็นการสร้างความไว้ใจให้แบรนด์มากกว่ากลยุทธ์ทางการตลาดทั่ว ๆ ไป รวมทั้งแก้ว Stanley มีคุณสมบัติที่ดีอยู่แล้วในเรื่องของการใช้งาน เมื่อปรับตัวจนตอบสนองผู้ใช้งานด้านอารมณ์ จึงทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน
ส่วน ปีเตอร์ ดันซิก (Peter Danzig) นักวิจัยและที่ปรึกษา ให้เหตุผลที่ Stanley เป็นที่ต้องการส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่ทำให้เทรนด์ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดื่มน้ำเปลี่ยนไป
ปีเตอร์กล่าวว่า ผู้คนอาจซื้อ Quenchers หลายชิ้นไว้สำหรับดื่มกาแฟยามเช้า สำหรับออกกำลังกาย หรือเข้ากับชุดต่างๆ รวมทั้ง โซเชียลมีเดียเองก็กระตุ้นความปรารถนาและสร้างความรู้สึกอยากสะสมให้กลุ่มลูกค้าของ Stanley มากขึ้นด้วย
ล่าสุดมีไวรัลที่ทำให้ Stanley ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นไปอีกอย่าง คลิปที่แก้ว Stanley อยู่บนรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้เกรียมทั้งคัน แต่แก้วยังอยู่ในสภาพที่ดี โดยคลิปวิดีโอนี้ มีคนดูไปแล้วมากกว่า 5 ล้านครั้ง จน เทอเรนซ์ ไรลีย์ ประธาน Stanley ออกมาบอกว่าจะส่งรถไปให้แทนคันที่เสียหายเป็นการขอบคุณที่ทำให้ Stanley ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์หลายล้านครั้ง (Business Insider ยังไม่สามารถตรวจสอบว่าข้อมูลนี้จริงเท็จอย่างไร)
และนี่เป็นเรื่องราวของแบรนด์แก้วสุญญากาศที่มีพื้นฐานการใช้งานที่ดีเยี่ยมมานานกว่า 100 ปี และเมื่อมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์และขยายตลาดผ่านโซเชียลมีเดียจนโด่งดัง จนสร้างยอดขายเติบโตกว่า 200% น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แบรนด์อื่น ๆ ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญปรับตัวเองให้ทันโลก มองหาโอกาส และผลิตสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้าด้วยนั่นเอง
เรียบเรียงโดย อติพงษ์ ศรนารา
#aomMONEY #ออมมันนี #สแตนลีย์ #กลยุทธ์ #LifeStyle #Tumbler #แก้วสุญญากาศ #กระติก #MoneyStorytelling
โฆษณา