24 พ.ย. 2023 เวลา 16:23 • นิยาย เรื่องสั้น

บทที่ 16 การเดินทางวันที่ 11 และ ล่องไพรลำดับที่ 11 ทางช้างเผือก

.
วรรณกรรมอมตะ ของ น้อย อินทนนท์ (บรมครูมาลัย ชูพินิจ)
.
20. ภาพนิมิต 3
.
ดร.บรันฮิลด์มิได้ตอบประการใด หยิบปืนพกของหล่อนขึ้นมาสำรวจกระสุนแล้วล้ม
ตัวลงนอนทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าปืนพกกระบอกนั้น ไม่ต่างอะไรจากไม้จิ้มฟันในการป้องกันตัวจากพญาสัตว์ใหญ่
.
ตลอดคืนนั้นนอกจากเสียงกิ่งไม้ลั่นและกลิ่นสาบที่ลอยตามลมแล้ว ช้างโขลงนั้นมิได้รบกวนแต่ประการใด จนกระทั่งใกล้สว่างทุกคนต่างลุกขึ้นนั่งผิงไฟเพราะอากาศเย็นจัด และได้ยินเสียงมันร้องมาแต่ไกล
.
"ไปอยู่โน่นแล้ว แหม่มขายาว" ตาเกิ้นบอก "เรากับมันจะได้พบกันอีก"
.
พวกเขาอุ่นเนื้อตุ่นที่เหลือและเผือกมันที่หรรษาวดีให้มากินกัน พอเสร็จก็พอดีสว่างจึงเร่งออกเดินทางตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ฉายแสง และ หมอกบาง ๆ ยังปกคลุมป่า
.
ตาเกิ้นชี้ให้ดร.บรันฮิลด์ดูรอยเท้าช้างที่ย่ำเป็นเทือก และป่าผากที่หักยับเยินจากการที่มันเหนี่ยวยอดลงมากิน "เมื่อคืนอยู่คนละฟากห้วยเท่านั้น แหม่มขายาว เช้านี้มันล่วงหน้าไปโน่นแล้ว"
.
พวกมันไปไกลแค่ไหน และพวกของศักดิ์จะไปถึงร้อยเอกเรืองก่อนมันหรือไม่ ไม่
มีใครตอบถูกจนกระทั่งข้ามเขาลูกต่อไป และเห็นกองไฟมีควันลอยกรุ่นอยู่เหนือฝั่งห้วยสายเดียวกับที่พวกเขาพักแรมเมื่อคืน
.
ดร.บรันฮิลด์ "นี่มันบริเวณเดียวกันกับที่หรรษาวดีให้เราเห็นจากน้ำในบาตรคืนนั้น แต่มันเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ 2 คืนก่อน คุณเรืองยังมาไม่ถึงที่นี่"
.
ศักดิ์ไม่มีเวลาไปสนใจกับปัญหาที่ตอบไม่ได้นั้น เพราะทันใดที่ตาเกิ้นถึงที่พักแรมของร้อยเอกเรืองที่เพิ่งจากไป แกก็สำรวจบริเวณโดยรอบทันที สีหน้าของแกบอก
ให้รู้ว่ามีสิ่งผิดพลาดไป
.
"อ้ายเพชฌฆาตมันตามนายทหารเรืองมาถึงที่นี่ นาย คราวนี้เห็นรอยมันถนัด ประหลาดเหลือเกินที่นายทหารเรืองไม่รู้ตัว ไม่ก่อกองไฟอย่างที่เราทำเมื่อคืน
ไม่ระมัดระวังอะไร ประหลาดอีกเหมือนกัน ที่มันกระจายกำลังกัน คราวนี้อ้ายงา
ยาวขาวเหมือนสำลีตัวเดียวเท่านั้นที่ติดตามนายทหารเรือง"
.
ศักดิ์ "งั้นก็แสดงว่าคราวนี้มันตั้งใจเล่นงานคุณเรืองแน่ ตาเกิ้น หรรษาวดีทำนาย
ผิดที่บอกว่ามันกำลังหนี ทั้งที่มันกำลังตาม และอย่างแกว่าคุณเรืองไม่รู้ตัว"
.
ดร.บรันฮิลด์ "อะไรทำให้คุณเข้าใจอย่างนั้น คุณศักดิ์"
.
"เพราะผมเคยโดนมันเล่นงานมาแล้ว 2-3 ครั้ง มันจะไม่เผชิญคนต่อหน้า แต่ทันใดที่เราเผลอ มันจะลงมือ การที่มันติดตามคุณเรืองโดยลำพังขณะนี้ เพราะมันรู้เหมือนกับมนุษย์ที่ล่าสัตว์ การไปกันหมู่มากยากที่จะเข้าถึงตัว การไปลำพังเพื่อไม่ให้เกิดเสียงหรือคุณเรืองรู้ตัว เร็วเข้าเถอะตาเกิ้น เดี๋ยวจะไม่ทันการ"
.
ศักดิ์เต็มไปด้วยความวิตกกังวล เมื่อคิดว่าร้อยเอกเรืองมัวแต่ติดตามพวกเขาทั้ง 3 จนไม่เฉลียวใจเลนว่าช้างตัวนี้จะหันมาคิดบัญชีกับเขา จึงเร่งฝีเท้าติดตามโดยไม่
ได้นึกถึงดร.บรันฮิลด์
.
จนกระทั่ง 2 กิโลเมตรต่อมา ขณะที่จะข้ามลำธารแคบโดยมีขอนไม้ลื่นพาดไว้ ศักดิ์จึงหันไปเพื่อช่วยเหลือแต่ก็พบว่าหล่อนหายไป จึงย้อนกลับไปทางเก่าและพบว่าหล่อนนั่งอยู่บนตอไม้มือกุมขาซ้าย หล่อนลื่นล้มขามีรอยถลอกนิดหน่อยแต่บวมเป็นผื่นแดงและคัน
.
สีหน้าที่ซีดและเหงื่อที่ซึมออกมาเต็มหน้าผากบอกให้รู้ว่าเจ็บปวดมาก หล่อนพึมพัมว่าอาการเหมือนโดนงูกัด มันปวดมากและขาข้างนั้นเย็น
.
ตาเกิ้นที่ย้อนกลับมาเพราะเห็นทั้งคู่หายไป ทันทีที่แกเห็นอาการของดร.บรันฮิลด์ แกก็สันนิษฐานว่าไปโดนเอาเห็ดงูเห่าเข้า มันอาจไม่ถึงเส้นเลือดแต่ก็ซ่านไปตาม
ผิวหนังอย่างรวดเร็ว
.
แกบอกให้ศักดิ์ขันชะเนาะขาอย่าให้พิษลุกลามและอย่าให้หล่อนหลับ แกรู้ว่ามียา
ที่จะแก้พิษนี้และจะรีบไปหามาเดี๋ยวนี้ ศักดิ์ปฏิบัติตามที่ตาเกื้นแนะนำ ด้วยวิธีปฐมพยาบาลเวลาที่ถูกงูพิษกัด การลุกลามของผื่นแดงอาจหยุดแค่หัวเข่าแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวของหล่อนดูจะยิ่งเพิ่มขึ้น
.
ดร.บรันฮิลด์เหงื่อกาฬไหลโซมเต็มหน้าและทั้งตัวขบฟันแน่น กระนั้นหล่อนก็มิได้ปริปากร้อง เวลายิ่งนานนัยน์ตาของหล่อนก็ยิ่งปรือและหาวถี่หนักขึ้น จนศักดิ์ต้องคอยเขย่าตัวและเรียกชื่อเป็นระยะ
.
เมื่อตาเกิ้นมาถึงพร้อมด้วยกระบอกน้ำและสิ่งหนึ่งในมือ แกก็บอกให้ศักดิ์จับดร.บรันฮิลด์นอนลงและง้างขากรรไกรที่เริ่มแข็ง แล้วแกก็ป้อนสิ่งที่อยู่ในมือ
เข้าไปแล้วกรอกน้ำตาม
.
"บุญเหลือเกินนาย ที่พบรังจืดใกล้ ๆ ขืนข้าไปอีกอึดใจคงไม่มีหวัง"
.
(รังจืด หรือ รางจืด เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาชงดื่มบำรุงสุขภาพ โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยขับพิษ รวมถึงใช้บำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด ป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับจากสุรา ต้านมะเร็ง ตลอดจนใช้ทาสมานแผล และ ใช้บรรเทาอาการจากโรคผิวหนังอย่างเริมหรือผื่นคัน)
.
แกรินน้ำจากกระบอกใส่ฝ่ามือขยี้กับสมุนไพรที่เก็บมา แล้วลงมือทาทั่วขาที่แดงก่ำและบวมเป่งของดร.บรันฮิลด์ข้างนั้น อึดใจหนึ่งเต็ม ๆ ที่หล่อนยังคงนอนนิ่งชีพจรเต้นอ่อน
.
ครู่ต่อมานัยน์ตาของหล่อนก็ลืมขึ้น สีน้ำข้าวขุ่นข้นค่อยจางหายไป ชีพจรและการหายใจค่อยปกติ ศักดิ์ถามอาการของหล่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหล่อนทำได้เพียงยกมือที่อ่อนแรงชี้ที่คอแล้วสั่นศีรษะ
.
"แหม่มขายาวอยากน้ำ" ตาเกิ้นบอกพลางรินน้ำในกระบอกใส่ปากหล่อนทีละน้อย ดร.บรันฮิลด์กระซิบเสียงแผ่ว"ขอบใจแกมาก ตาเกิ้น แกคิดไหมว่าฉันจะรอดตาย"
.
"เมื่อกี้นายกับตาเกิ้น ตกใจแทบตาย แต่ตอนนี้แน่ใจแล้ว"
.
ศักดิ์ชี้ไปที่ขาซ้ายของหล่อนซึ่งแดงก่ำ บัดนี้กลับมาเป็นสีเดิมและอาการบวมลดลงจนเป็นปกติ "ยาของตาเกิ้น ช่วยชีวิตคุณไว้บรันฮิลด์ คุณถูกว่านงูเห่าซึ่งชาวป่ากลัวกันหนักหนาว่าอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ผมก็เพิ่งรู้ว่ารังจืดถอนพิษมันได้ เคยรู้แต่ชาวบ้านใช้ต้มน้ำกินถอนพิษเหล้าเท่านั้น"
.
ดร.บรันฮิลด์ "ฉันไม่เคยรู้เลยว่านอกจากเชื้อรา และละอองของใบไม้บางชนิดจะเป็นพิษทำให้คนคันเมื่อสัมผัสแล้ว ในป่ายังมีว่านมฤตยูเช่นนั้น"
.
ตาเกิ้นย้อนไปเด็ดใบไม้ชนิดหนึ่งมาให้ดร.บรันฮิลด์ดู ซึ่งหล่อนรับว่าหกล้มไปทับต้นของมัน ขาถลอกข้างนั้นถูกยอดของมันพอดี ตาเกิ้นบอกว่า"ต่อไปนี้เมื่อมีรังจืดอยู่ในมือของเรา ล้มทับมันอีกยังได้ แหม่มขายาว"
.
อุบัติเหตุที่เกิดกับดร.บรันฮิลด์ทำให้เสียเวลาไปร่วมชั่วโมง และศักดิ์ก็ไม่สามารถ
ทำเวลาชดเชยกับที่เสียไปได้ เพราะดร.บรันฮิลด์ยังอิดโรย จนกระทั่งตกบ่ายและ
อยู่กลางดงที่ก้นหุบลึกนั่นเอง เสียงปืนก็ก้องมาจากข้างหน้า1นัด ทั้ง 3 หยุดชะงักทันที
.
"คุณเรือง" ดร.บรันฮิลด์อุทาน
.
"ไม่ใช่แหม่มขายาว นั่นเสียงปืนแก๊ปของชาวบ้านป่า ไม่ใช่เสียงปืนไรเฟิลของนายทหารเรือง หรือลูกซองของอ้ายพวกนั้น"
 
.
"งั้นเป็นของใคร"
.
"อาจเป็นพวกชาวป่าชาวเขาแถวนี้ หรือคนเดินทางผ่านก็ได้ แหม่มขายาว"
.
แกพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกนัดหนึ่ง คราวนี้มีเสียงร้องแปรํน ๆ ขึ้นติด ๆ กัน จากนั้นทุกสิ่งก็เงียบหาย
"เกิดเรื่องแล้วล่ะ นาย"
แกลดปืนลงจากบ่าตรวจสอบแล้วหันมากำชับอีก 2 คน "นายไม่มีอะไรติดมือ ตามตาเกิ้นไปทีหลังพร้อมกับแหม่มขายาว"
.
แล้วแกก็ออกวิ่งไปตามทางด่านที่เสียงปืนนั้นดังมา ศักดิ์หันมาถามอาการของดร.บรันฮิลด์ เมื่อหล่อนบอกว่าดีขึ้นแล้ว เขาจึงเร่งให้ตามตาเกิ้นไปเผื่อจะช่วย
เหลืออะไรได้บ้าง
ศักดิ์และดร.บรันฮิลด์ติดตามตาเกิ้นไปได้เพียงครึ่งกิโลเมตร ก็ทันแกที่เนินเตี้ยๆ ท่ามกลางป่ายางซึ่งลาดลงไปป่าไผ่ริมฝั่งห้วยลึก
.
ตาเกิ้นยืนอยู่เหนือซากซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ ร่างนั้นอยู่กลางพุ่มไม้ที่เต็มไปด้วยรอยเท้าช้าง ปืนแก๊ปกระบอกหนึ่งหักกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ย่ามใหญ่ใบหนึ่งใส่เสบียงและผ้าแบล็งเก็ต(Blanket-ผ้าห่ม, ผ้าผวย, ผ้านวม)เก่า ๆ แขวนอยู่กับกิ่งไม้ใกล้ที่ศพนั้นกองอยู่
.
"โชคดีเหลือเกินนายที่ไม่ใช่นายทหารเรือง แต่ตาเกิ้นก็อดสงสารมันไม่ได้ นี่มันอ้ายแซงทวยพรานใหญ่ของมอโกจู ตาเกิ้นรู้จักมันตั้งแต่ยังหนุ่ม กระบวนกล้าไม่มีใครสู้มันได้ นอกจาก......"
แกทำท่ากระดากก่อนพูดต่อ "นอกจาก...ตาเกิ้น แต่นั่นแหละ นาย บางทีมันอาจกล้าเกิน หรืออาจมัวแต่ตะลึงจนไม่คิดหนี มันจึงต้องตายเพราะอ้ายช้างเทวดางายาวขาวเหมือนสำลีนั่น"
.
ตาเกิ้นไม่รู้ว่าแซงทวยมาจากไหนและจะไปไหนเพราะมันเป็นคนที่อยู่ไม่ติดบ้าน มันเที่ยวออกหางาช้างและนอแรดเรื่อยไป ได้มาก็ข้ามไปขายที่พม่า นาน ๆ จึงกลับไปหาเมีย
.
ศักดิ์และตาเกิ้นจำต้องทิ้งศพของแซงทวยไว้เช่นนั้น เพราะไม่มีเครื่องมือจะขุดเพื่อฝัง ไม่มีเวลาหาฟืนเพื่อเผา ชีวิตของร้อยเอกเรืองและบรรดาลูกหาบกำลังตกอยู่ในอันตราย จะปล่อยให้เสียเวลาไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว
.
อีกครั้งที่พวกเขาออกเดินทางต่อคราวนี้ติดรอยช้างเพชฌฆาตตัวนั้น ทิศใดที่ใดที่มันมุ่งไปทิศนั้นและที่นั้นร้อยเอกเรืองจะต้องอยู่
แม้การติดตามรอยเท้าช้างจะง่ายกว่ารอยเท้าคน แต่ศักดิ์และตาเกิ้นก็ถูกถ่วงให้เสียเวลาเพราะขาของดร.บรันฮิลด์ยังไม่หายดี
.
จนกระทั่งตกบ่ายหลังจากที่ข้ามสันเขาสูงลงไปสู่ที่ราบซึ่งเป็นทุ่งหญ้าเล็ก ๆ แวดล้อมด้วยป่ายางสูงและหน้าผาสูง ศักดิ์และตาเกิ้นจึงได้คิดว่า ช้างตัวนั้นรู้ว่ามันถูกติดตาม และพยายามสลัดให้พ้น
.
ด้วยการเวียนวนซ้ำรอยอยู่ในป่าหญ้าราวกับช้างทั้งโขลงลงกินแล้วแยกย้ายกลับไป
สู่ชายป่า แต่สายตาอันคมกริบของตาเกิ้นไม่ปล่อยให้มันพลาดไปได้
.
ที่ข้างขอบหนองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมีร่องรอยที่แสดงให้รู้ว่ามันอยู่ในสภาพเช่นใด เข่าทั้งคู่ของมันคู้ติดกับขอบหนอง บอกให้รู้ว่ามันไม่มีกำลังที่จะยืนอยู่ได้
.
"ตาเกิ้นคิดว่ากระสุนนัดนั้นของอ้ายแซงทวยคงมีส่วนอยู่ด้วย นาย ทำให้รอยเท้ามันขาดความแน่นอน แทนที่จะตรงก็กลายเป็นสับฟันปลา แล้วมันยังคุกเข่าเมื่อถึงชายป่าตรงข้ามเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง"
.
แล้วแกก็หยิบกิ่งไม้กิ่งหนึ่งขึ้นมาดู "ตาเกิ้นคิดว่าอ้ายงายาวขาวเป็นสำลีตัวนี้ มันไม่ได้ไหวทันว่าถูกติดตามหรอกนาย แต่...มันกำลังไปไม่ไหว"
.
ดร.บรันฮิลด์ "อะไรทำให้แกเชื่ออย่างนั้น ตาเกิ้น"
.
"อาการเดินของมันซิแหม่มขายาว ตามธรรมดาเวลาช้างหนีคนมันจะเดินตรงไป แต่เพราะกระสุนนัดนั้นของอ้ายแซงทวยที่เราคิดว่าต่ำไป ทำให้เอาอ้ายงายาวขาวเป็นสำลีตัวนี้ไม่อยู่ แต่มันก็ใกล้สมองมากทีเดียว
.
เมื่อมันกระทบถูกกิ่งไม้ระหว่างที่เดินทาง ทำให้สมองมันกระทบกระเทือน เวียนหัวเหมือนคนเมาเหล้า นัยน์ตาก็พร่า เดี๋ยวเห็น เดี๋ยวไม่เห็น นี่แหละมันถึงได้เดินวนไปเวียนมา กลายเป็นสับฟันปลา
.
แล้วเราก็เข้าใจว่าช้างตัวนั้นรู้ว่ามันถูกติดตาม และพยายามสลัดให้พ้น ด้วยการเวียนวนซ้ำรอยอยู่ในป่าหญ้าราวกับช้างทั้งโขลงลงกิน อวสานของมันใกล้เข้าแล้วล่ะ........ นาย....อวสานของมันใกล้เข้ามา...."
.
ตาเกิ้นออกวิ่งตามรอยที่ลุยไปในระหว่างป่าหญ้าใต้ต้นไม้สูงตอนนั้น สักครู่ก็หันมากวักมือเรียก "เร็วเข้านาย คราวนี้อ้ายวายร้ายหนีไม่พ้นมือเรา แน่"
.
ศักดิ์และดร.บรันฮิลด์วิ่งตรงไปยังที่ตาเกิ้นยืนอยู่ แกชี้ให้ดูก้นบุหรี่ที่ทิ้งไว้ใหม่ ๆ และเป็นยี่ห้อที่ร้อยเอกเรืองสูบเป็นประจำ ตาเกิ้นถึงกับบ่น "จะตายไม่ตายแหล่อยู่แล้ว มันยังไม่เลิกติดตามนายทหารเรือง คราวนี้แหละมันจะหนีความตายไม่พ้น"
.
แล้วขณะนี้ร้อยเอกเรือง ยุทธนา และ พวกลูกหาบอยู่ที่ไหน ช้างตัวนั้นเข้าใกล้เขาเข้าไปแล้วเพียงใด หากยิงปืนให้สัญญาณว่าพวกเขาอยู่ใกล้ เสียงปืนอาจทำให้ช้าง
รู้ตัวและเตลิดไปเสียก่อน หรือ ร้อยเอกเรืองอาจคลายความระมัดระวัง เพราะมัวแต่พะวงถึงอีก 3 คนก็เป็นได้
.
ด้วยเหตุนี้ทั้ง3จึงเร่งติดตามช้างตัวนั้นต่อไป ผ่านป่าใหญ่ซึ่งรกทึบและครึ้มเเพราะใกล้เพลาเย็นเข้าไปทุกที ทันใดที่ออกสู่ป่าโปร่ง ลาดลงไปสู่ป่าป่าไผ่บนฝั่งห้วยอันได้ยินเสียงน้ำไหลแรงนั่นเอง ทุกคนก็หยุดชะงักเมื่อแลเห็นควันไฟลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือป่าไผ่ตอนนั้น
.
"นายทหารเรือง" ตาเกิ้นป้องปากตะโกนเรียก เสียงปืนดังขึ้นและป่าทางขวามือแกแตกโครม
ขณะเดียวกันเสียงของร้อยเอกเรืองที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ตะโกนตอบกลับมา "ระวังมันให้ดี ตาเกิ้น"
.
ตาเกิ้นหันมาถามศักดิ์ว่าร้อยเอกเรืองหมายความถึงอะไร ศักดิ์ตะโกนตอบแกไปว่า "หมายถึงช้างตัวนั้น นัดเมื่อกี้คงพลาดอีก จึงได้ยินเสียงป่าแตกครืนไป"
.
ในท่ามกลางความขมุกขมัวของป่าเวลาสายันต์ ทำให้ไม่สามารถเห็นอะไรได้ นอกจากยอดไม้ที่ยังไหว เพราะเถาวัลย์ที่พัวพันมาถึงข้างล่างถูกกระชากขาด
.
เสียงป่าแตกและกิ่งไม้ดังโผงผางห่างออกไปทุกที เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นทุกสิ่งก็สงบเงียบตามเดิม คนทั้ง 3 วิ่งไปจนถึงลานโล่งระหว่างกอไผ่ที่ไฟในกองยังคุกรุ่น
.
ที่นั่นมีเพียงร้อยเอกเรืองยืนจังก้าถือปืนอยู่ผู้เดียว เขาตรงมาจับมือศักดิ์เขย่าด้วยความตื่นเต้นยินดี ราวกับคนที่ตายไปแล้วและกลับมาพบกันใหม่จึงพูดไม่ออกอยู่
เป็นนาน
.
"ผมคิดว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้วเสียอีก" เป็นคำพูดที่ออกจากปากที่สั่นระริก
ของเขา
.
"ไม่ถึงที่ตาย ไม่วายชีวานะนายทหารเรือง" ตาเกิ้นพึมพัม
.
ร้อยเอกเรืองหันไปจับไหล่แกไว้แล้วหัวเราะ "ไม่ถึงที่ตาย เพราะแกช่วยชีวิตฉันไว้ ตาเกิ้น"
.
โปรดติดตามตอนต่อไป ภาพนิมิต 4(จบชุด ทางช้างเผือก) ภาพปก รางจืด ราชาแห่งการถอนพิษ เป็นสมุนไพรที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ให้เกษตรกรหรือบุคคลทั่วไปเลือกใช้เพื่อใช้แก้พิษต่าง ๆ เช่น พิษจากยาฆ่าแมลง ยาเบื่อ สารตะกั่ว ฯลฯ ยิ่งเมื่ออยู่ในสถานที่ห่างไกลจากโรงพยาบาล
โฆษณา