เกิดขึ้นจากการรีโนเวตตึกอาคารพาณิชย์เก่า 1 คูหา ที่เคยเป็นบริษัททัวร์ ให้กลายเป็นทั้งโรงแรมและคาเฟ่

คาเฟ่ เปิด 9.00-17.00 น. (ปิดเฉพาะวันพุธ)

มีมุมพักผ่อนเล็ก ๆ รับแสงส่องสว่างจากช่องแสงด้านหลัง ให้สามารถมานั่งเล่น อ่านหนังสือ และฟังเพลงกันแบบชิลๆ

เมนูไอศกรีมที่ห้ามพลาด กับ namping ไอศกรีมมะพร้าววางอยู่บนบิสกิตกรอบอร่อยเข้ากัน ก่อนกินราดด้วยกาแฟเอสเปรสโซ เป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

เมนู raming รสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์กับกาแฟ house blend espresso ผสมกับน้ำลำไยหอมหวาน

นำอิฐเข้ามาเป็นส่วนประกอบเพื่อบอกเล่าถึงภาพกำแพงเมือง

มองผ่านช่องบันไดลงมาจะพบว่ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เปรียบได้กับกำแพงเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 4 แจ่ง หรือ 4 ทิศ

ผู้ออกแบบเลือกเว้นพื้นที่ว่างระหว่างผนังกับบันไดไม่ทำพื้นเต็มทุกชั้น แล้วกรุผนังด้วยลามิเนตลายไม้ตัดด้วยคิ้วไม้จริงสีเข้มตั้งแต่ชั้นล่างถึงชั้นบน

นำสู่ชั้นบนผ่านบันไดที่ดีไซน์ให้อยู่ตรงกลาง ทำหน้าที่เสิร์ฟคนไปยังชั้นบน และนำพาแสงจากสกายไลท์ส่องลงมาถึงชั้นล่าง

ห้อง raming (ระมิงค์) ตั้งตามชื่อเรียกโบราณซึ่งหมายถึงแม่น้ำปิง

ห้องนี้เน้นคอนเซ็ปต์ล้านนาโคโลเนียลเจือกลิ่นอายมินิมัล

ห้องน้ำขนาดใหญ่รับแสงสว่างจากหลังคาสกายไลท์ ยามที่แดดบ่ายผาดผ่านจะเกิดมิติของแสงเงาสวยงาม

เดินผ่านช่องบันไดเล็ก ๆ ขึ้นไปสู่ห้องพักด้านบน ที่กรุผนังไม้อัดสักสีเข้ม เปิดให้มองเห็นวิวดอยสุเทพด้านหลัง

ห้องด้านหลังชื่อ intha (อินฐา) มีความหมายว่า ภูเขา

ความพิเศษของห้องอินฐานี้ คือสามารถเปิดประตูออกไปยังดาดฟ้าเพื่อรับวิวได้แบบพานอรามา

ห้อง namping (น้ำปิง) ห้องเตียงคู่ ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นบรรยากาศอบอุ่น เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนสไตล์นอดิก ประดับด้วยภาพถ่ายสีสันสดใส

ผนังกรุกระจกเต็มบานเพื่อเปิดรับวิวคูเมืองได้เต็มที่

ห้องพักด้านหลังใช้ชื่ว่า ongtong (อองตอง) หมายถึง น่ารัก ห้องนี้มีความเป็นวัยรุ่นมากว่าห้องอื่น เน้นเฟอร์นิเจอร์สไตล์มิดเซนจูรี่ ผสมกับความเป็นพื้นถิ่น

เชื่อมทั้งสองห้องหน้า-หลังนี้ ด้วยทางเดินที่ไม่ต่างจากสะพานข้ามฟากระหว่างคูเมือง

ขณะที่ภายในผู้ออกแบบได้ทุบโครงสร้างเดิมออกทั้งหมด เหลือไว้แต่คานโครงสร้างที่เชื่อมกับเพื่อนบ้าน