1 ธ.ค. 2023 เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์

ลงทุนสะสม Art Toys อย่างไร? ให้ดีต่อใจและเงินในกระเป๋า

กระแส ‘กล่องสุ่ม’ ยังคงติดเทรนด์ตลาด และได้รับความนิยมอยู่เรื่อย ๆ แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้หลาย ๆ คนคงเห็นกล่องสุ่ม ของเล่น Art Toy ผ่าน ๆ ตากันมาบ้างแล้ว หรืออย่างที่นิทรรศการ “Everybody Cries Sometimes” เมื่อวันที่ 22 ก.ค. – 30 ก.ย. 66 ได้นำกองทัพของเล่น Art Toy อย่าง Crybaby เจ้าหนูร้องไห้มาแสดงโชว์ให้เห็นกันเกือบทุกคอลเลกชันด้วยขนาดที่หลากหลาย ตั้งแต่ตัวเท่าฝ่ามือไปจนถึงขนาดยักษ์ใหญ่!
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการสะสม ของเล่น Art Toy ก็อาจจะมีงง ๆ กันบ้างว่าควรจะเริ่มเก็บงานไหน หรือเริ่มสะสมจากอะไรเพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนน้อง ๆ ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปมาก ซึ่งจริง ๆ แล้วสไตล์การเลือกเก็บก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเลยก็ว่าได้
ใครชอบแบบไหนก็เลือกเก็บแบบนั้น เช่น สายน่ารัก สายมูองค์เทพ สายกระแสนิยม หรือแม้แต่สายดาร์ก ซึ่งจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ คนที่เข้าวงการสะสม ของเล่น Art Toy ก็อาจเป็นเพราะโดนความน่ารักนี้ตกเข้าด้อม และบางกลุ่มก็อาจมองเป้าหมายในอนาคตที่ใหญ่กว่านั้น คือการ “ซื้อเพื่อเก็งกำไร”
แน่นอนว่าพอเป็นอย่างหลังก็ต้องมองตลาดให้เป็น เพราะถ้าเราจะซื้อมาเพื่อเก็งกำไรในสักวัน ก็ต้องโอนเอียงไปตามกระแสของตลาดนักสะสมด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะพามาแนะนำว่าสำหรับมือใหม่วงการ ของเล่น Art Toy ว่ามีตัวไหนน่าเก็บ การดูทิศทางของราคาตลาด และทริคการเลือกซื้อเพื่อให้ได้กำไร ตามมาเลย
ความเป็น Pop Culture ของ ของเล่น Art Toy ในไทย กับคำถามที่ว่า “ทำไมถึงแพง?”
จริง ๆ แล้วคำว่า ของเล่น Art Toy กับ กล่องสุ่มนั้นต่างกัน…
ของเล่น Art Toy คือ ศิลปะอีกแขนงหนึ่ง ถูกจัดว่าเป็นผลงานของศิลปินที่ถูกดีไซน์ออกมา ซึ่งจะมีจำนวนจำกัดเพราะเป็นผลงานทำมือ (Handmade) ส่วนกล่องสุ่มจะให้ฟิลเดียวกับกาชาปองที่ต้องลุ้นเอาเองว่าจะได้คาแรคเตอร์อะไร?
สิ่งที่ทำให้ ของเล่น Art Toy ยังอยู่ได้ และยังคงได้รับความนิยมต่อมาเรื่อย ๆ เป็นเพราะความน่าสนใจที่ถูกออกแบบไม่จำกัด หรือที่เรียกกันว่า “คอลเลกชัน” ซึ่งการผลิตสินค้าใหม่ ๆ โดยจำแนกเป็นคอลเลกชันทำให้ง่ายต่อการจดจำ และง่ายกับกลุ่มนักสะสม เช่น
ฮาโลวีน วันปีใหม่ หรือปีนักษัตร เป็นต้น และด้วยสื่อโซเชียลมีเดียที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายดายมากขึ้น ถ้าจะโดน “ความน่ารัก” ของของเล่น Art Toy ตกเข้าด้อมก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และเพราะด้วย Pop culture เหล่านี้ที่ทำให้กลายมาเป็นหนึ่งในสาเหตุของคำถามที่ว่า
“ทำไมของสะสม ของเล่น Art Toy ถึงแพง?”
1. ของเล่น Art Toy ไม่จำเป็นต้องมี “เนื้อเรื่อง”
มารองรับการผลิตเหมือนของเล่น กล่องสุ่มที่ต้องผลิตตามไลน์เส้นเรื่องของมังงะ อนิเมะ แต่ทั้งนี้ตัวศิลปินก็อาจใส่ “เรื่องราว” ลงในผลงานชิ้นนั้น ๆ ได้เองเหมือนกัน
2. วัสดุที่ใช้แตกต่างจากการผลิตของเล่น กล่องสุ่ม
และด้วยขนาดที่แตกต่างกันจึงทำให้ราคาต้นทุนสูงขึ้น แต่บางครั้งผลงานใหญ่ ๆ ก็มาพร้อมความเสี่ยงเรื่องการแตกหัก และความเสียหายระหว่างทางจากขนส่ง เพราะแบบนั้นก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ ของเล่น Art Toy มีราคาสูงได้ด้วยเช่นกัน
3. การผลิตของเล่น Art Toy มีจำนวนจำกัด และจะไม่ผลิตซ้ำ
โดยทั่วไปอาจผลิตประมาณ 10 – 100 ตัว แต่จะไม่เกิน 1,000 ตัว ด้วยจำนวนจำกัดจนกลายเป็นของแรร์ที่ใคร ๆ ก็อยากได้ ทำให้เกิดการแข่งขันในการครอบครองเป็นเจ้าของ
4. มูลค่าของของเล่น Art Toy สามารถกระโดดขึ้นไปได้อีกในอนาคต
ในกรณีเป็นผลงานของศิลปินชื่อดัง หรือเกิดกระแสในช่วงใดช่วงหนึ่งที่ทำให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จะเรียกว่าเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.gqthailand.com
จะเห็นได้ว่าจากสาเหตุทั้งหมดที่ว่ามานั้นเป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะหากซื้อขายตั้งแต่ราคาพรีออเดอร์ (ราคาตั้งต้นที่เริ่มเปิดรับจำนวนผลิต) ก็จะได้ในราคาถูกหรือราคาต้นทุนของตลาด แต่สิ่งที่ทำให้กลไกตลาดของ ของเล่น Art Toy เปลี่ยนแปลงไป
และก้าวกระโดดจนดึงสายตาคนนอกวงการได้เป็นอย่างดีก็เพราะ “ความผันผวน” ของความต้องการในตลาดนั่นเอง…อย่างที่บอกว่ายิ่งในอนาคต หากเป็นผลงานของศิลปินชื่อดัง หรือผลงานชิ้นไหนเกิดแมสขึ้นมาในอนาคต ก็เป็นไปได้ว่าคนที่ “ครอบครองอยู่ก่อนแล้ว” สามารถนำมาปล่อยทอดต่อในตลาดด้วยราคาแพงสูงลิ่วได้เช่นกัน (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย)
5 ของเล่น Art Toy ตัวไหนน่าเก็บสะสม (ทำกำไรไปต่อได้)
ถึงแม้ว่า ของเล่น Art Toy จะได้รับความนิยม และมีราคาที่แพงอยู่แล้วแต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวที่จะ “ได้รับความนิยมในตลาดซื้อขาย” สำหรับนักสะสมก็อาจแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือกลุ่มคนที่ตั้งใจเก็บสะสมไว้เฉย ๆ (ไม่ขาย) และกลุ่มที่เก็บเผื่อขายในอนาคต (เก็งกำไร) ซึ่งถ้าจะเป็นนักสะสมอย่างหลังก็ต้องมองตลาดให้ออก และดูแนวโน้มความต้องการของตลาดด้วยเช่นกัน
วันนี้เราจะมาแนะนำ ของเล่น Art Toy บางชิ้นงานที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมกันว่ามีตัวไหนน่าสนใจ และน่าเก็บเก็งกำไรได้บ้าง
1. Crybaby
หลายคนอาจคุ้นชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะ Crybaby ก่อนจะมาเป็นกล่องสุ่มก็เคยเป็นของเล่น Art Toy ชิ้นใหญ่มาก่อนด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าพอเข้าตลาด กล่องสุ่มแล้วก็ค่อนข้างได้รับความนิยม และกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี อาจเพราะด้วยศิลปินเป็นคนไทย ทำให้เรารู้สึกว่าอยากสนับสนุนงานคนไทยด้วยกัน และด้วยดีไซน์ของ ของเล่น Art Toy มีความผสมผสานเป็นเอกลักษณ์ คือหน้าเด็กร้องไห้ ที่คุณมอลลี่ หรือ คุณมด นิสา ศรีคำดี (ศิลปินไทยเจ้าของผลงาน Crybaby) ได้แทรกเรื่องราวลงไปในผลงาน “เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะร้องไห้”
โดยออกแบบให้อยู่ในรูปลักษณ์สร้างสรรค์ที่ดูเหมือนเด็กน้อยกำลังร้องไห้ตลอดเวลา แต่อยู่ในหลากหลายคาแรคเตอร์ โดยมูลค่าของของเล่น Art Toy ซีรีส์นี้กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักสะสม ไม่แปลกเลยที่ราคาจะพุ่งไปไกลจากราคาป้ายหลายเท่าตัว
ขอขอบคุณรูปภาพจาก ptvhd36.com
2. BEARBRICK
จุดขายหลักของ BEARBRICK หรือเจ้า ของเล่น Art Toy หน้าหมีจากค่าย MEDICOM TOY เชื่อว่าหลายคนคุ้น ๆ ตากันคือ การ Collaboration กับแบรนด์ดัง ๆ เช่น Chanel, Nike, KAWS, Bape และอื่น ๆ พร้อมด้วยจำนวนจำกัดก็ยิ่งทำให้กลายเป็นของแรร์ที่หายากเข้าไปอีก แน่นอนว่า BEARBRICK สามารถซื้อมาสะสมเพื่อเก็งกำไรได้ต่อในระยะยาว
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคอลเลกชันที่ได้รับความสนใจในตลาดด้วยเช่นกัน เช่น คอลเลกชันที่ทำร่วมกับศิลปินดูโอ้ระดับโลก Daft Punk ที่ราคาในปัจจุบันเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว หลังจากที่ศิลปินคู่นี้ ขอยุติการทำเพลงร่วมกัน ใครอยากสะสมของเล่น Art Toy สายหมีซีรีส์นี้อาจเลือกตัวที่ลิมิเต็ดสักหน่อย ไม่น่าว่าขายต่อเมื่อไหร่ ไม่มีขาดทุน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก bangkokbiznews.com
3. KAWS
อีกหนึ่งของเล่น Art Toy ที่มีเอกลักษณ์ค่อนข้างชัดเจน ด้วยดีไซน์หน้าที่เหมือนกับหมีก็ไม่เชิง เด็กก็ไม่ใช่ และดวงตาเส้นกากบาทสองข้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนหัวกะโหลก ไม่เพียงแค่ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังจับมือ Collaboration กับชิ้นงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Micky Mouse, Pinocchio & Jiminy Cricket, Disney Princess, Star Wars และอื่น ๆ อีกมากมาย บางตัวก็มีราคาหลายแสนบาทเลยทีเดียว
ขอขอบคุณรูปภาพจาก trendygallery.co.th
4. Space Molly
สำหรับของเล่น Art Toy ตัวนี้กำลังได้รับความนิยมในบ้านเรา และในต่างประเทศ ด้วยตัวดีไซน์ที่เหมือนเด็กน้อยในชุดอวกาศยังคงมีหลายคอลเลกชันมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยขนาดตัวที่มีให้เลือก 2 ขนาดคือ 400% (ความสูง 29.5 ซม.) และ 1,000% (ความสูง 70 ซม.) ความน่ารักที่เหมือนเด็กน้อยอวกาศช่างฝันทำให้ได้รับความเอ็นดูไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตออกมาในรูปแบบกล่องสุ่มนั่นเอง ใครที่อยากเข้ามาสะสมของเล่น Art Toy ตัวนี้อาจเริ่มที่ในไซซ์กล่องสุ่มก่อนก็ได้ และเมื่อการเงินพร้อมค่อยขยับไปตัวใหญ่ก็ยังไม่สายเกินไป
ขอขอบคุณรูปภาพจาก thetoychronicle.com
5. Dimoo
ความน่ารักน่าใจที่ถูกออกแบบให้เป็นเด็กผู้ชายในคอลเลกชันต่าง ๆ ตกหลายคนเข้าด้อมได้เป็นอย่างดี นอกจากความน่ารักแล้วก็ยังมีลูกเล่นอื่น ๆ ซ่อนอยู่ เช่น เรืองแสงในที่มืด หรือมีคิวอาร์ของแท้ติดที่ตัว เป็นต้น อีกทั้งยังทำในรูปแบบของกล่องสุ่มที่ขยันออกคอลเลกชันใหม่อยู่เรื่อย ๆ ทำให้ความต้องการไม่เคยหยุดนิ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับของเล่น Art Toy ซีรีส์นี้กำลังได้รับความนิยมากขึ้นเรื่อย ๆ หากใครอยากเริ่มเป็นนักสะสม Dimoo ก็เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งในวงการของเล่น Art Toy ที่น่าเก็บเพราะราคายังไม่ค่อยแรงมาก
ขอขอบคุณรูปภาพจาก sasom.co.th
เริ่มต้นสะสมของเล่น Art Toy…แบบไหนเรียก “ราคาดี”
ช่วงเริ่มต้นอาจเริ่มจาก “ความชอบ” แต่พอเริ่มซื้อมาระยะหนึ่ง ก็จะเริ่มตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้วเราควรซื้อของเล่น Art Toy ราคาไหนถึงเรียกว่า “คุ้ม” …แต่ถ้าจะให้พูดกันจริง ๆ ในวงการนักสะสมก็ยังเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะในวงการนักสะสมเรามักเจอคนหลากหลายรูปแบบ ทั้งความคิด ความชอบ หรือแม้แต่ฐานะการเงิน ในช่วงหลังมานี้หลาย ๆ วงการก็สั่นสะเทือนกันไปเยอะเพราะวลี “ถ้าใจบอกว่าชอบไม่มีคำว่าถูกหรือแพง” ซึ่งถ้ามองก็คงคิดได้หลายแง่มุมแล้วแต่คนเช่นกัน
แต่วันนี้เราจะมาแนะนำคนที่เพิ่งเริ่มต้นให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ก่อนว่า การสะสมของเล่น Art Toy มันมีทริคสังเกตราคาอยู่
1. สังเกตราคาตลาด
ซึ่งราคาตลาดในที่นี้ก็อาจเป็นทั้งราคาเริ่มต้นพรีออเดอร์ และราคารับซื้อมือสอง หากเป็นราคาพรีออเดอร์เราก็จะได้เปรียบที่สามารถเปรียบเทียบราคาของแต่ละร้านค้าได้ แต่ทั้งนี้ก็จะแทรกความเสี่ยงบาง ๆ เอาไว้ เช่น ระยะเวลาที่จะได้ของ การขนส่ง ค่าเสียหายที่ทางร้านจะช่วย ซึ่งบางร้านที่ราคาพรีออเดอร์สูงกว่าร้านอื่นก็อาจเป็นไปได้ว่าใช้ขนส่งที่มีความเสี่ยงแตกหักของสินค้าน้อยที่สุด และได้ของเร็วกว่าเจ้าอื่น
ส่วนราคาปล่อยมือสองก็ให้เปรียบเทียบจากราคาพรีออเดอร์เดิม ซึ่งโดยส่วนมากการสะสมก็มักจะซื้อมาในราคาถูก เพื่อมาปล่อยขายแพง เป็นเรื่องปกติในวงการนักสะสมมาก ๆ (เว้นแต่ว่าคอลเลกชันนั้น ๆ ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากนักสะสม ขายแพงไปก็ขายไม่ออก เงินทุนจม) ซึ่งราคาปล่อยมือสองก็เหมือนกับการเสี่ยงโชคที่ต้องลุ้นเอาว่าจะเจอคนปล่อยราคาดีไหม แต่ถ้าเป็นตัวที่ได้รับความนิยมมาก ๆ และหายากก็ให้เตรียมใจไว้เลยว่าไม่ได้เท่าราคาพรีออเดอร์แน่นอน ดังนั้นราคาดีที่สุดคือ “ราคาพรีออเดอร์” ที่จะไม่สะเทือนเงินในกระเป๋าที่สุด
2. ตรวจคุณภาพสินค้า
แน่นอนว่าต่อให้ได้มาในราคาสูงแค่ไหน แต่หากสินค้ามีคุณภาพต่ำ หรือเกิดเสียหาย ชำรุด เคยผ่านการซ่อมมาแล้วก็สามารถทำให้ราคาของชิ้นนั้นตกลงได้หลายเท่า ทั้งนี้คุณภาพของของเล่น Art Toy จะขึ้นอยู่กับวิธีการดูแล และเก็บรักษาของเจ้าของเสียส่วนใหญ่
เงื่อนไขสำคัญของนักสะสมคือต้องระวังความร้อน ยิ่งประเทศไทยบ้านเราเป็นอากาศร้อนชื้นไปจนถึงร้อนมาก ก็อาจมีผลกับของเล่น Art Toy ทำให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน ซึ่งถ้าซื้อต่อมือสองก็ต้องสังเกตตำหนิสินค้าพวกนี้ดี ๆ เพราะบางครั้งจุดตำหนิพวกนี้ก็อาจเป็นช่องว่างให้เกิดการต่อรองราคาได้เหมือนกัน
3. ระยะเวลา
เรื่องเวลาเองก็สำคัญ เพราะถ้าผ่านไปนาน ๆ เข้าก็อาจทำให้กระแสหรือความนิยมในของเล่น Art Toy ชิ้นนั้น ๆ ตกลงได้เหมือนกัน จากเดิมที่อาจขายได้หลักหมื่นก็อาจขายไม่ออกเลย เพราะคนเริ่มหมดความสนใจ เพราะฉะนั้นช่วงแรก ๆ ของการเปิดพรีออเดอร์ มักจะมีคนที่พรีออเดอร์ไม่ทัน และกลุ่มคนที่มารอซื้อพร้อมส่งจะรอช้อนราคาจากคนที่พรีออเดอร์ไปแล้วอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ยังพอช้อนราคาช่วงนั้นได้ เพราะหากเป็นสินค้าเข้าไทยก็อาจราคาสูงขึ้นทันทีที่มาถึง แถมยังต้องมาแย่งกับคนอื่นทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การสะสม ของเล่น Art Toy เป็นเรื่องของความพึงพอใจ สำหรับใครที่อยากเข้ามาเก็บสะสม หรือซื้อเพื่อลงทุน อาจต้องคำนึงถึงความเสี่ยงในเรื่องของราคาด้วยนะ ดังนั้นจึงไม่ควรทุ่มเงิน หรือกู้ยืมเงินมาซื้อเพื่อหวังกำไร เพราะหากไม่เป็นอย่างที่คิดจะได้ไม่ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นหนี้ ไม่อย่างนั้นจากความสุขอาจกลายเป็นความทุกข์ก็ได้ หากใครชอบเรื่องราวน่าสนุกแบบนี้ ก็สามารถติดตามเราได้ในกรุงศรี Plearn เพลินได้เลย รับรองมีแต่เรื่องสนุก ๆ ให้ติดตามตลอดปี
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โฆษณา